ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 262 ทบทวน
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 262 ทบทวน
ตอนที่ 262 ทบทวน
ลูเมี่ยนเคยคิดว่าเอลฟ์น้อยร่างกิ้งก่าเป็นเพียงสัญลักษณ์แทนบางสิ่งในความฝัน ซึ่งมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์และอุปมามากกว่าความจริง
แต่ตอนนี้ เขาได้เห็นกิ้งก่าโปร่งใสและเลือนรางนั่นจริง!
มันมีตัวตนอยู่จริง!
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังโผล่ภายในโลกอีกฝั่ง ในหลุมลึกที่พฤกษาเงาทิ้งไว้ ในปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับพลังลำดับสูง!
กิ้งก่าประเภทเดียวกับที่โผล่ออกจากปากโอลัวร์ มันไม่ควรจะเป็นของจริงสิ… มันคือตัวแทนของอะไร และมีเป้าหมายแบบไหน? ลูเมี่ยนขมวดคิ้วด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว จิตใจเป็นทุกข์ สับสน และพยายามหลีกหนีจากความเป็นจริง
เมื่อถูกกระตุ้นโดยตรงเช่นนี้ เด็กหนุ่มคิดว่าตนควรระลึกความทรงจำกลับมาได้บ้าง จึงลองตั้งใจทบทวนดูอีกครั้ง เพื่อชั่งน้ำหนักว่ามันเป็นเพียงสัญลักษณ์ในความฝัน หรือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง แต่หนนี้ไม่เหมือนกับตอนที่เข้ารับบำบัดจิตหรือฟังเรื่องเล่าจากคุณนายปัวริส ลูเมี่ยนมิได้ผุดนิมิตที่สอดคล้องกันในหัว สิ่งที่นึกออกยังคงเป็นแบบเดียวกับในความฝัน
ทันใดนั้น เสียงอันน่าเกรงขามของเทอร์มีโพลอสได้ดังทับซ้อนในหัว
“เจ้าคงไม่คิดจริงๆ ใช่ไหม ว่าความโชคร้ายและสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นรอบตัว เป็นฝีมือของข้าทั้งหมด?”
“เจ้าคงไม่คิดจริงๆ ใช่ไหม ว่าตัวข้าที่ถูกผนึก และตัวเจ้าที่เป็นลำดับ 7 ซึ่งถืออาวุธที่แข็งแกร่งใกล้เคียงลำดับ 5 จะหนีรอดจากเงื้อมมือของซูซานน่า·มาติสผู้ใกล้เคียงกับครึ่งเทพอย่างราบรื่น?”
“เจ้าคงไม่คิดจริงๆ ใช่ไหม ว่าซูซานน่า·มาติสล้มเหลวเพียงเพราะนางคือวิญญาณมาร หุนหันพลันแล่น สุดโต่ง ใจร้อน มิได้เตรียมพร้อมให้ดีก่อนประกอบพิธีกรรม โดยปราศจากเหตุผลด้านอื่นอีก?”
คำพูดเหล่านี้หลั่งไหลเข้าสู่ความคิดลูเมี่ยนด้วยเสียงก้อง จนได้ยินครบทุกคำภายในเวลาอันสั้น
เด็กหนุ่มชะงักงันไปครู่หนึ่ง รู้สึกเหมือนเพิ่งผ่านต้นฤดูร้อนมาถึงฤดูหนาว แล้วค่อยๆ จมลงทะเลสาบน้ำแข็งที่ยังไม่แข็งตัว
เขาเอ่ยปากถาม
“แล้วมันเพราะอะไร?”
เทอร์มีโพลอสไม่ตอบ เพียงทำตัวราวกับสังเกตเห็นบางอย่าง เข้าใจในบางสิ่ง
ชั่วพริบตา ความสุขอันเหลือล้นพรั่งพรูเข้าสู่หัวใจลูเมี่ยน เป็นความรู้สึกคล้ายกับหินก้อนยักษ์ที่คอยทับตนจนถึงเมื่อครู่ถูกยกออกไป
“กำลังจะบอกว่า กิ้งก่านั่นมีอยู่จริง และมันคอยควบคุมโอลัวร์สินะ?”
