ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 373 อัญเชิญเกราะซ่อนเงาอีกครั้ง
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 373 อัญเชิญเกราะซ่อนเงาอีกครั้ง
ตอนที่ 373 อัญเชิญเกราะซ่อนเงาอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปราวสิบห้านาที มาดามเมจิกเชี่ยนก็ตอบกลับด้วยจดหมายฉบับสั้น
“สาเหตุการเสื่อมโทรมของตระกูลเซารอนที่ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กค้นพบ ขัดแย้งกับข้อสันนิษฐานของฉัน ดูเหมือนว่าสิ่งที่พวกเขาอ้าง อาจไม่เท่ากับสิ่งที่พวกเขามีจริง… บางที พวกเขาอาจสืบรู้เพียงข้อมูลสำคัญบางอย่าง ซึ่งช่วยให้บรรลุเป้าหมายภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม โดยหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่ว่า เกี่ยวข้องกับตระกูลเซารอนอย่างเลี่ยงไม่ได้”
อ่านถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนปวดตึงไปถึงขมับ มาดามเมจิกเชี่ยนเขียนตอบยืดยาวก็จริง แต่ประเด็นสำคัญมักคลุมเครืออยู่เสมอ เด็กหนุ่มอ่านเข้าใจทุกคำ แต่เมื่อรวมกันแล้ว กลับไม่กระจ่างสิ่งใดเลย
ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กมีอะไรอยู่จริง แล้วอ้างว่ามีอะไร?
ลูเมี่ยนขยี้หัวคิ้ว แล้วอ่านต่อ
“สำหรับเธอ นี่เป็นทั้งอันตรายและโอกาส การสืบหาความจริงเบื้องหลังการเสื่อมโทรมของตระกูลเซารอน ก็เป็นสิ่งที่ฉันคาดหวังเช่นกัน นี่คืองานระยะยาวที่มิสเตอร์ฟูลทรงมอบให้พวกเราชุมนุมทาโรต์… เฉกเช่นที่ ‘สองถ้วย’ ติดต่อกับนิกายนางมาร เพื่อยืนยันสถานะของ ‘นางมารต้นกำเนิด’ … เธอไม่ต้องรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป ถึงต้องใช้เวลาหลายปีก็ไม่เป็นไร”
“…” ลูเมี่ยนอ่านแล้วผงะเล็กน้อย
เด็กหนุ่มพอเดาได้อยู่แล้ว ว่ามาดามจัดจ์เมนต์ อาร์คาน่าใหญ่ของฟรังก้า ยินยอมให้เธอติดต่อกับนิกายนางมาร แต่อะไรคือภารกิจที่น่ากลัวอย่างการยืนยันสถานะ ‘นางมารต้นกำเนิด’ ?
นั่นคือเทพแท้จริงเชียวนะ!
