ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 374 คาดเดาเบื้องต้น
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 374 คาดเดาเบื้องต้น
ตอนที่ 374 คาดเดาเบื้องต้น
แม้ฟรังก้าจะพูดภาษาอินทิส แต่ลูเมี่ยนกลับไม่ค่อยเข้าใจความหมายหรือสิ่งที่ต้องการสื่อ
เด็กหนุ่มมองไปรอบตัว เห็นว่ารอบอาคารที่ถูกเผายังคงเงียบสงบ ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ จึงเอ่ยถามว่า
“อธิบายหน่อยสิ”
ฟรังก้าครุ่นคิดหลายวินาทีก่อนจะพูด
“‘โอรสสวรรค์’ มีความหมายเหมือน ‘จักรพรรดิ’ ส่วน ‘นักพรต’ ก็ให้คิดว่าเป็น ‘ผู้วิเศษที่แข็งแกร่ง’ …”
“ความหมายของประโยคคือ จักรพรรดิผู้มีสมญาว่า ‘โลหิต’ ได้ทำลายนรก นำพาความวุ่นวายมา และนักพรตผู้มีสมญาว่า ‘โลกแห่งความตาย’ ได้สละชีวิตของตนลงในแม่น้ำสายหนึ่ง เป้าหมายคงเป็นการผนึกจักรพรรดิองค์นั้น”
จักรพรรดิผู้มีสมญาว่า ‘โลหิต’ … ลูเมี่ยนตกตะลึงในใจ
“จักรพรรดิโลหิต?”
เขานึกถึงภาพที่เห็นในบ่อน้ำสตรีซามาเรีย
ร่างอันเลือนรางของจักรพรรดิโลหิต ถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟล่องหน เกราะเปื้อนเลือดที่ชำรุดทรุดโทรม สายน้ำมืดหม่นไหลย้อนกลับเข้าไปในตาน้ำ สลับกับเอ่อล้นออกมา สายน้ำที่รวมกับหมอกจางโดยรอบ จนกลายเป็นบ่อน้ำสีซีด ในวินาทีสุดท้าย เศษเสี้ยวของอลิสต้า·ทูดอร์ถูกพลังงานประหลาดดึงกลับเข้าไปในส่วนลึกของตาน้ำ ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนจะต่อสู้กันอย่างดุเดือด
อิงตามคำบรรยายของฟรังก้า ลูเมี่ยนผุดข้อสันนิษฐานใหม่เกี่ยวกับคำพูดของ ‘เกราะซ่อนเงา’ รวมไปถึงประสบการณ์ตรงของตน
เด็กหนุ่มพูดกับฟรังก้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ผมสงสัยว่า ‘โอรสสวรรค์โลหิต’ ที่คุณพูดถึง อาจเป็นเศษเสี้ยวของ ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์”
“แต่ทำไมเศษเสี้ยวของจักรพรรดิโลหิต ถึงมาอยู่ที่บ้านเกิดของฉันได้” ฟรังก้ามิได้นึกถึงอลิสต้า·ทูดอร์ในทีแรก แต่คิดว่าการอนุมานของลูเมี่ยนมีเหตุผลพอสมควร
เกราะเกล็ดปลาแบบพิเศษนั่น กับ ‘วิชาฮึ่มฮ่า’ ที่มาจากตำนานปรัมปรา ทำให้เธอสงสัยแต่แรกแล้วว่า ‘เกราะซ่อนเงา’ มาจากบ้านเกิดของตน ยิ่งเห็นว่าภาษาพูดยังตรงกันเกือบหมด ก็ยิ่งทำให้เธอมั่นใจ
ลูเมี่ยนพยักหน้ารับ
“เรื่องนี้ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนที่ผมกับมาดามเฮล่าลงไปเอาน้ำจากบ่อสตรีซามาเรีย…”