“ดังนั้น ในบางครั้งที่เธอตื่นขึ้นมา ถึงได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีปัญหา และช่วยเราขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอก?”
“ไม่สิ ตอนนั้นเธอน่าจะสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว… ลำดับของตัวหนังสือในจดหมายที่ถูกต้องก็คือ:”
“พวกเราเริ่มทำตัวแปลกเข้าไปทุกที คนรอบข้างจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือโดยเร็ว!”
ขณะเดียวกัน ฟรังก้าก็ดันลูเมี่ยนเบาๆ
“นี่! มัวเหม่ออะไรอยู่?”
“เร็วเข้า พวกเราต้องรีบออกจากตรงนี้ ผู้วิเศษกับนักบวชของทางการใกล้มาถึงแล้ว!”
ลูเมี่ยนได้สติกลับมา ในสภาพที่ยังสวมเสื้อผ้าไหม้เกรียม เด็กหนุ่มถือลำต้นที่หักออกจากส่วนหลักของพฤกษาเงา ซึ่งเป็นคนละท่อนกับหอกไม้ที่ซูซานน่า·มาติสสร้างขึ้น วิ่งตามหลังฟรังก้าไปยังอีกฟากหนึ่งของถนนอลเวง
ระหว่างนั้น เด็กหนุ่มนึกขึ้นได้อีกสองเรื่อง
“ในฐานะเทวทูตแห่งชะตากรรม เทอร์มีโพลอสเพิ่งแสดงฝีมือวิเคราะห์ปัญญาอย่างทะลุปรุโปร่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะคิดไม่ถึงว่า ซูซานน่า·มาติสจะใช้เราเป็นเครื่องเซ่นหลักโดยไม่เสี่ยงปลดผนึก และพ่วงส่งพระองค์ไปให้มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายเป็นก้อนเดียว… พระองค์ไม่ได้เป็นมือใหม่ในโลกศาสตร์เร้นลับเหมือนเราสักหน่อย!”
“หรือก็คือ พระองค์ไม่เคยรอให้ซูซานน่า·มาติสปลดผนึก ที่พูดแบบนั้นก็เพื่ออาศัยสถานการณ์ข่มขู่เรา บีบให้เราขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ยอมรับเงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียมบางอย่าง เพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเองหลุดพ้นอย่างแท้จริง”
“สิ่งที่พระองค์คาดไม่ถึงก็คือ เราเลือกที่จะข่มขู่ซูซานน่า·มาติสแทน แล้วบีบให้พระองค์ต้องช่วยโดยนำคำอธิบายของเธอย้อนกลับมาข่มขู่… ไม่สิ พระองค์คงเดาได้ เพียงแต่ลองเสี่ยงดูก็ไม่เสียหาย… จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตอนนั้นเราดันไม่เฉลียว?”
“บัดซบ! เจ้าเล่ห์นักนะ! เผลอครู่เดียวก็เกือบถูกหลอกเข้าแล้ว!”
“ในทำนองเดียวกัน ซูซานน่า·มาติสก็ไม่ได้ซื่อสัตย์อะไร”
“ในเมื่อเธอเคยขอคำชี้นำจากมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย และเดาได้ว่าในร่างกายเราอาจมีเทวทูตตัวจริงผนึกอยู่ เช่นนั้นแล้ว เป็นไปได้ด้วยหรือที่เธอจะไม่ระแวงว่า เทวทูตองค์ดังกล่าวอาจส่งพลังออกจากผนึกมาช่วยเรา? ในภายหลัง ซูซานน่า·มาติสก็ขอการสนับสนุนที่สามารถต่อต้านอิทธิพลของเทอร์มีโพลอสได้จริงๆ หรืออาจทรงพลังยิ่งกว่านั้นอีก… ตอนนั้นเราไม่ทันสังเกตเลย ถึงจะอยู่ห่างมากแล้ว แต่ก็ยังเกือบได้รับมลทิน”
“ถ้าไม่หลุดจากมิติพฤกษาเงาเสียก่อน อีกไม่นานคงได้รับมลทินเป็นแน่”
“แล้วทำไมซูซานน่า·มาติสถึงไม่ขอการสนับสนุนตั้งแต่ต้น? เพราะมลทินนั่นอันตรายมากแม้แต่กับเธอเอง?”