ตามความรู้ที่ลูเมี่ยนรับมาจากหลายช่องทางในช่วงหลัง ไม่เพียงแต่ห้ามมองเทพ การเข้าใจสถานการณ์ของพระองค์อย่างชัดเจน ถือเป็นเรื่องที่อันตรายมากเช่นกัน
ส่วนเทพมารเจ้าของนาม ‘ชะตากรรม’ แค่รู้ว่าพระองค์มีอยู่จริง ก็เท่ากับถูกเปื้อนแล้ว
ภารกิจระยะยาว… งานที่ฟรังก้าจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเป็นครึ่งเทพแล้ว? ลูเมี่ยนขบคิด ก้มอ่านย่อหน้าสุดท้ายของจดหมาย
“เธอจดจ่อกับภารกิจนี้ไปก่อน หากต้องการความช่วยเหลือ แล้วไม่เหลือทางเลือกอื่น ให้เขียนจดหมายแจ้งฉันล่วงหน้า… สำหรับงานของชุมนุมแสงเหนือ เธอไม่ต้องรับภารกิจอื่นแล้ว ให้ยึดชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กเป็นหลัก ฉันเชื่อว่ามิสเตอร์ K จะเข้าใจ”
ก่อนหน้านี้ ภารกิจที่มาดามเมจิกเชี่ยนมอบให้เราคือ เข้าร่วมชุมนุมแสงเหนือ บ่มเพาะความไว้วางใจจากมิสเตอร์ K… เป้าหมายสูงสุดของเธอคงอยากให้เราเป็น ‘ผู้แจ้งสาร’ สักตำแหน่ง ภารกิจเกี่ยวกับชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กเป็นแค่ ‘ขั้นตอน’ สำหรับบรรลุภารกิจดังกล่าว… แต่คำนึงจากท่าทีปัจจุบัน เป้าหมายของเธอคงเปลี่ยนไปแล้ว เรื่องของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กต้องมาก่อน… ลูเมี่ยนอ่านนัยสำคัญจากจดหมาย
เปลวไฟสีแดงฉานลุกโชน เผาทำลายกระดาษจดหมายในมือ จากนั้นลูเมี่ยนก็สะพายเป้ โยนถุงมือ ‘ทุบตี’ เข้าไป แล้วมุ่งหน้าไปยังถนนเสื้อนอกขาว
เด็กหนุ่มสุ่มเลือกร้านกาแฟสักแห่งเพื่อกินมื้อเช้า
จนกระทั่งเกือบเก้าโมงตรง ลูเมี่ยนเคาะประตูห้อง 601 ของอพาร์ตเมนต์เสียงดังสนั่น
คราวนี้ฟรังก้าไม่ได้บ่นที่ถูกปลุก ดูเหมือนเธอยังไม่ได้นอนด้วยซ้ำ สีหน้าซูบซีด ท่าทางกังวลใจ
พอเห็นลูเมี่ยน เธอก็เกาผมสีเชือกป่านที่ยังไม่ได้รวบเป็นหางม้า แล้วเอ่ยปาก
“คุณต้องไม่เชื่อแน่ ฉันเพิ่งรับภารกิจที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลก!”
“ยืนยันสถานะของนางมารต้นกำเนิด?” ลูเมี่ยนหัวเราะ
เมื่อทราบว่าฟรังก้าสมัครใจ เด็กหนุ่มจึงมิได้เครียดแทนอีกฝ่าย
“คุณรู้ได้ยังไง?” ฟรังก้าตกใจ
“อยากฟังเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง? เรื่องแต่งคือ ผมทำนายได้ ส่วนเรื่องจริงคือ ผมเพิ่งรายงานสถานการณ์ของตัวเองกับอาร์คาน่าใหญ่ แล้วเธอก็เล่าตัวเลือกของคุณให้ฟัง” ลูเมี่ยนเดินไปทางโซฟายาว นั่งลงอย่างผ่อนคลาย “จินนาล่ะ?”
