ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 247 ‘กระตุ้น’
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 247 ‘กระตุ้น’
ตอนที่ 247 ‘กระตุ้น’
คาบาเร่ต์ลมเอื่อย ร้านกาแฟชั้นสอง
ลูเมี่ยนเพิ่งกินมื้อกลางวันเสร็จ ก็ได้เห็นฟรังก้าในเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงขายาวสีอ่อน และรองเท้าบูตสีแดงอีกครั้ง
คราวนี้ สีหน้าของฟรังก้าดูเคร่งเครียดมาก จนลูอิสและพวกนักเลงอย่างซาโกตาต่างรู้สึกหวาดหวั่นใจ กลัวว่าอีกฝ่ายจะมาหาเรื่อง
ลูเมี่ยนลุกขึ้นยืน ใช้สายตาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ฟรังก้าถอนหายใจช้าๆ แล้วพูด
“จินนาเสียคุณแม่ไปแล้ว”
ลูเมี่ยนชะงักไปชั่วขณะ ราวกับนึกถึงภาพของคนบ้าฟลามงที่ผูกคอตายกับวงกบหน้าต่าง และรูเอลที่ตายเพราะร่างกายเน่าเปื่อย
เด็กหนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อย กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เว้นวรรคไปสองสามวินาทีก่อนจะถาม
“เสียชีวิตเพราะอาการทรุด?”
“ไม่ใช่” ฟรังก้าส่ายหน้า “เธอฆ่าตัวตาย”
เมื่อเห็นสีหน้าฉงนสนเท่ห์ของลูเมี่ยน หญิงสาวจึงถอนหายใจยาวพลางอธิบาย
“เมื่อคืน ตอนที่ฉันไปหาจินนา ฉันกลัวว่าเธอจะแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว ไม่ยอมบอกปัญหาให้เรารับรู้ ไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากเรา ฉันเลยไปตีสนิทหมอเจ้าของไข้กับพยาบาลประจำชั้นเอาไว้ เลี้ยงกาแฟและของหวานพวกเขา ไหว้วานให้ช่วยสังเกตอาการของแม่จินนา ถ้าพบความผิดปกติให้รีบจ้างคนมาบอกฉัน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางนี้จะรับผิดชอบเอง”
“จากที่พวกเขาเล่า หลังจากแม่ของจินนารู้ว่าจะต้องรักษาตัวอีกหลายเดือน และทราบค่าใช้จ่ายโดยประมาณ เธอก็ฉวยโอกาสตอนที่จินนาไปโรงอาหาร และยูเลียนไปหาหมอพอดี กระโดดลงมาจากชั้นหก…”
“เฮ้อ… เดิมทีสภาพร่างกายก็แย่มากอยู่แล้ว เธอเสียชีวิตคาที่เลย”
ลูเมี่ยนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกดมือซ้ายลงบนหน้าอก หัวเราะเสียงขื่นๆ
“นี่คือโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้วหรือไง…”
ฟรังก้าเองก็ตอบให้ไม่ได้
…………
บ่ายโมงตรง ลูเมี่ยนและฟรังก้ารีบไปถึงโรงพยาบาลอารามศักดิ์สิทธิ์ พยาบาลที่ฟรังก้าตีสนิทไว้ ได้พาพวกเขาไปยังห้องทำพิธีส่งวิญญาณ ที่อยู่ชั้นล่างสุดของตึกเสริม
แม้จะเรียกว่าห้องพิธีส่งวิญญาณ แต่คนตายที่รอการ ‘ชำระล้าง’ ก็ถูกส่งมาที่นี่ด้วยเหมือนกัน
ยูเลียน พี่ชายของจินนา กำลังนั่งยองๆ อยู่หน้าประตู กุมหัวตัวเอง สีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว ตามองผนังสีฟ้าสดใสฝั่งตรงข้าม
