ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 352 ตาน้ำ
ตอนที่ 352 ตาน้ำ
Ink Stone_Fantasy
จากส่วนลึกของห้องฝังศพ ร่างขอบใครบางคนเดินโซเซออกมา
เมื่อก้าวเข้ามาในระยะแสงเทียน ร่างดังกล่าวดูเหมือนไม่ชินกับแสง ต้องยกมือขวาขึ้นมาบังตา
อีกฝ่ายสวมเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีเหลืองเหมือนกับผู้ดูแลสุสานคนอื่น แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยลึก มีจุดสีน้ำตาลอ่อนกระจายทั่ว ผมสีขาวโพลนทั้งบางและแห้งกรอบ ดวงตาสีดำล้วนที่พบเห็นได้ไม่บ่อย เย็นชาไร้ความรู้สึก
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนร่างของผู้ดูแลสุสานชราค่อนข้างพร่ามัว ขอบเขตกลืนเข้ากับความมืดโดยรอบ แสงจากเทียนไขสีขาวไม่อาจฉาบลงบนตัวเขา เสียงหายใจก็เบาจนแทบไม่ได้ยิน
ชายที่เหมือนศพเดินได้ กล่าวด้วยเสียงแหบพร่าไร้อารมณ์
“ออกไป!”
“ในเมื่อเปิดให้เข้าชม ก็ไม่ควรมีเขตหวงห้าม!” ลูเมี่ยนเลียนเสียงนักศึกษามหาวิทยาลัยสักคนในเขตหอรำลึก พยายามใช้ ‘เหตุผล’ เพื่อโน้มน้าวอีกฝ่าย
ผู้ดูแลสุสานชราทวนคำพูดเดิมซ้ำ…
“ออกไป!”
ลูเมี่ยนเอียงหน้าไปทางเฮล่า อยากเห็นว่าเธอจะมีวิธีโน้มน้าวผู้ดูแลสุสานหรือไม่
ถ้าไม่มี ก็คงต้องลงไม้ลงมือกันแล้ว ควบคุมตัวอีกฝ่ายไว้ หรือแม้กระทั่งอัดให้สลบ!
‘วิชาฮึ่มฮ่า’ เหมาะนักแลกับสถานการณ์เช่นนี้
เฮล่าส่ายหน้าเชื่องช้า หันหลังกลับแล้วเดินออกจากห้องฝังศพ
…………
ใต้ดินใกล้ถนนอาเขตโรงละคร
ฟรังก้ามองหน้าผู้ว่าจ้าง ลองถามหยั่งเชิง
“ธุรกิจอะไร?”
“ผมจะเพิ่มค่าตอบแทนเป็นห้าหมื่นเฟลคิน แลกกับการที่พวกคุณต้องไปสร้างเรื่องใหญ่โตในเหมืองหินหุบเขาลึก เพื่อเปิดโปงถ้ำลับนั่น”
“ถ้าพวกคุณไม่ขัดข้อง จะทำสัญญากันตอนนี้เลยก็ได้ ผมมีวิธีรับประกันว่าสัญญาจะผูกมัดทั้งสองฝ่าย”
ห้าหมื่นเฟลคิน แลกกับการสร้างระเบิดที่สามารถทำลายผนังหินทางเข้าถ้ำลับ? ฟังดูไม่ยากเท่าไรเลย… เรื่องง่ายแค่นี้ทำไมต้องฝากให้พวกเราทำแทน แถมยังตกรางวัลตั้งห้าหมื่นเฟลคิน? ยิ่งฟรังก้าคิด ก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากล
เธอเอียงคอเล็กน้อย หยิบถุงผ้าสีเทาขาวใบเท่ากำปั้นออกมา โยนมันลงไปในเงามืดข้างลำตัว พลางทำท่าหวาดระแวงชายตรงหน้า ไม่สะดวกที่จะค้นหาสิ่งของ แล้วจึงพูด
“ช่วยหาตราประทับให้ฉันหน่อย”
ตราประทับ? จินนาเผยตัวจากเงามืด รับถุงเงินใบเล็กที่มีเสียงโลหะกระทบกันดังกรอบแกรบ
เธอไม่เข้าใจคำสั่งของฟรังก้าเลย
ไม่ใช่ว่าในนี้มีแค่เหรียญกับ ‘แหวนลงทัณฑ์’ หรอกหรือ?