ฟรังก้าเข้าใจแจ่มแจ้ง พลางตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ไปโรงละครกรงพิราบเก่าแล้ว”
“หลังจากทวงเงินชดเชยของพ่อสำเร็จ เธอก็หมกมุ่นอยู่กับการกระตุ้นคนอื่น เมื่อวานก็แอบกระตุ้นนักแสดงสมทบหญิงที่หมดสัญญาแล้ว ให้ย้ายไปอยู่โรงละครในเขตหอรำลึก… ก็นะ ที่นั่นจ่ายหนักกว่าพอสมควร แต่ถ้ามาขอฉันขึ้นค่าจ้าง ใช่ว่าจะไม่ช่วยสักหน่อย โรงละครกรงพิราบเก่าก็ทำเงินอยู่”
เธอมิได้ตำหนิจินนา เพราะอีกฝ่ายมาถามความเห็นก่อนแล้ว ซึ่งฟรังก้าก็อนุญาตไป เพราะมองว่าการกระตุ้นแบบนี้ดีต่อพัฒนาการ อีกทั้ง เมื่อนักแสดงสมทบออกไปหนึ่งคน โอกาสก็จะมาถึงนักแสดงฝึกหัดอย่างจินนา หรือไม่ก็พวกอดีตหางเครื่อง
เล่าเรื่องนี้จบแบบรวบรัด ฟรังก้าถอนหายใจ
“มาดามจัดจ์เมนต์แค่ให้ฉันติดต่อกับนิกายนางมาร นำทรัพยากรของทางนั้นมาพัฒนาตัวเอง โดยต้องกดแรงกระหายส่วนตัวกับสภาพจิตใจให้มั่นคง ระหว่างนั้นก็คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของนิกาย สืบหาแผนการระยะใกล้ รอจนกว่าฉันจะมีเทวบารมีอย่างแท้จริง กลายเป็นนักบุญเต็มตัว ค่อยมาคิดถึงการยืนยันสถานะ ‘นางมารต้นกำเนิด’ … อา… ถ้าลองวิเคราะห์จากความเคลื่อนไหวของนิกาย แผนระยะใกล้ รวมถึงปฏิกิริยาขณะพวกเธอสวดวิงวอนถึงนางมารต้นกำเนิด ก็คงพออนุมานอะไรได้บ้าง”
“คุณไม่กังวลกับเนื้อหาของงานเลยหรือ” ลูเมี่ยนเลิกคิ้ว
ฟรังก้าถอนหายใจ
“ก็กังวลอยู่ แต่สิ่งที่กังวลยิ่งกว่าคือ ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็ต้องเป็นนางมารลำดับ 4 จะกลับไปเป็นผู้ชายไม่ได้”
“รอจนถึงลำดับ 3 ก็ได้นี่” ลูเมี่ยนพูดอย่างสบายๆ
“ก็ใช่ ถึงจะฟังดูยากสักหน่อย…” ฟรังก้าคิดเผื่อในจุดนี้แล้ว จึงเปลี่ยนมาถามลูเมี่ยน ถึงเหตุผลที่ต้องรายงานสถานการณ์กับมาดามเมจิกเชี่ยนกะทันหัน
ลูเมี่ยนเล่าประสบการณ์ที่ปราสาทหงส์แดงเมื่อวาน คำพูดของการ์ดเนอร์·มาร์ติน โดยมิได้ลงลึกรายละเอียด
ฟรังก้าฟังอย่างตั้งใจ คิดสักพักแล้วพูด
“งานของเราสองคน เมื่อนำมารวมกัน ก็คือความลับและความเคลื่อนไหวขององค์กรที่ควบคุมเส้นทาง ‘นักล่า’ และ ‘นางมาร’ สินะ…”
“ดูชุมนุมทาโรต์จะสนใจประเด็นนี้มากเลย…”
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“ถือเป็นโอกาสของเรา”
ฟรังก้า ‘อา’ ในคอ ก่อนจะฉุกคิดบางสิ่ง
“คุณสั่งให้เคานต์ปุยฟ์ถวายทองคำแท่งมูลค่าเท่าไรนะ?”
“สามหมื่น” ลูเมี่ยนตอบตามตรง
ตาของฟรังก้าเป็นประกาย
“ตอนนี้คุณมีทองคำเท่าไรแล้ว”
“เจ็ดหมื่นห้า และพร้อมเพิ่มอีกหกพันได้ทุกเมื่อ” ลูเมี่ยนไม่ปิดบัง
รอยยิ้มของฟรังก้ากว้างขึ้นทันที
“งั้นฉันจะให้คุณยืมสองหมื่นห้าก่อน ไม่คิดดอกเบี้ยด้วย!”
