ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 358 ประมาทเลินเล่อ
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 358 ประมาทเลินเล่อ
ตอนที่ 358 ประมาทเลินเล่อ
มาดามเมจิกเชี่ยนหัวเราะเบาๆ
“สนใจทำไมล่ะ? เธอใช้มันไม่ได้หรอก มีแต่จะทำให้ลืมความทรงจำ ลืมความรู้สึกทั้งหมดก่อนหน้านี้ กลายเป็นคนใหม่ไปเลย”
“อา… ในสามเส้นทางของ ‘ผู้เก็บซากศพ’ ‘ผู้ไร้หลับ’ และ ‘นักรบ’ น้ำจากบ่อสตรีซามาเรียมีประโยชน์ต่างกันไปตามวิธีใช้ พิธีกรรม และส่วนผสม รวมถึงการลบความทรงจำชั่วคราว รักษาวิญญาณที่เสียหายไปถึงแก่น เพิ่มสัมผัสวิญญาณ เป็นวัตถุดิบสำคัญในพิธีกรรม นำพาพลังไปสู่แขนงที่แตกต่าง… เป็นต้น”
สามเส้นทางใกล้เคียงที่สามารถสลับกันได้ระหว่าง ‘ผู้เก็บศพ’ ‘ผู้ไร้หลับ’ และ ‘นักรบ’ ? ลูเมี่ยนสกัดข้อมูลสำคัญ
จากนั้น มาดามเมจิกเชี่ยนมองเขาแล้วเก็บยิ้ม
“หมดคำถามแล้วใช่ไหม”
ลูเมี่ยนคิดสักครู่แล้วตอบ
“ตอนนี้ไม่มีแล้วครับ”
มาดามเมจิกเชี่ยนพยักหน้า
“ถ้างั้นก็ถึงตาฉันถามบ้าง”
“ครับ?” ลูเมี่ยนสงสัย
เขาเล่ารายละเอียดทั้งหมดไปแล้ว
มาดามเมจิกเชี่ยนเคาะนิ้วลงบนอากาศว่างๆ ตรงหน้าสองสามครั้งอย่างเบามือ
“ทำไมเธอไม่บอกฉันว่ามาดามจัสติสมอบหมายงานให้ไปที่บ่อน้ำสตรีซามาเรีย?”
ลูเมี่ยนตกใจระคนงุนงง
“ผมคิดว่าเธอคงไปบอกคุณเอง แล้วในเมื่อเธอก็เป็นอาร์คาน่าใหญ่ของชุมนุมทาโรต์เช่นกัน การรับภารกิจจากเธอน่าจะไม่สร้างปัญหาใด ไม่จำเป็นต้องขอคำยืนยันจากคุณก่อน”
มาดามเมจิกเชี่ยนทำหน้าครุ่นคิด
ลูเมี่ยนถามด้วยความสงสัยปนประหลาดใจ
“มาดามจัสติสมีอะไรผิดปกติหรือครับ?”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” มาดามเมจิกเชี่ยนส่ายหน้า “ปัญหาคือ หลังจากเธอรับปากว่าจะทำภารกิจได้ไม่นาน แร่เลือดธรณีก็หายไป โดยที่ฉันไม่รู้ว่าเธอจะลงไปยังสุสานใต้ดินชั้นสี่ ส่วนมาดามจัสติสก็ไม่รู้ว่าแร่เลือดธรณีตกไปอยู่ในมือคนอื่นแล้ว เชื่อว่าเธอคงไม่พกลงไปเอง ไม่สิ มั่นใจว่าเธอไม่มีทางพกลงไปเองแน่”
“หากได้หารือกันล่วงหน้า ฉันจะบอกให้เธอเลื่อนภารกิจออกไปก่อน รอจนกว่าจะยืนยันตำแหน่งของแร่เลือดธรณีได้ หรือเตรียมการรับมือบางอย่าง”
ลูเมี่ยนใคร่ครวญครู่หนึ่ง พบว่าเรื่องราวเป็นไปตามที่มาดามเมจิกเชี่ยนพูดมาจริงๆ
เธอผู้คาดการณ์ว่าแร่เลือดธรณีจะนำพา ‘ประสบการณ์บางอย่าง’ ณ ใต้ดิน ย่อมไม่มองข้ามความเชื่อมโยงลับๆ ระหว่าง ‘การหายไปของแร่เลือดธรณี’ และ ‘การเดินทางไปยังบ่อน้ำสตรีซามาเรีย’ แน่นอน
ต้นตอของปัญหาคือ ความประมาทเลินเล่อเล็กๆ น้อยๆ ของลูเมี่ยน รวมถึงการเตรียมตัวที่เขาคิดว่าสมเหตุสมผลแล้ว
มาดามเมจิกเชี่ยนจ้องหน้าเด็กหนุ่มสองสามวินาที ก่อนจะกล่าวพลางครุ่นคิด