“คุณไปกับมาดามเฮล่ามา?” ฟรังก้าบ่นพึมพำ แต่มิได้คาดคั้นเอาคำตอบจากลูเมี่ยน เพียงฟังอีกฝ่ายบรรยายต่อไป
ลูเมี่ยนเล่ารายละเอียดที่ได้เห็นและประสบ ณ บ่อน้ำสตรีซามาเรียอย่างรวบรัด โดยไม่ปล่อยให้ฟรังก้ามีโอกาสใช้ความคิด เด็กหนุ่มรีบเล่าข้อสันนิษฐานของตนทันที
“ผมสงสัยว่าในสงครามสี่จักรพรรดิ จักรพรรดิโลหิตมิได้ร่วงหล่นอย่างสมบูรณ์ แต่ทิ้งเศษเสี้ยวดวงวิญญาณไว้ด้วยเหตุผลบางอย่าง โดยในศึกแห่งทวยเทพครั้งนั้น โลกของเรากับโลกที่เป็นบ้านเกิดของคุณ เกิดการเชื่อมต่อระหว่างกัน ทำให้แม่น้ำลึกลับจากบ้านเกิดคุณไหลทะลักเข้ามา แต่ถูกมิสเตอร์ฟูลผนึกไว้ จนเกิดเป็นบ่อน้ำสตรีซามาเรีย”
“แม่น้ำสายดังกล่าวคงเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับความตาย โลกแห่งความตาย หรือขอบเขตที่คล้ายกัน เศษเสี้ยวของจักรพรรดิโลหิตในสภาวะ ‘ตาย’ จึงถูกดึงเข้าไป เดินทางไปมาระหว่างบ้านเกิดของคุณกับบ่อน้ำสตรีซามาเรีย หรือแม้กระทั่งทรีอาร์ยุคที่สี่”
“จักรพรรดิโลหิตยังหลงเหลือสัญชาตญาณในการคืนชีพอยู่ เป้าหมายแรกของพระองค์จึงเป็นการหลบหนีจาก ‘การจองจำ’ ของแม่น้ำสายดังกล่าว แต่ระหว่างกระบวนการ พระองค์ได้สร้างความปั่นป่วนแก่นรกในบ้านเกิดของคุณ ผู้วิเศษที่แข็งแกร่งแห่งโลกความตาย หรือในขอบเขตความตาย จึงตัดสินใจเสียสละตัวเอง พลีกายในแม่น้ำลึกลับเพื่อดึงพลังสูงสุดมาใช้ จนผนึกเศษเสี้ยวของจักรพรรดิโลหิตได้อย่างสมบูรณ์”
ฟรังก้าฟังด้วยความสับสนบ้าง กระจ่างบ้าง เมื่อลูเมี่ยนเล่าจบ เธอพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจระคนสงสัย
“การอนุมานของคุณฟังดูลงล็อกไปหมด… สมเหตุสมผลมาก…”
มันอธิบายคำพูดของ ‘เกราะซ่อนเงา’ อธิบายทุกปรากฏการณ์ประหลาดในบ่อน้ำสตรีซามาเรียได้ดี
ฟรังก้านิ่งไปครู่ก่อนพูดต่อ
“ในบ้านเกิดของฉัน แม่น้ำลึกลับเลือนรางสายนั้น คงสอดคล้องกับ ‘น้ำพุเหลือง’”
“แต่ก่อนที่ฉันจะข้ามมา ทั้ง ‘น้ำพุเหลือง’ และ ‘ใต้พิภพ’ ต่างก็เป็นแค่ตำนานอันคลุมเครือ ไม่มีใครพิสูจน์ได้ แถมยังไม่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ‘โอรสสวรรค์โลหิต’ หรือ ‘นักพรตโลกแห่งความตาย’ เลยสักนิด…”
“หรือเป็นเพราะฉันธรรมดาเกินไป เลยสัมผัสไม่ถึง?”
ลูเมี่ยนหัวเราะเบาๆ
“ก่อนที่ผมจะรู้ว่าโอลัวร์เป็นจอมเวท พวกพลังเหนือธรรมชาติ ปีศาจ หรือภูตผี ก็ไม่มีอยู่จริง”
ฟรังก้าร้อง ‘อืม’ คำหนึ่ง สีหน้าค่อยๆ ตื่นเต้น
“ในเมื่อมีทางเชื่อมระหว่างสองโลก การกลับบ้านเกิดของพวกเราก็มิใช่ความฝันอันเลือนรางอีกต่อไป!”