อา… ในพิธีกรรมที่หมู่บ้านกอร์ตู ถึงแม้จะเกิดเหตุไม่คาดฝัน แต่หลวงพ่อในฐานะผู้ประกอบพิธีสังเวย ก็ได้รับการคุ้มครองจากอำนาจแห่งชะตากรรม มิได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดหรือกลายเป็นส่วนหนึ่งของยักษ์เหมือนคนอื่น จนหลบหนีออกมาได้สำเร็จ… ซูซานน่า·มาติสก็คงหวังพึ่งพาการปกป้องจากพิธีกรรม เพื่อต่อต้านมลทินเหมือนกันสินะ?
“ด้วยเหตุนี้ เธอจึงพยายามถ่วงเวลา รอให้พิธีกรรมดำเนินไปถึงจุดหนึ่งเสียก่อน!”
“ที่เธอไม่เล่นงานเรา หรือพยายามควบคุมเราตั้งแต่ต้น เป็นเพราะกังวลว่าถ้าบีบคั้นมากเกินไป อาจทำให้เทอร์มีโพลอสเข้าร่วมศึกก่อนกำหนด จนเกิดตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้มากเกินไป”
“ดังนั้น เธอจึงคอยสร้างภาพความทรงจำใส่เราตลอด ว่ายังพอต่อต้านไหว ยังพอมีโอกาสหลบหนี จนกระทั่งเราเป็นฝ่ายพูดถึงเทวทูตขึ้นมา เธอจึงทำทีราวกับว่า พลั้งปากเผยไต๋ออกมาจนหมด เพื่อประวิงเวลาให้นานที่สุด ปกปิดไพ่ตายของจริงเอาไว้ รอให้เราที่มีเทอร์มีโพลอสคอยหนุนหลังตัดสินใจผิดพลาด ก้าวเข้าไปในกับดักที่เธอวางไว้”
“ถึงแม้เธอจะคาดไม่ถึงเกี่ยวกับวิญญาณมงต์ซูรี แต่หากมิใช่เพราะเกิดเหตุการณ์ผิดปกติจากภายนอก มีคนอาศัยช่องโหว่ที่วิญญาณมงต์ซูรีสร้างขึ้นก่อความวุ่นวาย ป่านนี้เราก็คงยังหนีออกจากมิติในพฤกษาเงาไม่ได้ ส่วนเธอก็คงดำเนินพิธีกรรมไปจนถึงจุดที่ได้รับการคุ้มครองแล้ว”
“บัดซบ! พวก ‘นักแสดง’ สวยๆ โกหกหน้าตายเก่งจริงๆ!”