ฟรังก้ายิ้มให้ผู้ว่าจ้าง
“ขอฟังรายละเอียดของสัญญาหน่อย”
เธอมีลางสังหรณ์ว่าอีกฝ่ายจะเล่นตุกติกกับสัญญา โดยพึ่งพาพลังวิเศษในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ฟรังก้าจึงคิดจะชิงลงมือก่อนลงนาม!
จับตัวมา ซักถามให้ชัดเจน แล้วค่อยพิจารณาว่าจะเซ็นสัญญาหรือไม่!
…………
ลูเมี่ยนเดินตามออกจากห้องฝังศพด้วยความฉงนสนเท่ห์ จึงเอ่ยถามขึ้น
“จะเอายังไงกันต่อ?”
“คุณจับแขนขวาฉันไว้” น้ำเสียงของเฮล่าเย็นชากว่าครั้งไหนๆ ไร้ซึ่งความอบอุ่นใดๆ
ลูเมี่ยนพอเดาความคิดของเธอได้ จึงยอมทำตามคำสั่ง ยื่นมือออกไปจับแขนขวาของเธอไว้
ทันใดนั้น เฮล่าใช้มือซ้ายหมุนแหวนเพชรสีดำบนนิ้วชี้ขวา
แทบจะในเวลาเดียวกัน ลูเมี่ยนรู้สึกแปลกแยกอย่างบอกไม่ถูก ประหนึ่งมิได้อยู่ในโลกเดียวกับมิติหน้าทางเข้าห้องฝังศพ
เด็กหนุ่มรีบกวาดตามองรอบตัว พบว่าทุกสิ่งทุกอย่าง รวมถึงแสงเทียนสีเหลืองอมส้ม กลายเป็นเลือนรางราวกับถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบ
ในหมอกดังกล่าว เฮล่าพาเดินไปทีละก้าว ย้อนกลับเข้าไปในห้องฝังศพอีกครั้ง
ในส่วนลึกของห้องฝังศพปราศจากความเคลื่อนไหวทั้งปวง ทั้งสองบรรจงเยื้องย่างไปข้างหน้าท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเชียบ
ไม่นานนัก ในสภาวะที่มองเห็นไกลไม่เกินห้าเมตร ลูเมี่ยนพบโลงศพเน่าเปื่อยตั้งตรงจากพื้นดิน
ผู้ดูแลสุสานชราเมื่อครู่ ‘ยืน’ อยู่ในโลงศพ ดวงตาเปิดค้าง ไร้แวววาว ร่างกายนิ่งสนิท
คราวนี้ลูเมี่ยนไม่ได้ยินเสียงหายใจของเขาแล้ว
ในสภาพปกคลุมด้วยหมอกควัน ผู้ดูแลสุสานชรามิได้แยแสลูเมี่ยนกับเฮล่าเลย ปล่อยให้ทั้งสองเดินผ่านไป ตรงเข้าสู่ส่วนสุดท้ายของห้องฝังศพ ‘ต่อหน้าต่อตา’
ที่นั่นมีทางลาดลงไม่ชันมาก ตอนนี้ยังไม่ทราบว่านำไปสู่ที่ใด
เฮล่าส่งสัญญาณเป็นนัยว่า ลูเมี่ยนสามารถปล่อยมือเธอได้แล้ว พร้อมกันนั้น สภาวะแปลกประหลาดที่ทั้งสองซ่อนเร้นอยู่ในหมอกก็หายไป
ลูเมี่ยนที่ยืนอยู่ริมขอบทางลาดฝั่งบน ลองใช้แสงเทียนในมือส่องลงไป แลเห็นโครงกระดูกมากมายกระจัดกระจายอยู่บนพื้นทางลาด แต่ไม่มีสักชิ้นที่สมบูรณ์