“มาดามเฮล่ากล่าวว่า บ่อน้ำสีซีดนั่น แค่สัมผัสก็ตายแล้ว” ลูเมี่ยน ‘ใจดี’ เตือน
ใบหน้าของฟรังก้าแข็งทื่อไปสองสามวินาที
“ก็แค่สำหรับเราในตอนนี้ บางทีถ้ามีเทวบารมี กลายเป็นนักบุญ ก็คงสัมผัสได้โดยตรง”
“ร่างของเทวทูตกับเทพแท้จริง ก็ถูกจองจำอยู่ในบ่อน้ำ” ลูเมี่ยนเตือนอีกครั้ง
“…” ฟรังก้าขวางตาใส่ลูเมี่ยน “เอาแต่ขัดอยู่นั่น! เมื่อก่อนไม่มีทิศทาง ไม่มีทางเดิน ไม่มีความหวัง ตอนนี้อย่างน้อยก็มีแสงสว่างบ้างแล้ว รู้ว่าต้องสู้ไปทางไหน… หนึ่งในเหตุผลที่มาดามเฮล่าลงไปตักน้ำจากบ่อสตรีซามาเรีย อาจเพื่อตรวจสอบสถานะของแม่น้ำเลือนรางนั่น ดูว่ามันใช่ ‘น้ำพุเหลือง’ จริงหรือไม่… สมแล้วที่เป็นมาดามเฮล่า หาเบาะแสได้เร็วกว่าพวกเราทุกคน!”
ลูเมี่ยนยักไหล่เล็กน้อย มิได้ทำลายความกระตือรือร้นและความฮึกเหิมที่กำลังพลุ่งพล่านของฟรังก้า
ฟรังก้าเดินไปมาด้วยความตื่นเต้น ไม่นานก็โพล่งถาม
“เมื่อสักครู่คุณถามเกราะซ่อนเงาว่ามาจากไหน ทำไมมันถึงเล่าเรื่อง ‘จักรพรรดิโลหิต’ กับ ‘นักพรตโลกแห่งความตาย’ ล่ะ?”
นี่มันตอบไม่ตรงคำถามชัดๆ!
หรือจะซ่อนความลับบางอย่างไว้?
ลูเมี่ยนคิดแล้วพูด
“มันเป็นวิญญาณที่เกิดขึ้นหลังความตาย พลังบางส่วนจึงอยู่ในขอบเขตแห่งความตายชัดเจน… มันยังมีแรงผลักดันที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการ หลบหนีออกจากกรงขัง… จากทั้งหมดนี้ ผมคิดว่ามันคือสิ่งมีชีวิตประเภทภูตผีปีศาจที่ถูก ‘นักพรตโลกแห่งความตาย’ ผนึกไว้ การถามมันว่ามาจากไหน ย่อมต้องเกี่ยวข้องกับสถานะปัจจุบันของ ‘นักพรตโลกแห่งความตาย’ คำตอบจึงออกมาเป็นเมื่อสักครู่”
ฟรังก้าเข้าใจทันที
“มีเหตุผล!”
“มันถูก ‘นักพรตโลกแห่งความตาย’ ทำลายกายทองคำแล้วผนึกไว้ จึงต้องสะสมทองมาหล่อกายทองคำใหม่ เพื่อหลบหนีจากการจองจำ?”
เห็นลูเมี่ยนยังงงอยู่ ฟรังก้าจึงอธิบายนิยามของกายทองคำ รวมถึงความเข้าใจของเธอเบื้องต้น
“อย่างนี้นี่เอง” ลูเมี่ยนพยักหน้าเชื่องช้า “ต่อไปเราอาจใช้ทองคำเจรจากับเกราะซ่อนเงาได้ แต่ไม่ควรปล่อยให้มันกลับสู่ร่างเดิมอย่างแท้จริง ไอ้นี่อันตรายมาก จิตมุ่งร้ายรุนแรง ถ้าหลุดจากผนึกไม่รู้จะทำอะไรบ้าง”
ฟรังก้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง
“อย่างน้อยต้องรอจนพวกเราไปถึงลำดับ 4 ก่อน ค่อยคิดเรื่องการปลดผนึกให้มัน”
ลูเมี่ยนอุทาน ‘โฮ่’
“คุณพูดเองไม่ใช่หรือ การได้รับเทวบารมี กลายเป็นนักบุญ คือเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก ทำไมตอนนี้มั่นใจนักล่ะ?”
