ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 283 คอนเซปต์
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 283 คอนเซปต์
ตอนที่ 283 คอนเซปต์
หลังจากที่ฟอสติโน พ่อบ้านของการ์ดเนอร์·มาร์ติน พาลูเมี่ยนเข้าไปในห้อง เขามิได้กลับออกไป แต่กางแขนกว้างแล้วพูดด้วยยิ้ม
“ยินดีต้อนรับ พี่น้องคนใหม่”
นายก็เป็นคนของ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ ด้วยหรือ? ลูเมี่ยนประหลาดใจเล็กๆ ในทีแรก แต่ไม่นานก็พบว่ามันปกติ
พ่อบ้านคือดวงตา หู และมือเท้าของเจ้านาย การ์ดเนอร์·มาร์ตินคงปกปิดความลับจากพ่อบ้านได้ไม่มากนัก ดังนั้น เขาจึงปลุกปั้นพ่อบ้านให้เป็นสมาชิก ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ หรือไม่ก็หาสมาชิก ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ สักคนมาเป็นพ่อบ้าน
สายตาของลูเมี่ยนมองผ่านขมับสีขาวจางๆ ที่ดูโดดเด่นของฟอสติโน มองผ่านแววตาอันลุ่มลึกและนัยน์ตาสีฟ้า แล้วตอบรับด้วยการโอบกอดกลับ
“ขอบคุณครับ”
ฟอสติโนเจ้าของบุคลิกจริงจังและแต่งกายในชุดพ่อบ้าน เดินไปทางโต๊ะอาหาร ดึงเก้าอี้ฝั่งทิศตะวันตกออกมา แล้วพูดกับลูเมี่ยนว่า
“เชิญนั่งตรงนี้”
ลูเมี่ยนพยักหน้ารับ เดินไปนั่งอย่างผ่อนคลาย ประหนึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ที่บ้านตัวเอง
แน่นอน ด้วยคำสอนของโอลัวร์ เด็กหนุ่มจึงไม่มีนิสัยยกขาขึ้นมาไขว้พาดบนขอบโต๊ะอาหาร
ฟอสติโนนั่งลงข้างลูเมี่ยนแล้วอธิบายอย่างรวบรัด
“อีกสักครู่จะมีพี่น้องส่วนหนึ่งตามมาสมทบ”
หลังจากนั้นราวๆ สิบห้านาที ชาวชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กที่เหลือก็มาถึง ภายใต้การแนะนำของฟอสติโน ลูเมี่ยนได้กอดทักทายไปทีละคน
พวกเขาประกอบด้วย:
แว็งซองต์·ลอแรน เป็นตัวแทนของการ์ดเนอร์·มาร์ตินในการดำเนินงานท่าเรือริสต์ อายุไม่ถึงสามสิบ ไม่สวมแว่น ผมดำตาน้ำเงินซึ่งพบได้บ่อยในชาวอินทิส ภายนอกดูเรียบร้อย รูปร่างค่อนข้างผอมบาง ผมหวีเรียบไปด้านหลัง ไม่ต่างจากพนักงานบริษัททั่วไปมากนัก ลูเมี่ยนเชื่อโดยสัญชาตญาณว่าเขามิใช่ผู้วิเศษจากเส้นทาง ‘นักล่า’ จึงรู้สึกค่อนข้างสับสน — เขาผ่านการเฝ้ายามในตึกไฟไหม้มาได้อย่างไร?