ฟรังก้าเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วถามเสียงเบา
“คุณป้ากับจินนาอยู่ข้างในใช่ไหม”
ยูเลียนพยักหน้าแผ่วเบา พึมพำด้วยความเจ็บปวด
“ผมไม่น่าปล่อยให้แม่อยู่ในห้องคนเดียวเลย…”
“ผมไม่น่าปล่อยให้แม่อยู่ในห้องคนเดียว…”
ฟรังก้าไม่รู้จะปลอบโยนอย่างไร ได้แต่ถอนหายใจเสียงเบา แล้วเดินเข้าไปในห้องพิธีส่งวิญญาณทางด้านข้างยูเลียน
ร่างของเอโลดีถูกวางอยู่บนเตียงที่ปูผ้าสีขาว คลุมทับด้วยผ้าขาวเรียบง่าย
คราบเลือดบนตัวเธอถูกชะล้างหมดแล้ว ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาปิดสนิท
จินนานั่งอยู่บนเก้าอี้กลมตรงข้าม จ้องมองศพของแม่ด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่พูดไม่จา ราวกับวิญญาณหลุดจากร่างไป
ฟรังก้าเรียกหาอย่างเจ็บปวดและเป็นห่วง แต่จินนากลับไม่สนใจไยดี ดูเหมือนจะปิดกั้นตัวเองอยู่ในอีกโลกหนึ่ง
ลูเมี่ยนลากเก้าอี้มาหนึ่งตัว นั่งลงข้างจินนา มองร่างไร้วิญญาณของเอโลดีเช่นกัน
สองสามวินาทีถัดมา เด็กหนุ่มพูดเสียงทุ้ม
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ เพราะไม่นานมานี้ ผมเพิ่งสูญเสียบุคคลสำคัญที่สุดในชีวิตไป”
จินนาไม่ตอบรับ เหมือนกลายเป็นรูปปั้นหินไปแล้ว
ลูเมี่ยนมองทางเดียวกับเธอ พูดไปต่อ
“แต่สิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ ใครกันที่เป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรม”
“ไม่ใช่! พวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด! พวกคุณประสบอุบัติเหตุ เผชิญหนี้สิน แต่ก็เลือกที่จะอดทนสู้ เลือกพึ่งพาความเหน็ดเหนื่อยและความเจ็บปวดเพื่อแลกกับชีวิตใหม่ ใช้เวลาหลายปี จนในที่สุดก็เริ่มประคับประคองผ่านมาได้ มีตรงไหนบ้างที่ผิด? ไม่มี!”
“คราวนี้พวกคุณไม่ยอมแพ้ต่อคนที่คุณรัก พยายามหาทางออก มีตรงไหนบ้างที่ผิด? ไม่มี!”
“พวกคุณไม่ปิดบังแม่ ยอมบอกความจริงให้เธอรู้ ทั้งระยะเวลาการรักษา ค่าใช้จ่าย และที่มาของเงิน… มีตรงไหนบ้างที่ผิด? ไม่มี! เพราะนี่คือเรื่องที่ปิดบังไม่ได้อยู่แล้ว!”
“แม่ของพวกคุณรักพวกคุณ ไม่อยากให้ลูกๆ ต้องทุกข์ทรมานเหมือนในช่วงหลายปีหลัง อยากให้พวกคุณเดินบนเส้นทางสว่างไสว มิใช่ในความมืดมน มีตรงไหนบ้างที่ผิด? ไม่มี!”
“แล้วใครกันที่ผิด?”
“ก็เจ้าของโรงงานที่ยื่นอุทธรณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยื้อเงินชดเชยอุบัติเหตุ ทำให้พวกคุณต้องทนทุกข์อยู่หลายปีไงล่ะ!”
“ก็กฎหมายที่คุ้มครองสันดานแบบนี้ของพวกมันไงล่ะ!”
“ก็โบโน·โกลด์ไวร์ที่ไม่สนใจกฎความปลอดภัย ไม่คิดจะเปลี่ยนเครื่องจักรเก่าโทรมไงล่ะ!”
“ก็ค่ารักษาพยาบาลที่ทำให้พวกคนจนสิ้นหวังไงล่ะ!”
“ก็รัฐสภาและรัฐบาลที่ยอมให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นไงล่ะ!”