“ก็พอมีเป้าหมาย เต็มไปด้วยแรงผลักดัน จะลองเพ้อฝันดูบ้างไม่ได้หรือ…” ฟรังก้าชำเลืองมองลูเมี่ยน “บัดซบ! นี่พวกเราสลับบทกันอยู่หรือไง?”
เธอจำได้ว่า เมื่อไม่นานมานี้ ตนเพิ่งตำหนิลูเมี่ยนเรื่องที่อีกฝ่ายดูแคลนการเปิดประตูสู่เทวบารมีเกินไป
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“การมีเป้าหมาย มีแรงผลักดันในการต่อสู้ ล้วนเป็นเรื่องที่ดี… อา… การชุมนุมของสมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิกจะเริ่มสัปดาห์หน้าแล้ว คุณจะเล่าเรื่อง ‘เกราะซ่อนเงา’ ‘จักรพรรดิโลหิต’ ‘นักพรตโลกแห่งความตาย’ และ ‘น้ำพุเหลือง’ ให้คนอื่นฟังไหม?”
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเล่า แต่ต้องเก็บเงินจากทุกคนก่อน แต่ตอนนี้น่ะ ในเมื่อปัญหาของกลุ่ม ‘วันเอพริลฟูล’ ยังคลุมเครือ ฉันไม่กล้าแบ่งปันหรอก” ฟรังก้าตอบด้วยสีหน้าครุ่นคิด “แต่เราถามเกี่ยวกับแม่น้ำเลือนรางในขอบเขตความตายได้ ดูว่าใครพอจะมีข้อมูลบ้าง”
ลูเมี่ยนคิดแล้วพูด
“ผมถามเอง”
ฟรังก้าชะงักไปสองวินาที แล้วจึงเข้าใจเหตุผล
ลูเมี่ยนเป็นคนลงไปตักน้ำจากบ่อสตรีซามาเรียกับมาดามเฮล่า การให้พวกพ้องที่ปลอมตัวเป็น ‘มักเกิ้ล’ คนนี้ถามถึงประเด็นดังกล่าว ย่อมสมเหตุสมผลกว่า มีที่มา มีการไตร่ตรอง และสอดคล้องกับตรรกะทั้งหมด
ต้องไม่ลืมว่า สำหรับเฮล่า ลูเมี่ยนกับ ‘ดาบซ่อนแขน’ ไม่รู้จักกัน หากฟรังก้าโพล่งเกี่ยวกับแม่น้ำแห่งความตายออกมา เธอจะถูกสงสัยแน่นอน
…………
วันจันทร์ ฟรังก้ามาที่ร้านกาแฟเรือนแดงในเมืองชาโยอีกครั้ง
แตกต่างจากครั้งก่อน แม้เธอจะยังใช้ ‘คำลวง’ เปลี่ยนเป็นผมดำตาน้ำตาล แต่เสื้อผ้าก็ใกล้เคียงกับชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว รองเท้าบูต
ก็เพื่อให้นางมารคนนั้นเชื่อว่า เธอคือผู้ชายที่กลายเป็นนางมาร จะได้ไม่ฉวยโอกาสลงมือโดยไม่พูดไม่จากันก่อน
น่าเสียดายที่นางมารผมสีส้มแดงคนนั้น มิได้ปรากฏตัวตลอดช่วงเช้า มีเพียงลูกค้าสตรีสองคนชวนฟรังก้าคุยในเวลาแตกต่างกัน เป็นบทสนทนาที่ราบรื่นชื่นมื่น
ฟรังก้าจิบกาแฟ รับมือกับคนที่มาชวนคุย โดยไม่มีอาการร้อนรน