เพอร์ซิวัล ผู้ช่วยการ์ดเนอร์·มาร์ตินดำเนินงานลานกองสินค้าและบริษัทขนส่ง ภายนอกเป็นชายวัยกลางคนที่พบเห็นได้ทั่วไป ผมสีน้ำตาลไม่ยาวไม่สั้น ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลดูเป็นมิตรในยามที่ยิ้มแย้ม แต่เมื่อไร้อารมณ์จะเผยความเย็นชา เห็นแล้วไม่กล้าเข้าใกล้
อัลบัส ดูเหมือนจะไม่มีงานเฉพาะเจาะจง ราวกับเดินย่ำเท้าในความมืด เรือนผมคล้ายถูกย้อมด้วยสีแดงจางๆ คิ้วสีน้ำตาลอมแดง ดวงตาสีเดียวกันที่ดูคมกริบ โดยรวมแล้วเป็นหนุ่มหน้าตาดี แต่ดูไม่ค่อยน่าคบหา
อีกหนึ่งคนไม่ใช่ใคร คนรู้จักของลูเมี่ยน ‘หัตถ์โลหิต’ เบลคแห่งพรรคซาฟาห์
ผู้จัดการตลาดคนซื่อวัยสามสิบกว่ารายนี้มาในชุดสูท ผมสีน้ำตาล ตาสีฟ้า ใบหน้าค่อนข้างกลม สวมรอยยิ้มอบอุ่นตลอดเวลา และมักจะสูบกล้องยาอย่างไม่เร่งรีบ
ลูเมี่ยนสงสัยมาตลอด ว่าในพรรคซาฟาห์ต้องมีคนของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กแฝงตัวอยู่ โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนเจตจำนงของการ์ดเนอร์·มาร์ติน คอยตรวจตราความเคลื่อนไหวในเขตตลาดและพรรคซาฟาห์จากเงามืด แต่ไม่คิดว่าจะเป็น ‘หัตถ์โลหิต’ เบลคที่มีอิทธิพลค่อนข้างน้อย
ทีแรกเขานึกว่าเป็นบารอนบรินิแยร์หรือ ‘มุสิก’ คริสโต — โดยสงสัยว่ารายหลังอาจเป็น ‘ผู้สังเกตการณ์’ ในภารกิจแลกเปลี่ยนคราวก่อน
ตอนนี้เมื่อตั้งใจมองเบลคอีกครั้ง ลูเมี่ยนเริ่มรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีบุคลิกคล้ายคลึงการ์ดเนอร์·มาร์ตินอยู่หลายส่วน
รวมฟอสติโนและตัวเขาเข้าไปด้วย ชาวชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กในห้องนี้มีถึงหกคนแล้ว
ก่อนหน้านี้ลูเมี่ยนเคยนึกสงสัยว่า ‘พรรคซาฟาห์เป็นแค่แก๊งอันธพาลท้องถิ่น แต่กลับมีผู้วิเศษถึงห้าหกคน มันไม่มากไปหน่อยหรือ?’ แต่ตอนนี้ เขาไม่ได้มองเป็นเรื่องแปลกอีกต่อไป
ในฐานะองค์กรลับเจ้าของประวัติศาสตร์ยาวนานสองสามร้อยปี ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กย่อมมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา แม้จะเป็นเพียงสาขาภายนอก ก็ยังได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลาม
หลังจากทักทายกันเสร็จ พ่อบ้านฟอสติโนก็เริ่มแนะนำสิ่งต่างๆ บนโต๊ะให้ลูเมี่ยนฟัง
“ในพิธีต่อจากนี้ แก้วไวน์คืออาวุธของเรา เปรียบเสมือนปืนใหญ่ ไวน์แดงคือดินปืนทั่วไป ไวน์ขาวคือดินปืนทรงพลัง อาหารคือวัสดุ มีดและส้อมคือดาบอันคมกริบ…”
ลูเมี่ยนเงียบฟังอย่างตั้งใจ ยิ่งฟังก็ยิ่งนึกสงสัยว่า สมองของคนพวกนี้มีปัญหาหรือไม่
คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล?
หรือว่าสิ่งนี้มีความหมายในเชิงศาสตร์เร้นลับ?
เมื่อฟอสติโนพูดจบ การ์ดเนอร์·มาร์ตินในชุดสูทหางนกก็เดินเข้ามาในห้อง
เขาสวมเหรียญกางเขนเหล็กที่ฝังอัญมณีสีแดงไว้กลางหน้าอก ยืนอยู่ทางทิศตะวันออกของโต๊ะอาหารยาว ตรงข้ามกับหกสมาชิกที่นั่งอยู่ทางทิศตะวันตก
เพียงพริบตาเดียว ห้าสมาชิกยกเว้นลูเมี่ยน ลุกขึ้นยืนพร้อมกันอย่างเป็นระเบียบ
อะ… ลูเมี่ยนอุทานในใจพลางลุกขึ้นตาม
“สายัณห์สวัสดิ์ครับ ‘ผู้การ’” ฟอสติโน เบลค และคนที่เหลือ คำนับทักทายโดยไม่มีลำดับก่อนหลัง ส่วนลูเมี่ยนช้ากว่าเล็กน้อย
การ์ดเนอร์·มาร์ติน กดมือขวาลง ส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลง จากนั้นจึงพูดพร้อมรอยยิ้ม