ในที่สุดสีหน้าของจินนาก็เริ่มเปลี่ยน อารมณ์เจ็บปวดส่อให้เห็นเล็กน้อยจากแววตาอันว่างเปล่า และจากใบหน้าที่แข็งทื่อของเธอ
ลูเมี่ยนเหลือบมองประตูทางเข้า กล่าวเสียงนิ่ง
“ยังมีอีกเรื่องที่ผมบอกคุณได้ การระเบิดของโรงงานเคมีโกลด์ไวร์ที่ทำร้ายแม่คุณ อาจไม่ใช่อุบัติเหตุ”
จินนาหันตัวตามสัญชาตญาณ มองไปทางลูเมี่ยนกับฟรังก้า
เด็กหนุ่มมองศพของเอโลดี
“มันอาจเป็นการฆาตกรรม พิธีเซ่นสังเวยเทพมาร”
“ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ สส. ผู้ทรงเกียรติของเรา ถูกประเมินจากสาวกเทพมารตัวเป้งไว้ว่า ‘เป็นคนที่เปิดกว้างมากพอ’ รอบตัวหมอนั่นเต็มไปด้วยสาวกเทพมาร ซึ่งรวมถึงทิบอลต์·ฌัก ผู้ช่วยเลขาที่แพร่โรคร้ายเพื่อฆ่าคนบริสุทธิ์”
“ตอนเช้าของเมื่อวาน โบโน·โกลด์ไวร์ไปเยือนสำนักงานสส. และในตอนเย็น โรงงานเคมีของเขาก็ระเบิด”
“ตอนที่ผมแต่งหน้าเป็นโบโน·โกลด์ไวร์ไปหาทิบอลต์·ฌัก ฝ่ายหลังพูดทำนองว่า ‘เมื่อองค์กรเสื่อมโทรม ปัญหาย่อมต้องเกิด’ นั่นยิ่งทำให้ผมเชื่อว่า การระเบิดของโรงงานเคมีคือสิ่งที่พวกเขาทำนายได้ว่าจะเกิดขึ้น หรือแม้กระทั่งเป็นผู้ก่อเหตุโดยตรง เพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่เรายังไม่ทราบแน่ชัด”
“คุณโกรธไหม? เกลียดไหม? รับได้ไหม?”
“อยากเอาแต่นั่งอยู่ตรงนี้ มองดูพวกฆาตกรที่ฆ่าแม่และทำลายความสุขของคุณ จิบแชมเปญ จัดงานเต้นรำ และทำให้อีกหลายครอบครัวต้องพังทลายในอนาคตหรือไง?”
สีหน้าของจินนาเริ่มบิดเบี้ยว ดูเหมือนภายในใจจะเกิดความขัดแย้ง
ในที่สุด หญิงสาวยกสองมือปิดหน้า ร้องไห้โฮออกมา
“แต่แม่ของฉัน แต่แม่ของฉันกลับมาไม่ได้แล้ว…”
ฟรังก้าคุกเข่าลงตรงหน้าจินนา กอดเธอไว้ ปล่อยให้ฝ่ายหลังร้องไห้โฮ พลางพูดปลอบใจ
“สิ่งที่แม่ของเธออยากเห็นมากที่สุดคือ เธอและพี่ชายไม่ต้องพะว้าพะวังกับหนี้สินอีก ได้มีชีวิตใหม่ ลูกสาวได้เป็นนักแสดงละครเวทีที่โด่งดัง ลูกชายได้ก้าวพ้นข้อจำกัดของแรงงานทั่วไป มีทักษะเฉพาะทางติดตัว อยากเห็นพวกเธอใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข… พวกเธอใจร้ายพอที่จะทำให้แม่ผิดหวังหรือไง”
จินนาร้องไห้ถาม
“ไม่ใช่ว่าราตรีจะผ่านพ้นไป แสงสว่างจะมาถึงในที่สุดหรอกหรือ? ทำไม… ทำไมถึงมืดมิดอยู่ตลอด ทำไม… ทำไมถึงไม่เห็นแสงแม้แต่นิดเลย…”
“มันจะมาถึงแน่… อย่างแน่นอน” ฟรังก้าตบหลังจินนาหลายครั้ง “สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้คือ จัดงานศพให้แม่อย่างดี แล้วค่อยมาคิดว่าจะทำอะไรเพื่อแม่บ้าง”
“อื้อ” จินนาตอบตกลงทั้งน้ำตา
ร้องไห้จนหมดแรง อารมณ์ของเธอในที่สุดก็สงบลงได้บ้าง
ทันใดนั้นเอง บาทหลวงจากศาสนจักร ‘สุริยันเจิดจรัส’ ที่มาประกอบพิธีส่งวิญญาณก็เดินเข้ามา
เขาสวมชุดคลุมยาวสีขาวร้อยด้ายทอง เข้ามาในห้องพร้อมกับยูเลียน ยืนข้างศพของเอโลดี
มือข้างหนึ่งถือพระคัมภีร์ ท่องบทสวด อีกข้างกำขวดน้ำมนต์ ยื่นออกไปกลางอากาศ
ในตอนท้าย แสงอาทิตย์จางๆ สว่างขึ้นพร้อมกับการสาดน้ำมนต์ โปรยลงบนร่างเอโลดี
“สุริยันจงเจริญ ขอให้เธอได้หลับอย่างสงบบนอาณาจักรของพระองค์” บาทหลวงแผ่แขนออก
“สุริยันจงเจริญ!” จินนาและยูเลียนท่องตาม
ลูเมี่ยนผู้ร่วมพิธีก้มหน้าลง หัวเราะในลำคอเบาๆ
ฟรังก้าซึ่งเป็นผู้นับถือ ‘เทพจักรกลไอน้ำ’ ก็ไม่ได้ ‘สุริยันจงเจริญ’ เช่นกัน
บาทหลวงทำพิธีชำระล้างเสร็จ ก็ออกจากห้องประกอบพิธีส่งวิญญาณ เจ้าหน้าที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลเดินเข้ามาแทน ถามกับยูเลียนและจินนา
“จะฝังเลยหรือเผา? จะส่งไปที่สุสานใต้ดิน หรือสุสานรวมสำหรับคนไร้บาป หรือสุสานรวมของนักบวช?”