หลังจากลูเมี่ยนกับฟรังก้าวิ่งมาได้สักพัก เบื้องหน้าก็กลายเป็นภาพลวงตาทันใด มีแผ่นสีหลายชั้นทับซ้อนกัน รวมถึงสัตว์ประหลาดพิสดารที่พรรณนาได้ยาก
เด็กหนุ่มวิงเวียนศีรษะทันที สายตาพร่ามัวตามไปด้วย
พอกลับมามองเห็นอีกครั้ง ข้างหน้ามิใช่ถนนอลเวง และไม่ใช่แผ่นสีเข้มๆ อีกต่อไป
เขายืนอยู่บนเนินเขาที่ปกคลุมด้วยหญ้าเขียวขจี ตรงข้ามคือมาดามเมจิกเชี่ยนในชุดกระโปรงยาวสีส้ม
เธอก็มาด้วย… ลูเมี่ยนเหลียวซ้ายแลขวา แต่ไม่เห็นร่างของฟรังก้า
ราวกับตระหนักถึงความสงสัยของลูเมี่ยน มาดามเมจิกเชี่ยนยิ้มแล้วพูด
“‘สองถ้วย’ ติดตามไพ่อาร์คาน่าชุดใหญ่ของเธอไปแล้ว พวกเขามีอะไรต้องคุยกัน”
“‘สองถ้วย’?” ลูเมี่ยนงุนงงไปหมด
“ก็ฟรังก้าไง เธอคือหนึ่งในพวกเรา โค้ดเนมของเธอคือ ‘สองถ้วย’ เหมือนกับที่เธอคือ ‘เจ็ดไม้’” มาดามเมจิกเชี่ยนอธิบายเรียบง่าย “ตอนนี้เธอถูกนับเป็นสมาชิกของเราแล้ว หลังจากนี้ก็หาโอกาสคุยกับ ‘สองถ้วย’ ให้มากขึ้น ให้ทางนั้นแนะนำเกี่ยวกับองค์กรของเรา ฉันก็จะไม่พูดมากแล้ว”
ฟรังก้าไม่เพียงแต่เป็นคนของ ‘สมาคมวิจัยลิงบาบูนขนหยิก’ แต่ยังเป็นสมาชิกองค์กรลับที่ใช้ไพ่ทาโรต์เป็นโค้ดเนมด้วย? ลูเมี่ยนนอกจากจะประหลาดใจแล้ว ยังรู้สึกดีใจเล็กๆ อีกด้วย
หรือก็คือ เขากับฟรังก้าเป็นพวกพ้องกันอย่างแท้จริงแล้ว
มาดามเมจิกเชี่ยนเพ่งพินิจใบหน้าที่ยังเป็นรอยไหม้ดำ และร่างกายที่มีเศษเนื้อติดอยู่ของลูเมี่ยน แล้วหยิบชุดสูทบุรุษสีน้ำตาลออกจากที่ใดสักแห่ง โยนให้พร้อมกับพูด
“หลังจากนี้อย่าลืมสวมมันด้วย ถึงแม้ชาวทรีอาร์จะวิ่งเปลือยกายบนถนนเป็นปกติ แต่คนเราไม่ควรปล่อยให้สภาพแวดล้อมกลืนกิน ต้องรู้จักยึดมั่นในตัวเองบ้าง จึงจะต่อต้านการกัดกร่อนของโอสถได้ รวมถึงหลีกเลี่ยงความเสี่ยงการเกิดภาวะคลุ้มคลั่ง”
เมื่อลูเมี่ยนรับเสื้อผ้ามา มาดามเมจิกเชี่ยนก็กล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ลองเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในพักหลังให้ฟังหน่อย ขอแบบละเอียด ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นพวกดึงดูดสาวกเทพมาร แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกลากเข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์ระดับนี้โดยตรง”
ลูเมี่ยนเล่าย้อนตั้งแต่ตอนที่เพิ่งมาถึงทรีอาร์และใช้ ‘ระบำเรียกสถิต’ เรียกซูซานน่า·มาติส โดยเลือกเล่าเฉพาะประเด็นสำคัญจนถึงพิธีสังเวยเมื่อสักครู่ เล่าถึงท่าทีของเทอร์มีโพลอสและกิ้งก่าประหลาดตัวนั้น
มาดามเมจิกเชี่ยนฟังไปสักพักก็เริ่มทำหน้าขรึม เมื่อลูเมี่ยนเล่าจบ เธอก็พยักหน้าเบาๆ
“ผิดปกติมาก”
“ไม่ว่าจะเทอร์มีโพลอสหรือ ‘เอลฟ์น้อย’ ตัวนั้น ก็ล้วนผิดปกติทั้งสิ้น”
เธอเหล่มองลูเมี่ยน แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบตรงไปตรงมา
“ในพฤกษาเงา ผู้ที่ช่วยเพิ่มพลังให้ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ของเธอ รวมถึงชักนำให้วิญญาณมงต์ซูรีมาถึงก่อนกำหนด ไม่ใช่เทอร์มีโพลอสแน่นอน”
“ไม่ใช่พระองค์?” เมื่อสักครู่ลูเมี่ยนลองคาดเดาไปต่างๆ นานา ว่ามาดามเมจิกเชี่ยนจะค้นพบปัญหาตรงจุดใดบ้าง แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งแรกที่อีกฝ่ายทักจะเป็นเรื่องที่ดูยังไงก็น่าจะปกติ
ในสถานการณ์แบบนั้น นอกจากเทอร์มีโพลอสแล้ว ยังเป็นฝีมือใครได้อีก?