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนไอเย็นที่ล้นทะลักออกจากส่วนลึกของจิตใจ เริ่มครอบงำร่างกายไปทุกส่วน จนอารมณ์และแรงกระหายกลายเป็นเหี่ยวเฉา แต่เรื่องน่าอัศจรรย์ก็คือ ความหงุดหงิดและจิตฆ่าฟันที่อยากบีบคอคนอื่น ยังคงหลงเหลืออยู่อย่างเข้มข้น มีแต่จะยิ่งรุนแรงขึ้น จนลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนกำลังเฝ้ามอง ‘ตัวเองอีกคนหนึ่ง’ ที่บ้าคลั่งและแปลกแยก ด้วยมุมมองบุคคลที่สามซึ่งไร้อารมณ์
เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองเฮล่าอีกครั้ง
สตรีท่านนี้กระดกเหล้ากลั่นรวดเดียวหมดกระติก แต่ใบหน้ากลับยังไม่มีเลือดฝาด ผิวเปลือยในส่วนที่เผยออกมาปรากฏจุดม่วงแดงประปราย จนดูเหมือนศพที่ตายมาสักพักแล้ว
“คุณไหวนะ” ลูเมี่ยนยังไม่ลืมว่า บทบาทสำคัญของตนคือการคอยเตือนเฮล่าตลอดเวลา ไม่ปล่อยให้เธอถูกมลทินจากสุสานใต้ดินกัดเซาะจนเกิดความเปลี่ยนแปลง
“ตอนนี้ยัง”
“ฉันเตรียมตัวรับมือกับที่นี่มาพอสมควร ตราบใดที่ไม่อยู่นานเกินไป ก็ไม่น่าจะมีปัญหา”
“ไม่นานเกินไป คือนานแค่ไหน” ลูเมี่ยนถามต่อ
“ราวๆ ครึ่งชั่วโมง” เฮล่าเริ่มเดินลงไปตามทางลาดเอียง
ลูเมี่ยนตั้งใจว่า แม้การสำรวจจะยังไม่ลุล่วง แต่ตนก็จะจับแขนเฮล่าก่อนหมดเวลาสักสองสามนาที แล้วใช้ ‘ข้ามโลกวิญญาณ’ พาเธอออกไปให้ได้
บนพื้นทางลาดเอียงสีดำ ยิ่งต่ำลงไปก็ยิ่งมีซากโครงกระดูกหนาแน่น ยิ่งต่ำลงไปก็ยิ่งดูสมบูรณ์ ยิ่งใกล้เคียงกับตอนมีชีวิต บางส่วนดูเหมือนมนุษย์ บางส่วนก็เหมือนสัตว์ประหลาด
โครงกระดูกที่เฮล่าปลุกให้ตื่นก่อนหน้านี้ คุกเข่าลงบนทางลาดเอียงเช่นกัน ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างขัดขวางมิให้มันเดินต่อ
หลังจากเดินไปอีกสักพัก ลูเมี่ยนเห็นหมอกสีเทาขาวปกคลุมอยู่ด้านหน้าหลายชั้น
มันหดตัวสลับขยายตัวเบาๆ เป็นระยะ ราวกับมีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเอง
เฮล่าชะลอฝีเท้าลง มองไปยังหมอกสีเทาขาวด้วยความจริงจังเคร่งขรึมยิ่งกว่าครั้งใด
“ไอ้นั่นคือปัญหาสินะ” ลูเมี่ยนยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับหมอกสีเทาขาวเหล่านั้น
เฮล่าพยักหน้ารับ
“อันตรายมาก ฉันเตรียมตัวไว้บ้างแล้วก็จริง แต่ไม่แน่ใจว่าจะได้ผลหรือไม่”
ลูเมี่ยนฟังคำตอบของมาดามเฮล่าไปพลางสังเกตหมอกเทาขาวไปพลาง
ไม่นานนัก เด็กหนุ่มกระจ่างทันทีถึงเหตุผลที่ตนรู้สึกคุ้นเคย
นั่นไม่ใช่หมอกสีเทาขาวที่ปกคลุมซากปรักหักพังหมู่บ้านกอร์ตูหรือไง?