“เรื่องนี้จะโทษเธอก็ไม่ถูก ที่จริงเธอก็เตรียมตัวได้ค่อนข้างดีแล้ว ฉันแค่อยากเตือนเอาไว้เฉยๆ ต่อไปต้องระมัดระวังให้มากขึ้น”
หญิงสาวชะงักเล็กน้อย แล้วกล่าวแฝงเลศนัย
“ในวันข้างหน้า เมื่อต้องลงไปหาทางเข้าของทรีอาร์ยุคที่สี่ ก็ยิ่งต้องระวัง”
“ครับ มาดามเมจิกเชี่ยน” ลูเมี่ยนรับคำสอนอย่างจริงใจ
หลังจากมาดามเมจิกเชี่ยนหายตัวไปต่อหน้าพร้อมกับขวดน้ำจากบ่อสตรีซามาเรีย ลูเมี่ยนก็รีบเก็บแท่นบูชาแล้วกลับไปนั่ง
เด็กหนุ่มทบทวนจุดผิดพลาดของตนเอง
“ประการแรก มาดามเมจิกเชี่ยนพูดถูก เราควรแจ้งภารกิจของมาดามจัสติสให้เธอทราบ ต่อให้พวกเธอคุยกันส่วนตัวในภายหลัง ต่อให้เป็นงานที่ดูแล้วไม่น่าจะเกิดปัญหา แต่เราก็ควรจะบอก เพราะต้องไม่ลืมว่าอาร์คาน่าใหญ่ที่เราสังกัดมิใช่ ‘จัสติส’ แต่เป็น ‘เมจิกเชี่ยน’ การช่วยอาร์คาน่าใหญ่อื่นทำงานต้องได้รับอนุญาตจากอาร์คาน่าใหญ่ของเราก่อน”
“ประการที่สอง ก่อนลงไปยังบ่อน้ำสตรีซามาเรีย เราควรตรวจสอบสถานะตัวเอง ตรวจสอบอุปกรณ์ของตัวเอง แล้วทำการยืนยันขั้นสุดท้าย… กระบวนการเหล่านี้ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เว้นแต่ว่าจะเกิดการต่อสู้อย่างกะทันหัน”
“หากเราจำได้และลงมือทำมัน ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาได้มากมายในอนาคต ไม่ถึงกับไม่รู้เนื้อรู้ตัวนำแร่เลือดธรณีเข้าไปใกล้บ่อน้ำสตรีซามาเรีย… โมไนต์ ไม่สิ อามุนด์จงใจโผล่มาให้เราสะดุ้งหลายครั้ง ก็เพื่อก่อกวนความคิดเรา ให้สมาธิของเราหวาดระแวงพระองค์อยู่ตลอดเวลาแทนที่จะสนใจตัวเอง ส่งผลให้มองข้าม ‘การกลับมา’ ของแร่เลือดธรณี?”
“ประการที่สาม เราละเลยเทอร์มีโพลอสที่ทำตัวแปลกไปจากเดิม… เผชิญหน้ากับโมไนต์ทั้งที พระองค์กลับเอาแต่เงียบ แตกต่างจากคราวก่อนที่คอยกังวลและระแวง หึ… ถึงจะถูกผนึกอยู่ ก็ย่อมต้องรับรู้สถานการณ์รอบตัวผ่านเราได้อยู่แล้ว เป็นถึงเทวทูตแท้ๆ จะไม่สังเกตเห็นตอนที่อามุนด์ยัดแร่เลือดธรณีใส่กระเป๋าเสื้อเราเชียวหรือ?”
“เหนือสิ่งอื่นใด โชคชะตาของพระองค์เชื่อมโยงกับเราอยู่ ในตอนที่เราเข้าใกล้บ่อน้ำสตรีซามาเรียพร้อมกับแร่เลือดธรณี โชคชะตาของเราย่อมต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่มีทางที่พระองค์จะไม่รับรู้ แล้วทำไมถึงไม่ยอมเตือน?”
“พระองค์คงอยากพึ่งพาสภาพแวดล้อมพิเศษของบ่อน้ำสตรีซามาเรีย รวมถึงปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดจากแร่เลือดธรณี เพื่อค้นหาวิธีทำลายผนึกสินะ? หึ… ก็เป็นพระองค์เสียเองที่เตือนเราว่าแร่เลือดธรณีนั้นพิเศษ โดยบอกว่าจะนำพาโอกาสมาให้เรา!”
“พลังประหลาดที่ทำให้เป้าหมายของพระองค์ล้มเหลวนั่น เป็นของใครกัน?”
“เทวทูตของเทพมารไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ พักหลังเทอร์มีโพลอสทำตัวน่าเชื่อถือมาตลอด คอยเตือนเราเป็นครั้งคราว ไม่เพียงจะช่วยให้ตัวเองรอดพ้นจากอันตราย แต่ยังทำให้เราไม่ระวังตัว รอคอยโอกาสที่จะแทงข้างหลังเรา”
“หึๆ แกก็เป็นนักล่าเหมือนกันสินะ”
“หลังจากเข้าใกล้บ่อน้ำสตรีซามาเรีย ไม่มีจุดไหนที่เราตัดสินใจผิด… ท่ามกลางผลข้างเคียงเชิงลบที่ปะทุออกมา รวมถึงมลทินทางจิตที่ซ้อนทับ ไม่ง่ายอยู่แล้วที่เราจะตอบสนองได้ตามปกติ ไม่ต้องไปสนใจว่าจะผิดหรือถูก… ถ้าไม่ใช่เพราะมลทินพวกนั้นขัดแย้งกันเอง คอยฉุดรั้งกันเอง เราคงเสียสติตรงนั้นไปแล้ว”
ลูเมี่ยนทบทวนเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็หัวเราะเสียงแผ่ว
“เทอร์มีโพลอส ทำไมแกถึงไม่เห็นตอนที่โมไนต์ยัดแร่เลือดธรณีกลับเข้ามา?”
เทอร์มีโพลอสเอาแต่เงียบ ไม่ยอมตอบ
หลังจากยืนยันบทบาทของเทวทูตชะตากรรมในเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไป ลูเมี่ยนสำรวจสิ่งของต่างๆ บนร่างกาย ด้วยเกรงว่าพวกมันอาจมีแนวโน้มเข้าใกล้ ‘ความตาย’
โชคดีวัตถุไร้ชีวิตได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย ไม่เกิดความเสียหายที่เป็นรูปธรรม ส่วน ‘สนิม’ ที่ถุงมือสนับ ‘ทุบตี’ ที่เผชิญก็มิใช่การโจมตีของจริง จึงไม่ส่งผลต่อการใช้งาน อย่างมากก็ทิ้งร่องรอยไว้เล็กน้อย
สำหรับ ‘การจ้องมอง’ และ ‘ตัวอันตราย’ ที่จะมาพร้อมการสวมถุงมือ ลูเมี่ยนไม่รู้สึกถึงอะไรเลย จึงเชื่อว่าสภาพแวดล้อมพิเศษของบ่อน้ำสตรีซามาเรียได้จำกัดผลข้างเคียงดังกล่าวเอาไว้
จัดการทุกอย่างเสร็จ ลูเมี่ยนมองไปรอบๆ ด้วยความหวาดกลัวปนรังเกียจต่อบ้านลับที่อามุนด์เคยแอบเข้ามา รู้สึกเหมือนมีสายตาแอบซ่อนอยู่ในอากาศรอบตัว
แน่นอน นี่เป็นเพียงความรู้สึกทางใจ เพราะอย่างไรเสีย มาดามเมจิกเชี่ยนก็เพิ่งจะเข้ามาแล้วจากไป
หลังจากถอดกับดักรอบบ้านลับ ลูเมี่ยนหอบสัมภาระทั้งหมดเดินออกจากประตูไป ตั้งใจว่าจะไม่กลับมาอีก ยอมเสียค่าเช่าไปเปล่าๆ
…………
กรุงทรีอาร์ ในสวนสาธารณะเขียวชอุ่ม
‘เมจิกเชี่ยน’ ในชุดกระโปรงยาวสีน้ำตาลอ่อน มองสุนัขขนทองตัวใหญ่เดินเล่นอยู่ริมสนามหญ้า พลางกล่าวกับสุภาพสตรีด้านข้าง
“นำน้ำจากบ่อสตรีซามาเรียกลับมาแล้ว”
สุภาพสตรีคนดังกล่าวสวมชุดกระโปรงยาวเรียบง่าย ลวดลายสีเขียวบนพื้นหลังสีขาว เรือนผมสีบลอนด์เงางามถูกมัดรวบพอเป็นพิธี นัยน์ตาสีเขียวราวกับอัญมณีของเธอ ใสกระจ่างดุจดังทะเลสาบที่สะท้อนภาพแมกไม้
เธอพูดพลางยิ้มเล็กๆ
“เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นหรือ? นึกว่าจะให้ผู้ส่งสารนำมาส่งเสียอีก”
เมจิกเชี่ยนพยักหน้า สรุปใจความสำคัญของเรื่องราวอย่างรวบรัด แล้วทิ้งท้ายว่า