สิ่งที่เธอแปลกใจคือ เหตุใดลูเมี่ยนถึงไม่ร้อนใจ กลับสั่งให้เธอค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้นตอน อย่าลืมว่าหากไม่รีบกำจัดสมาชิกหลักของสมาคมเสียวซ่าน ซึ่งใกล้ชิดสนิทสนมกับซูซานน่า·มาติสโดยเร็ว เด็กหนุ่มก็ต้องอยู่ใต้เงาของโรงเรียนกุหลาบต่อไป
…………
ลูเมี่ยนรายงานเรื่อง ‘สมาคมเสียวซ่าน’ ‘โรงเรียนกุหลาบ’ และงานเลี้ยงรื่นเริงของสตรีที่ร้านกาแฟเรือนแดงให้มาดามเมจิกเชี่ยนทราบ และได้รับคำตอบเรียบง่าย
“อย่าออกจากทรีอาร์ในระยะนี้ ก็ไม่เกิดปัญหาใหญ่แล้ว”
ลูเมี่ยนจุดไฟเผากระดาษจดหมาย ออกจากถนนไนติงเกล เดินเหมือนเดินเล่นไปยังถนนใหญ่ตลาด
ใกล้ถึงคาบาเร่ต์ลมเอื่อย เขาเห็นร่างคุ้นตา
คนผู้นั้นมีดวงตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งสูง มีหนวดเคราสีเชือกป่านเต็มคาง สวมเสื้อคลุมยาวคล้ายพ่อมดโบราณ ไม่ใช่ใครนอกจากออสตา·ทรูเอล ผู้วิงวอนความลับที่พาลูเมี่ยนเข้าร่วมชุมนุมศาสตร์เร้นลับของมิสเตอร์ K
“กะหล่ำปลีของฉัน” ลูเมี่ยนถามยิ้มๆ “นายมาทำอะไรแถวนี้?”
ออสตา·ทรูเอล ตอบด้วยเสียงทุ้มน่าฟัง
“มาจ่ายหนี้กับบารอนบรินิแยร์”
“รวยแล้ว?” ลูเมี่ยนเลิกคิ้ว
ออสตา·ทรูเอลยิ้มเล็กน้อย
“ใช่ ผมเพิ่งค้นพบว่า บางพระนามในความรู้ที่แถมมากับโอสถ สามารถสวดวิงวอนได้โดยไม่มีอันตราย นั่นช่วยได้มากทีเดียว”
ลูเมี่ยนชะงักไปครู่ รีบยกมือขวาขึ้น แววตาเปลี่ยนเป็นลึกลับ จิ้มลงบนหน้าอกตัวเองตามลำดับ บน ล่าง ซ้าย ขวา สี่ครั้ง
ออสตาตอบกลับด้วยท่าทางเดียวกัน ยิ้มอย่างเป็นกันเองยิ่งขึ้น
ลูเมี่ยนไม่ชวนคุย โบกมือแล้วเดินผ่าน ‘ผู้วิงวอนความลับ’ รายนี้ไป
เด็กหนุ่มเดินไม่พูดไม่จา จนมาถึงรูปปั้นลูกบอลสีขาวที่ประกอบจากหัวกะโหลกหน้าคาบาเร่ต์ลมเอื่อย แล้วถอนหายใจแผ่วเบา
สามทุ่มตรง ลูเมี่ยนที่รออยู่ในห้อง 207 โรงแรมระกาทองมาหลายชั่วโมง ในที่สุดก็เห็นหัวกะโหลกเงินแท้ ซึ่งมีเปลวไฟสีซีดลุกโชนในเบ้าตา นำจดหมายฉบับหนึ่งมาให้
จดหมายจาก ‘เฮล่า’ เนื้อหาค่อนข้างสั้น
“การชุมนุมจะเริ่มในอีกหนึ่งชั่วโมง”
“หากต้องการเข้าร่วม ให้ท่องคาถาต่อไปนี้ในใจ ภายในห้านาทีก่อนหรือหลังสี่ทุ่มตรง”
……………………………………………………..