นั่นไม่ใช่หมอกสีเทาขาวคอยปกป้องตนระหว่างการขอ ‘พร’ หรือไง?
ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจเหตุผลที่มาดามจัสติสยืนกรานว่า ตนต้องร่วมทางกับมาดามเฮล่าเพื่อตามหาบ่อน้ำสตรีซามาเรีย
เด็กหนุ่มบรรจงก้าวไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวัง ยื่นมือขวาไปหาหมอกสีเทาขาวเมื่อต่างฝ่ายต่างสัมผัสกัน ลูเมี่ยนพลันอบอุ่นขึ้นมาจากหน้าอกซ้าย
เด็กหนุ่มทราบได้ทันทีว่ารอยประทับของมิสเตอร์ฟูลถูกกระตุ้นแล้ว
ส่งผลให้มือขวาของตน สามารถแทรกเข้าไปในหมอกสีเทาขาวได้โดยไม่พานพบอันตรายหรือการเปลี่ยนแปลงใดเลย
ความเครียดเปลี่ยนเป็นความมั่นใจทันที พร้อมกับพึมพำเงียบงันในใจ
มิสเตอร์ฟูลจงเจริญ!
เมื่อจบการสวดสั้นๆ เด็กหนุ่มหันไปยิ้มให้เฮล่า
“ผมก็เตรียมตัวมาเช่นกัน และดูเหมือนจะได้ผล”
“ขอจับแขนนะครับ”
เฮล่ามิได้ไถ่ถามเด็กหนุ่มว่าเตรียมตัวมาแบบใด หรือมีข้อมูลอะไรอีกบ้าง เพียงยินยอมให้ลูเมี่ยนจับแขนซ้ายของเธอ แล้วค่อยๆ พากันเดินเข้าไปในหมอกสีเทาขาว
ทุกสิ่งรอบตัวเงียบสงบยิ่งกว่าเก่า แต่ก็เหมือนมีลมหายใจลึกลับไหลเวียนอย่างน่าพิศวง ไม่นาน ทั้งสองก็ได้ยินเสียง ‘ซ่า’ อันเลือนรางแผ่วเบา
เสียงน้ำ… ลูเมี่ยนแอบดีใจ พลางถอนใจด้วยความโล่งอก
ตนกับเฮล่ามาถูกที่แล้ว!
ด้านล่างจะต้องเป็นบ่อน้ำสตรีซามาเรียแน่นอน!
ทั้งสองเดินตรงไปอีกไม่กี่ก้าว หมอกสีขาวจางก็ค่อยๆ เลือนลับไป เผยให้เห็น ‘ตาน้ำ’ ขนาดเท่าสระน้ำ
รอบๆ ตาน้ำดูลึกลับมืดมนจนยากจะบรรยายสีสันให้แม่นยำ ตรงกลางมีสายน้ำสีขาวซีดไหลวน
ในสายน้ำดังกล่าว ผมสีดำเปียกชื้นลอยกระเพื่อมขึ้นลงเหมือนสาหร่ายทะเล ที่ก้นสระยังมีร่างจำนวนมากพยายามปีนออกมา
ข้างๆ บ่อน้ำมีร่างของหญิงสาวเดินวนเวียนอยู่ เป็นร่างเดียวกับที่ลูเมี่ยนเพิ่งเห็นไปไม่นาน สวมเสื้อคลุมสีขาว ต้องสงสัยว่าเป็นนางมารลำดับสูง
ใบหน้าของเธอซีดขาวโปร่งแสง แววตาเหม่อลอยเย็นชา รอบตัวมีโครงกระดูกขาวโพลนกระจัดกระจายเกลื่อนกลาด
ซ่า!