“เราจะอัญเชิญเกราะซ่อนเงาคืนนี้เลย เพื่อคลี่คลายบางประเด็นให้กระจ่างก่อนการชุมนุมสัปดาห์หน้า”
“คุณเก็บเงินได้สองหมื่นห้าพันเฟลคินแล้ว?” ลูเมี่ยนค่อนข้างประหลาดใจ
เด็กหนุ่มยังจำได้ว่า ฟรังก้าใช้เงินเก็บจนเกลี้ยงเพื่อเลื่อนลำดับเป็นนางมารสุขสม
ฟรังก้าพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ฉันได้สองหมื่นจากการช่วยคุณจัดการกิโยม·เบเนต์ แล้วพักหลังมานี้ การ์ดเนอร์·มาร์ตินคงมีความสุขมาก ยอมให้ฉันจัดการรายได้ส่วนใหญ่ของโรงละครกรงพิราบเก่ากับพวกหางเครื่องเอง หึหึ… มาดามจัดจ์เมนต์ยังให้เงินทุนภารกิจอีกหนึ่งหมื่นด้วย”
หาเงินไม่ได้ช้ากว่าเราเลย… ลูเมี่ยนทราบดี กำไรของโรงละครกรงพิราบเก่า กับพวกหางเครื่อง ถึงจะสู้คาบาเร่ต์ลมเอื่อยไม่ได้ แต่ก็ไม่น้อยเช่นกัน ถ้าฟรังก้าได้ส่วนแบ่งไปเกือบทั้งหมด ต่อเดือนจะมีรายรับราวสองหมื่น
เขาพยักหน้ารับ
“ตกลง คืนนี้ห้าทุ่ม จัดพิธีอัญเชิญที่เดิม”
ความยินดีของฟรังก้าปรากฏชัดบนใบหน้า
“ฉันจะให้คนไปแลกทองคำสองหมื่นห้าเดี๋ยวนี้เลย”
…………
กลางดึกสงัด ท่าเรือริสต์ ภายในอาคารที่ถูกเผา
ฟรังก้ามองลูเมี่ยนจัดเตรียมแท่นบูชา วางทองคำทั้งหมดลงไป
เธอมิได้อยู่นอกกำแพงวิญญาณ แต่เลือกอยู่ข้างๆ พวกพ้อง
ลูเมี่ยนจุดเทียนไข ไล่หยดน้ำมันหอม ถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยปาก
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย”
“…”
เกือบจะพร้อมกัน ฟรังก้าร่วมสวดนามของมิสเตอร์ฟูล ป้องกันมิให้บาดเจ็บจากพิธีกรรม
ในไม่ช้า ท่ามกลางหมอกเจือจาง ท่ามกลางอันตรายที่ไหลเวียน ลูเมี่ยนกล่าวท่อนสุดท้ายของคาถา:
“ตัวข้า!”
“ขออัญเชิญในนามของเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่”
“วิญญาณที่เตร็ดเตร่ท่ามกลางความว่างเปล่า กลุ่มก้อนที่ประกอบจากเงาจำนวนมาก สัตว์พันธสัญญาของลูเมี่ยน·ลี”
ประตูมายาที่ปกคลุมด้วยลวดลายประหลาด ถูกวาดจากเปลวเทียนที่ลุกโชน ร่างอันคลุมเครือในชุดเกราะสีดำคล้ายเกล็ดปลาก้าวออกมา
เฉกเช่นคราวก่อน เกล็ดแต่ละอันดูเหมือนมีใบหน้าติดอยู่ แต่ละใบหน้ามาจากสิ่งมีชีวิตที่ต่างกัน
เกราะเกล็ดปลาจริงๆ ด้วย… ฟรังก้ามองอย่างตั้งใจ ทั้งคาดหวังและกังวล
จนเธอลืมความกระสับกระส่าย ลืมเจตนาร้ายอันคมชัดที่แผ่จากเกราะซ่อนเงา
ลูเมี่ยนมองเกราะซ่อนเงา แล้วพูดเป็นภาษาเฮอร์มิส:
“ข้ามาทำตามสัญญา ขอสังเวยทองคำมูลค่าหนึ่งแสนเฟลคินแด่เจ้า”
อันที่จริง เด็กหนุ่มยังไม่กระจ่างกับนิยามของ ‘ทองคำมูลค่าหนึ่งแสนเฟลคิน’ ในเงื่อนไขสัญญา เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเฟลคินกับทองคำ มีความผันผวนตลอดเวลา ไม่แน่ใจว่าควรใช้อัตราแลกเปลี่ยนขณะทำสัญญา หรืออ้างอิงจากปัจจุบัน จึงต้องแลกทองคำมูลค่าหนึ่งพันเฟลคินมาเผื่อไว้
เมื่อสิ้นเสียงลูเมี่ยน ทองคำแท่งกับทองรูปพรรณที่วางอยู่บนแท่นบูชา พลันแตกสลาย กลายเป็นผงทองคำปริมาณมหาศาล ลอยละล่องไปยังประตูลึกลับรางเลือน
ส่วนใหญ่ตกลงบนเกราะซ่อนเงา ส่วนน้อยลอยผ่านประตูมายาที่เปิดอ้า บอกไม่ได้ว่าไปที่ใด
พื้นผิวเกือบหนึ่งในห้าของเกราะสีดำที่คล้ายเกล็ดปลา เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองทีละนิด ไม่หม่นหมองอีกต่อไป กลายเป็นสีทองสุกใสศักดิ์สิทธิ์
ฟรังก้ามองจนตาแทบค้าง
ในใจนึกถึงตำนาน นึกถึงคำศัพท์จากโลกเดิม พลางพึมพำกับตัวเอง:
“นี่มัน… หล่อกายทองคำใหม่?”
ในความทรงจำของเธอ กายทองคำหมายถึง เทวรูปที่ถูกทาด้วยผงทอง หรือปิดด้วยแผ่นทองคำเปลว บางครั้งก็หมายถึงกายเนื้อของผู้มีเทวบารมี หรือผู้ที่บรรลุแล้ว ซึ่งสิ่งที่เกราะซ่อนเงาแสดงให้เห็น เปรียบได้กับเทวรูปที่ชำรุด กำลังทาผงทองใหม่ให้ตัวเอง
เมื่อทองคำบนแท่นบูชาหายไปจนหมด ลูเมี่ยนสัมผัสได้ว่า พันธสัญญาถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์แล้ว
เด็กหนุ่มถือโอกาสถามแทนฟรังก้าเป็นภาษาเฮอร์มิส
“เจ้ามาจากที่ใด”
เกราะซ่อนเงาอ้าปาก เอ่ยประโยคหนึ่งด้วยเสียงต่ำลึก น่าเกรงขามแต่วังเวงเลือนราง
แต่ลูเมี่ยนไม่เข้าใจเลยสักคำ ทำได้เพียงมองส่งเกราะซ่อนเงากลับเข้าไปในประตูมายา สีหน้างุนงงปนสงสัย
เมื่อสิ้นสุดพิธีอัญเชิญ ลูเมี่ยนหันไปมองฟรังก้า พบว่าพวกพ้องของตนกำลังเหม่อ ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าฉงนสนเท่ห์
เด็กหนุ่มถามอย่างใคร่รู้
“คุณเข้าใจคำตอบของเกราะซ่อนเงา?”
ฟรังก้าพยักหน้าเชื่องช้า
“ภาษาที่เขาใช้ ใกล้เคียงกับภาษาบ้านเกิดของฉันมาก”
“สิ่งที่เขาพูดคือ…”
ฟรังก้าเว้นวรรคครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าเหม่อลอย
“โอรสสวรรค์โลหิตก่อกวนใต้พิภพ นักพรตโลกแห่งความตายสังเวยตนลงแม่น้ำ”
……………………………………………………..