มิหนำซ้ำ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังเกิดขึ้นหลังจากที่ ‘เทวทูตแห่งชะตากรรม’ ยอมอ่อนข้อร่วมมือด้วยแล้ว
“ไม่รู้เหมือนกัน” มาดามเมจิกเชี่ยนส่ายหน้าช้าๆ “แต่สิ่งที่ฉันมั่นใจคือ ผนึกขององค์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีทางปล่อยให้เทอร์มีโพลอสแผ่อิทธิพลในระดับนั้นได้แน่ หากทำได้ เจ้านั่นยึดครองร่างเธอและบังคับให้ปลดผนึกไปนานแล้ว”
เห็นลูเมี่ยนทั้งงุนงงและหลงทาง มาดามเมจิกเชี่ยนจึงอธิบายเสริม
“สิ่งที่เทอร์มีโพลอสทำได้ มีเพียงการ ‘รบกวนการตัดสินใจ’ ของเธอเท่านั้น อย่างไรเสีย เจ้านั่นถูกผนึกอยู่ในร่างเธอ โชคชะตาของพวกเธอเชื่อมโยงกันในระดับหนึ่ง”
“ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง… ในกรณีของชาร์ลี เทอร์มีโพลอสไม่สามารถทำให้ซูซานน่า·มาติสฟื้นฟูร่างกายได้ก่อนกำหนด ไม่สามารถชักจูงให้ซูซานน่ามาหาชาร์ลีตามเวลาและรูปแบบที่กำหนด เจ้านั่นทำได้เพียงใช้ความจริงที่เกิดขึ้น โน้มน้าวให้เธอรู้สึกว่าจำเป็นต้องใช้ ‘ศาสตร์การเปลี่ยนชะตา’ เพื่อช่วยเหลือชาร์ลี”
“จากมุมมองนี้ เธอคิดว่าเจ้านั่นแข็งแกร่งพอที่จะเพิ่มอำนาจให้ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ รวมถึงเร่งเวลาการมาเยือนของวิญญาณมงต์ซูรีได้หรือ?”