ยูเลียนและจินนามองหน้ากันก่อนจะกล่าว
“เผา… พวกเราจะนำไปไว้ที่สุสานใต้ดินเอง”
พ่อของพวกเขาก็ถูกฝังที่นั่นเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ห้องเก็บศพจดบันทึกแล้วกล่าว
“เมื่อคืนมีคนตายไม่น้อยเลย กว่าเตาเผาจะว่างก็คงต้องรอถึงสัปดาห์หน้า ฝากไว้ในโรงเก็บศพก่อนได้ไหม?”
“ได้ค่ะ” เสียงของจินนาแหบต่ำเล็กน้อย
ทั้งสี่มองดูใบหน้าของเอโลดีถูกคลุมด้วยผ้าขาวที่ใช้ห่มร่าง จากนั้นศพก็ถูกเข็นออกจากห้องประกอบพิธี
พวกเขาเดินตามเตียงคนไข้ที่ติดล้อโลหะ นั่งลิฟต์ไอน้ำลงไปใต้ดิน มาถึงด้านนอกของห้องเก็บศพ
ประตูบานคู่ของห้องเก็บศพเป็นสีเทาเงิน ด้านในมืดและหนาว ก่อให้เกิดหมอกสีขาวตรงรอยต่อ
จินนาจ้องศพของมารดาถูกเข็นผ่านประตูเข้าไปในห้องเย็น ซึ่งสว่างไสวด้วยตะเกียงแก๊สติดผนังและเต็มไปด้วยตู้โลหะ มองดูประตูบานคู่สีเทาเงินปิดลงทีละนิด
หญิงสาวก้าวเท้าออกไปโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตู
อย่างไร้สุ้มเสียง ประตูบานใหญ่ปิดตัวลง
เธอจะไม่ได้พบหน้าแม่อีกแล้ว
…………
กลับมายังสะพานปาร์ซี เขตตลาดคนซื่อ
จินนาจ้องมองพี่ชาย ยูเลียน เดินเหงาๆ อยู่ด้านหน้า ในใจกลับมาเศร้าอีกครั้ง
แสงแดดยามบ่ายสดใส แต่กลับทำให้เธอรู้สึกแสบตา
ฟรังก้าละสายตาจากแผ่นหลังของยูเลียน และกล่าวโดยหวังจะมอบเป้าหมายให้จินนา
“อาการของพี่ชายดูไม่ค่อยดีเลยนะ เขาคงรู้สึกผิดมาก ช่วงนี้เธอต้องคอยปลอบใจเขา บอกไปว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แทบทุกคนบนโลกในตอนนั้น เป็นใครก็ต้องรีบไปเรียกหมอ”
จินนาสลัดความเศร้าจากใบหน้า ‘อืม’ ในคอหนึ่งคำแล้วพูด
“ฉันจะปลอบใจเขาเอง”
“แต่ถ้าไม่ได้ผลล่ะ?”
เธอมองลูเมี่ยนสลับกับฟรังก้าด้วยแววตาสิ้นหวัง
ฟรังก้าพยักหน้าปลอบใจ
“ถึงตอนนั้น ฉันจะช่วยหา ‘นักจิตบำบัด’ ตัวจริงให้เขาเอง ประเภทที่มีพลังวิเศษน่ะ”
จินนาถอนหายใจ สูดจมูกแล้วพูด
“ขอบคุณนะ… ขอบคุณพวกคุณมาก”
“เธอเองก็ต้องระวังสภาพจิตใจของตัวเองด้วย” ลูเมี่ยนเตือนอย่างมีประสบการณ์
จินนาเม้มปากแล้วพยักหน้า มองตรงไป สายตาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น
หญิงสาวพูดกับฟรังก้าและลูเมี่ยนด้วยเสียงแหบต่ำ
“คืนนี้ฉันอยากไป ‘เยี่ยม’ โบโน·โกลด์ไวร์”
……………………………………………………..