บ่อน้ำสีขาวซีดพลันหดตัวลงสู่ส่วนลึก เหลือเพียงรูสีดำสนิทที่แม้แต่แสงก็ดูเหมือนจะมิอาจดำรงอยู่
อีกเสียงซ่าดังขึ้น น้ำพุ่งออกจากรูสีดำสนิท เติมเต็มตาน้ำขนาดเท่าสระอีกครั้ง
เมื่อเทียบกับคราวก่อน สีของน้ำในครั้งนี้หม่นหมองยิ่งกว่า ขาวซีดไม่เท่า ทั้งลึกลับ มืดมิด และเหมือนจะครอบคลุมสีสันนับไม่ถ้วน
เพียงพริบตา น้ำในบ่อหลอมรวมกับหมอกสีขาวจางโดยรอบ กลับคืนสู่ภาพเริ่มต้นที่ลูเมี่ยนและเฮล่าเห็น
ภายในมิติแห่งนี้ ความทรงจำของทั้งสองเริ่มเลือนราง เหมือนกำลังค่อยๆ ดับสูญไปทีละน้อย
ลูเมี่ยนรีบสอดมือเข้ากระเป๋าเสื้อ ตั้งใจจะหยิบขวดโลหะใบเล็กที่เตรียมไว้ เพื่อนำมาบรรจุของเหลวสีขาวซีด
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มสัมผัสเข้ากับบางสิ่งที่มีผิวสัมผัสคล้ายหิน
แต่เขาไม่เคยใส่ของแบบนั้นเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ!
ลูเมี่ยนดึงมือขวาออกมาด้วยความงุนงง แลเห็นก้อนหินแบนๆ สีน้ำตาลอมแดงบนฝ่ามือ บนหินเต็มไปด้วยรอยยุบ ในแต่ละรอยยุบมีจุดสีแดงเข้มกระจายอยู่
แร่เลือดธรณี!
แร่เลือดธรณีที่เขาเคยทำหาย!
มันกลับมาตอนไหน แล้วทำไมถึงมาอยู่ในตัวได้? ที่นี่คือทรีอาร์ใต้ดินไม่ใช่หรือไง! ขณะลูเมี่ยนตกใจจนตาเบิกโพลง จากรูสีดำสนิทที่ของเหลวสีขาวซีดถูกดูดหายไปอีกครั้ง มีกลิ่นอันบ้าคลั่ง น่าพรั่นพรึง เหม็นคาวเลือดและสนิมเหล็กแผ่ซ่านออกมา
เพียงแค่การดำรงอยู่ของกลิ่น ก็ทำให้ลูเมี่ยนกับเฮล่าชะงักงันไปพร้อมกัน ขยับตัวได้ยากลำบาก
ข้างๆ ร่างที่คล้ายนางมารลำดับสูงซึ่งเดินวนเวียนรอบตาน้ำ โครงกระดูกหนึ่งยกฝ่ามือขึ้น สัมผัสกับเบ้าตาขวาของตัวเอง
พร้อมกันนั้น ฟันขาวโพลนของมันก็อ้าปิด ส่งเสียงหัวเราะอย่างสะใจ
“ได้มาทั้งที จะไม่ลองได้อย่างไร”
ตามด้วยโครงกระดูกสีขาวที่เรียงรายอยู่รอบตาน้ำ ต่างก็พากันอ้าปากพูดเสียงเดียวกัน
“ได้มาทั้งที จะไม่ลองได้อย่างไร”
……………………………………………………..