“แต่ถ้าเป็นเรื่องการช่วยแบกรับอดีตในพฤกษาเงา นั่นพอเป็นไปได้”
“ดังนั้น ฉันถึงได้กำชับอยู่เสมอว่า สำหรับเรื่องที่ทั้งสำคัญและอันตราย ต้องปรึกษาความเห็นฉันก่อน ไม่ใช่ตัดสินใจเอาเอง”
ลูเมี่ยนฟังแล้วรู้สึกเหมือนมหาสมุทรในใจมีคลื่นซัดสาดไม่หยุดหย่อน
เด็กหนุ่มนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ชาร์ลีถูกลุนทาสพาไปใต้ดิน แล้วก็พบว่าไม่ผิดจากที่มาดามเมจิกเชี่ยนวิเคราะห์
โชคชะตาเลือดตกยางออกและความตายของชาร์ลีเกิดจากสองปัจจัย หนึ่งคืออันตรายที่ ‘สมาคมเสียวซ่าน’ มอบให้ผ่านลุนทาส สองคือการตัดสินใจของลูเมี่ยนเองในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อของโชคชะตา ดังนั้น หลังจากที่พวกเขาฆ่าลุนทาสแล้ว ดวงชะตาของชาร์ลีจึงดีขึ้นเพียงเล็กน้อย จนกระทั่งลูเมี่ยนตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง เหตุการณ์ถึงได้กลับไปเป็นปกติ โดยไม่หลงเหลือร่องรอยอิทธิพลจากเทอร์มีโพลอส
หากพระองค์สามารถส่งอิทธิพลกับชาร์ลีได้เหมือนที่ทำกับวิญญาณมงต์ซูรี ลูเมี่ยนก็คงโดนต้มจนเปื่อยไปนานแล้ว
“ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อซูซานน่า·มาติสเข้าใจว่าเทอร์มีโพลอสสามารถส่งอิทธิพลออกสู่ภายนอก แล้วเหตุใดหลังจากที่เธอออกจากมิติพฤกษาเงา ด้วยสภาพที่อ่อนแอถึงเพียงนั้น กลับยังคิดจะจับเราที่มีเทวทูตคอยสนับสนุนแบบเป็นๆ อยู่อีก?”
“เว้นแต่ว่า หลังจากศึกภายในพฤกษาเงา ซูซานน่า·มาติสที่ได้บารมีเทพบางส่วนจากพฤกษาเงา เริ่มกระจ่างว่าความจริงแล้วเทอร์มีโพลอสไร้น้ำยา ถูกผนึกไว้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่ปัญหาก่อนหน้านี้ล้วนเกิดจากต้นตออื่น! และต้นตอดังกล่าวมิได้ตามออกมาจากมิติพฤกษาเงา!”
“บัดซบ! ตอนนั้นเราดันไปคิดว่า ต่อให้เราเข้าใจผิด หรือการแลกเปลี่ยนชะตากรรมต้องกินเวลานาน เทอร์มีโพลอสก็ไม่มีทางปล่อยให้ซูซานน่า·มาติสจับเราเป็นๆ ได้อยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นพระองค์จะกลายเป็นเครื่องเซ่นเสียเอง ที่ไหนได้ ดันฝากชีวิตไว้กับคนไร้น้ำยา…” ลูเมี่ยนนำข้อสันนิษฐานมาผนวกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจบลง แล้วก็ได้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลยิ่งขึ้น
“แล้วเป็นฝีมือใคร” เด็กหนุ่มถามด้วยความเจ็บปวดปนโมโห
มาดามเมจิกเชี่ยนไตร่ตรองสองสามวินาทีแล้วตอบ
“เมื่อพิจารณาถึงเคราะห์กรรมต่างๆ ฉันสงสัยว่าเทอร์มีโพลอสมีผู้ช่วยอยู่ภายนอก หรือก็คือ รอบตัวเธออาจมีผู้วิเศษที่ใช้พลังโชคชะตาซ่อนตัวอยู่ โดยคอยแอบสร้างอิทธิพลอย่างลับๆ ตามเจตจำนงของเทอร์มีโพลอส แต่ก็ไม่ได้เกินเลยไปจนถูกจับได้”
คำคำหนึ่งแล่นเข้ามาในความคิดของลูเมี่ยนทันที
ผู้ทนทุกข์!
ในความฝัน หลังจากที่เขากับพวกไรอันบุกเข้าไปในแท่นบูชาใต้ดิน กลิ่นอายของ ‘ผู้ทนทุกข์’ ได้ติดตัวมาด้วยระหว่างทางกลับ!
ทั้งนกฮูกในสุสานจอมเวท รวมถึง ‘ลูเมี่ยน’ อีกคนก่อนจะเผยตัวออกมา ต่างก็มอบความรู้สึกของ ‘ต้นตอปัญหา’ และผู้บงการเบื้องหลังอยู่เสมอ
พวกนี้ก็เป็นสัญลักษณ์ด้วยหรือ?
…………………………………………….