“เมื่อ ‘จเร’ มาถึง เราจะเริ่มพิธีอย่างเป็นทางการ”
“ชาร์ล ผมจะอธิบายให้คุณฟังก่อน ว่าสมาชิกแกนหลักที่คุณกำลังจะเข้าร่วม มีความหมายว่าอย่างไร”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินจ้องตาลูเมี่ยน น้ำเสียงเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“เราทุกคนคือส่วนหนึ่งขององค์กรลับ องค์กรลับที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี”
“ชื่อของมันคือ ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก”
ลูเมี่ยนมิได้แสร้งเผยท่าทีตกใจมากนัก ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นชื่อที่ฟังดูค่อนข้างธรรมดา
อัลบัส หนุ่มผมแดงที่นั่งอยู่ริมโต๊ะอาหาร พะงาบปากราวกับอยากจะพูดบางสิ่ง แต่ถูกการ์ดเนอร์·มาร์ตินจ้องกลับไป
‘ผู้การ’ แห่งชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กหันกลับมามองลูเมี่ยนอีกครั้ง
“เกือบสามร้อยปีก่อน บุคคลสำคัญหลายคนร่วมกันก่อตั้งชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กขึ้นมา โดยเชื่อว่าเทพเป็นเพียงผู้วิเศษที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้น และไม่ว่าจะในแง่มุมใด แม้กระทั่งผู้วิเศษที่อ่อนแอที่สุด ก็ยังเหนือกว่าคนธรรมดาอย่างมีนัยสำคัญ”
“พวกเราเชื่อว่า ไม่ว่าจะได้รับพลังวิเศษมาด้วยวิธีใด ก็ล้วนสมควรได้รับการยอมรับ สมควรถูกปฏิบัติอย่างเหมาะสมในระดับที่เหนือกว่าคนธรรมดา แต่สองศาสนจักรใหญ่และรัฐบาลกลับยอมรับเพียงผู้วิเศษที่ตัวเองบ่มเพาะเท่านั้น ซ้ำยังกำหนดบรรทัดฐานว่า พลังวิเศษควรถูกเปิดเผยต่อคนธรรมดาให้น้อยที่สุด”
“การกระทำเช่นนี้ขัดต่อธรรมชาติ ขัดต่อกระแสประวัติศาสตร์ เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงมัน”
“หรือก็คือ เราต้องเป็นศัตรูกับรัฐบาลและสองศาสนจักรใหญ่ แต่คุณมิต้องเกรงกลัว เรามีขุมพลังที่แข็งแกร่งเพียงพอ มีครึ่งเทพตัวจริงคอยช่วยเหลือ”
“ในอนาคต หากสองศาสนจักรใหญ่ยินยอมให้พลังวิเศษมีตัวตนอยู่บนโลก ยอมรับสถานะของผู้วิเศษเถื่อน เราก็ไม่ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับพวกเขา”
สรุปได้ว่า เป้าหมายสูงสุดคือการโค่นล้มรัฐบาล สร้างอาณาจักรที่ผู้วิเศษดำรงตำแหน่งบริหารทุกลำดับชั้น? ลูเมี่ยนตีความคำพูดของการ์ดเนอร์·มาร์ตินจากมุมมองของตัวเอง
การ์ดเนอร์·มาร์ตินมองกวาดชาวชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กหกคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม ก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง
“ขุมพลังของ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ เรามีศูนย์กลางอยู่ในอินทิส โดยมากกว่าหนึ่งในสามอยู่ในทรีอาร์ พวกคุณก็เห็นแล้วว่า ลำพังในเขตตลาด เราก็มีพี่น้องที่ค่อนข้างแข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนี้แล้ว ยังรวมไปถึงผู้วิเศษอีกไม่น้อยที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเราทางอ้อม”
“ผมคือ ‘ผู้การ’ มีหน้าที่นำทางพวกคุณ จัดการกิจการต่างๆ ในเขตตลาด เหนือผมไปมีประธานสาขาหลายคน ซึ่งถูกเรียกว่า ‘รองแม่ทัพ’ พวกเขาทุกคนล้วนเป็นครึ่งเทพตัวจริง”