“บังเอิญว่าช่วงนี้เราไม่ได้เจอกันเลย ทำให้ขาดการสื่อสารระหว่างกัน”
“ผลลัพธ์ก็คือ ฉันรู้ว่าเขาทำแร่เลือดธรณีหาย ต้องสงสัยว่าอามุนด์ขโมยไป แต่ไม่รู้ว่าเขากำลังจะไปบ่อน้ำสตรีซามาเรีย ส่วนคุณตรงกันข้าม รู้ว่าเขากำลังจะไปบ่อน้ำสตรีซามาเรีย แต่ไม่รู้ว่าแร่เลือดธรณีถูกขโมย”
‘จัสติส’ ฟังอย่างสงบ เงียบไปสองสามนาทีแล้วพูดพลางถอนหายใจ
“รูปแบบเหมือนท่านผู้นั้นเลยนะ…”
“เป็นท่านผู้นั้นจริงหรือ?” เมจิกเชี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย “พระองค์เริ่มจับตาดูตั้งแต่เมื่อไร? มิใช่ว่าถูกอำพรางไว้ตั้งแต่ต้นหรือ”
จัสติสคิดพักแล้วพูด
“ถ้าเป็นพระองค์ ทุกอย่างจะลงล็อก ตอนนี้สิ่งสำคัญคือ พระองค์ต้องการ ‘จัดแจง’ อะไรกันแน่”
“ไม่รู้สิ” เมจิกเชี่ยนยิ้มเยาะตัวเอง “แต่ในเมื่อเหตุการณ์บ่อน้ำซามาเรียเกิดขึ้นแล้ว ฉันคิดว่า…”
พูดถึงตรงนี้ หญิงสาวถอนหายใจพลางเดินเข้าไปในความว่างเปล่าที่ล้อมด้วยแสงดาว
“อีกไม่นาน ประตูสู่ทรีอาร์ยุคที่สี่จะเปิดออกอย่างแท้จริง”
…………
ด้านนอกปราสาทร้างแห่งหนึ่ง
ร่างของจัสติสปรากฏขึ้นระหว่างกรอบประตู โดยถือขวดสีทองบรรจุน้ำจากบ่อซามาเรียไว้ในมือ
เบื้องหน้าหญิงสาว ทะเลมายาอันมืดมิดปรากฏขึ้น เมื่อก้าวเข้าไปเธอก็มาถึงโลกแห่งความฝันพิเศษ
ในโลกความฝัน อนุสาวรีย์ศพสีดำซึ่งคว่ำหัวลงเป็นชั้นๆ ไม่เพียงจะขาดหายไปบางส่วน แต่ยังแตกออกเป็นสองซีก ผิวด้านนอกมีรอยแตกลึก เต็มไปด้วยขนนกสีน้ำตาลอ่อนเปื้อนน้ำมัน รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของความตาย
จัสติสลอยอยู่กลางอากาศ เริ่มเอียงขวดสีทองใบเล็กในมือ
น้ำจากบ่อสตรีซามาเรียบางส่วน ภายใต้การชักนำของเธอ กลายเป็นสายฝนสีเข้ม โปรยปรายลงสู่ผืนดินอย่างอ่อนโยน
ทุกร่องรอยความชำรุดทรุดโทรมถูกเยียวยา อนุสาวรีย์ศพทั้งสองฝั่งค่อยๆ ประสานเข้าหากัน
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จัสติสเก็บขวดสีทอง ก้มมองน้ำจากบ่อสตรีซามาเรียที่ยังเหลือ พลางพึมพำกับตัวเองเงียบงัน
“อีกสักสองครั้งน่าจะได้”
…………
บนชั้นสองของคาบาเร่ต์ลมเอื่อย ภายในห้องนอนของลูเมี่ยน
หลังจากตื่นนอน เด็กหนุ่มยกมือขวาขึ้น พบว่ารอยแผลเป็นสีแดงสดจางลงไปค่อนข้างมาก ใกล้เคียงกับรอยที่เกิดจากการบีบ
“ไม่ค่อยสะดุดตาแล้ว” ลูเมี่ยนถอนหายใจโล่ง
ทีแรกเด็กหนุ่มตั้งใจจะใช้ผ้าพันแผลสีขาวห่อมือขวาไว้ ไม่อยากให้บอสกับคนอื่นๆ เห็นปัญหาได้ง่ายนัก
จัดการเสร็จ เด็กหนุ่มเฝ้ารอของรางวัลที่มาดามจัสติสสัญญาไว้ แต่ไม่รู้ว่าจะส่งมาเมื่อไร
แต่เขาเชื่อว่าคงไม่ต้องรอนาน
ทันใดนั้นเอง ลูเมี่ยนรีบเหลียวหลัง มองไปทางกระจกหน้าต่างฝั่งที่ติดกับตรอก
ตึงตึงตึง!
กระจกบานดังกล่าวถูกเคาะ
……………………………………………………..