“เหนือประธานสาขาคือประธานใหญ่แห่ง ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ ของเรา หรือที่เรียกว่า ‘แม่ทัพใหญ่’ ผู้ลึกลับและน่าสะพรึงกลัว”
“ใต้ผมลงไปคือ ‘นายทหาร’ เมื่อพี่น้องของเราในเขตตลาดมีเกินกว่าสิบคน ผมจะแต่งตั้ง ‘นายทหาร’ สองคนเพื่อมาช่วยจัดการดูแล นายทหารจะได้รับทรัพยากรมากขึ้น ได้รับความช่วยเหลือที่ทรงพลังยิ่งขึ้น”
กำลังเล่นเป็นทหารกันอยู่หรือ? ลูเมี่ยนคาดเดาจากชื่อของยศต่างๆ ในชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก
การ์ดเนอร์·มาร์ตินมองไปทางประตูแล้วพูด
“นอกจากนี้ เรายังมี ‘จเร’ หลายคนที่เคลื่อนไหวอิสระ คอยตรวจตราพื้นที่ปกครองของ ‘ผู้การ’ ต่างๆ”
“ต่อไปนี้ ถ้าผมมีปัญหา แสดงความผิดปกติออกมา พวกคุณต้องไปหา ‘จเร’ ทันที รายงานสถานการณ์ให้เขาทราบ ในทำนองเดียวกัน หากพวกคุณพบว่า ‘จเร’ ผิดปกติ ต้องแจ้งผมทันที”
พูดถึงตรงนี้ การ์ดเนอร์·มาร์ตินพูดพลางยิ้มให้ลูเมี่ยนอย่างมีเลศนัย
“ชาร์ล ผมขอแนะนำ ‘จเร’ ผู้ดูแลเขตตลาด โอลเซ่น”
ลูเมี่ยนมองตามนิ้วของการ์ดเนอร์·มาร์ตินด้วยความสงสัยเล็กน้อย สายตาจดจ่ออยู่ที่ประตู
วินาทีถัดมา ชายร่างผอมสูงในเสื้อกั๊กสีน้ำเงิน เสื้อนอกสีดำ ก้าวเข้ามาจากด้านนอก
ผมสั้นสีแดงอมน้ำตาล นัยน์ตาสีแดงอมน้ำตาล คิ้วหนา ขนเคราดกหนาและยุ่งเหยิงปกคลุมรอบกราม ดูราวกับหมีตัวผู้ที่หิวโซมานาน
ม่านตาของลูเมี่ยนขยายออกทันใด เพราะยังไม่ลืมว่า ‘จเร’ โอลเซ่นคือใคร
ลูเมี่ยนยังไม่ลืมว่า อีกฝ่ายคือสัตว์ประหลาดที่มีเพียงสมองกับกระดูกสันหลังเปื้อนเลือดเส้นหนึ่ง เคยถูกสัตว์ประหลาดไร้หัวไล่ล่า ทั้งสองล้วนอันตรายอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้กลับอยู่บนพื้นดิน ภายในบ้านของการ์ดเนอร์·มาร์ติน!
ลูเมี่ยนอดไม่ได้ที่จะเหล่มองมือทั้งสองข้างของโอลเซ่น และเห็นผิวหนังขาวซีดกับกระเป๋าหนังใบเล็กที่อีกฝ่ายกำลังถือ
เขามีร่างกายแล้ว? รวมร่างกับสัตว์ประหลาดไร้หัวนั่นแล้ว? ลูเมี่ยนคิดอย่างสับสนว้าวุ่น พลางมองโอลเซ่นเดินไปยืนข้างการ์ดเนอร์·มาร์ติน
เด็กหนุ่มเริ่มสงสัยว่า สองสัตว์ประหลาดที่ตนเจอขณะแลกเปลี่ยนสินค้า อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่โอลเซ่นสร้างขึ้น โดยที่อีกฝ่ายมิได้ผิดปกติ
ในเมื่อการแลกเปลี่ยนคือบททดสอบ หากสัตว์ประหลาดจะเป็นของปลอม ก็ย่อมไม่มีสิ่งใดน่าแปลกใจ
แต่มันดูสมจริงไปหน่อยไหม… ลูเมี่ยนมองการ์ดเนอร์·มาร์ตินกับโอลเซ่นด้วยสายตากังขา ต่างคนต่างหยิบแก้วไวน์ขาสูงขึ้นมาคนละใบ พูดกับทุกคนภายในห้อง
“บรรจุดินปืน!”
อัลบัส เพอร์ซิวัล และชาวชุมนุมกางเขนเลือดเหล็กที่เหลือต่างวางแก้วไวน์ขาสูงไว้ตรงหน้า แล้วเทไวน์แดงสีน่าหลงใหลใส่ลงไป
นี่คือการบรรจุดินปืน? ลูเมี่ยนนึกถึงที่ฟอสติโนบอกว่า แก้วไวน์คืออาวุธหรือปืนใหญ่ ส่วนไวน์คือดินปืน
หลังจากที่เด็กหนุ่ม ‘บรรจุดินปืนใส่ปืนใหญ่’ เสร็จแล้ว การ์ดเนอร์·มาร์ตินก็ตะโกนเสียงดัง
“ลุก!”
“มือขวาถืออาวุธให้มั่น!”
วินาทีถัดมา ทุกคนก็ลุกขึ้นยืน วางมือขวาบนแก้วไวน์ขาสูงที่มีไวน์แดงอยู่ไม่น้อย
“ยกอาวุธ!” การ์ดเนอร์·มาร์ตินออกคำสั่งใหม่
ขณะเดียวกันก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาในระดับหน้าอก
ลูเมี่ยนร้องอุทานในใจด้วยความฉงนสนเท่ห์ พลางเลียนแบบท่าทางของสมาชิกรอบตัว
………………………………………………..
.