ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 243 หน้าประตู
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 243 หน้าประตู
ตอนที่ 243 หน้าประตู
ลูเมี่ยนมีไฟในอกก็จริง แต่มิได้หมายความว่าเขาเสียสติและขาดความยั้งคิด อาจหาญปลอมตัวเข้าไปในสำนักงานสส. ตามหาตัวคนที่ ‘ถ่มน้ำลายลงพื้น’ นั่น แล้วเผาอีกฝ่ายทั้งเป็นให้รู้แล้วรู้รอด
แม้ใช่ว่าแผนนี้จะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว แต่การเสี่ยงโดยปราศจากข้อมูลที่เพียงพอ อาจให้ผลเท่ากับฆ่าตัวตาย
ประการแรก เด็กหนุ่มไม่ทราบว่าในสำนักงานสส. มีสาวกเทพมารกี่คน และแข็งแกร่งมากน้อยเพียงใด
ประการที่สอง เขาไม่ทราบว่าหน่วยแปดหรือสองศาสนจักรใหญ่ ส่งผู้พิทักษ์มาคุ้มกันฮิวจ์·อาร์ทัวส์มากแค่ไหน และมีพลังแบบใด
นอกจากนั้น เขายังไม่ทราบตำแหน่งที่แน่ชัด ไม่ทราบสภาพแวดล้อมเบื้องต้นของเป้าหมาย ถึงแม้จะแอบเข้าไปในสำนักงานสส. ได้ ก็ไม่แน่ว่าจะหาตัวอีกฝ่ายพบ
ประการสุดท้าย เขายังไม่ทราบว่าจะแอบเข้าไปอย่างไร และถอนตัวให้ราบรื่นได้อย่างไร
แน่นอน ลูเมี่ยนไม่ปฏิเสธว่าความวุ่นวายจากเหตุระเบิดที่โรงงานเคมีโกลด์ไวร์ ช่วยให้การลอบแทรกซึมของตนง่ายขึ้นมาก
แผนของเขาในตอนนี้คือการเป็น ‘นักล่า’ ที่อดทน รอให้เป้าหมายออกมา แล้วสะกดรอยตามเขาไปอย่างเงียบงัน เพื่อยืนยันสถานการณ์เบื้องต้น จากนั้นค่อยมองหาโอกาสลงมือ
คำนึงจากตำแหน่งของเป้าหมายในทีมหาเสียง ลำดับคงไม่สูงมากนัก แน่นอนว่าปราศจากบารมีเทพ ถึงแม้จะเป็นลำดับกลาง อย่างมากก็แค่ลำดับ 7
หากลูเมี่ยนประเมินผิดพลาด เป้าหมายอยู่ในลำดับ 6 หรือแม้แต่ลำดับ 5 เด็กหนุ่มก็ไม่หวั่นเกรงสักเท่าไร เพราะเชื่อว่ามิสเตอร์ K จะต้องชื่นชอบการสังหารสาวกเทพมารแน่นอน!
ฟู่ว… ลูเมี่ยนถอนหายใจแผ่วเบา ยังคงมองตึกสีดินเหลืองสี่ชั้นที่กำลังสว่างโร่ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับลงมือในขั้นถัดไป
ผ่านไปได้สักพัก มีคนเก็บขยะอายุราวห้าสิบ สะพายถุงป่านเดินเข้ามาใกล้ แล้วเริ่มขุดคุ้ยกองขยะข้างตึก
ภาพดังกล่าวทำให้ลูเมี่ยนทอดถอนใจออกมา ไฟในอกยิ่งลุกโชนร้อนแรงขึ้น
ในกรุงทรีอาร์ ผู้คนไม่สามารถเก็บขยะได้ตามใจชอบ คนเก็บขยะทุกคนล้วนมีนายจ้าง แบ่งเป็นพนักงานประจำและพนักงานชั่วคราว มีถิ่นเก็บขยะที่กำหนดไว้ตายตัว ห้ามข้ามเขตกัน ไม่อย่างนั้นจะเกิดความขัดแย้งตามมา หรืออาจถึงขั้นโดนรุมทำร้าย นั่นเป็นเหตุผลที่สามีภรรยารูเอลกับมิเชล วิงวอนให้ฮิวจ์·อาร์ทัวส์จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำวันละครั้ง แทนที่ตัวเองจะไปรอบนถนนที่จัดงานเลี้ยงทุกวัน เพราะถิ่นดังกล่าวไม่ได้เป็นของพวกเขา แต่ถูกยึดครองโดยคนเก็บขยะกลุ่มอื่น
ความแตกต่างระหว่างพนักงานประจำและพนักงานชั่วคราวคือ พนักงานประจำจะได้รับเงินเดือนจากนายจ้าง แต่ขยะที่เก็บได้ทั้งหมดต้องตกเป็นของนายจ้าง แน่นอนว่าถ้าเก็บได้ ‘ของมีค่า’ หรือของประเภทที่ ‘ใช้แล้วหมดไป’ คนเก็บขยะมักจะลองชั่งใจดู ว่าควรส่งให้นายจ้างหรือเก็บไว้กับตัว ส่วนพนักงานชั่วคราวก็อย่างสามีภรรยารูเอลและมิเชล ประเภทนี้ไม่มีเงินเดือนประจำ จะคุ้ยหาขยะในช่วงเช้าและเย็น แล้วนำผลประกอบการไปส่งให้โรงกำจัดขยะตามที่ระบุไว้ ซึ่งมักจะเป็นกิจการของนายจ้างเอง
ด้วยเหตุนี้ คนเร่ร่อนส่วนใหญ่จึงทำได้เพียงคุ้ยหาอาหารกับเสื้อผ้าจากกองขยะ แทบไม่มีสิทธิ์ทำเงินจากการเก็บขยะขาย
ลูเมี่ยนรอจนกระทั่งสามทุ่ม จำนวนแขกที่มาเยือนสำนักงานสส. ลดลงไปบ้าง มีผู้คนทยอยออกมาสูบบุหรี่และพักผ่อนตามระเบียงห้อง
ไม่นานนัก รูม่านตาของเด็กหนุ่มก็ขยายออกเล็กน้อย สะท้อนร่างของบุคคลหนึ่ง
อีกฝ่ายยืนอยู่บนระเบียงห้องริมสุดของชั้นสอง รูปร่างผอม ใบหน้าซีดเซียว ผมสีเหลืองเข้มหยักศก ดวงตาสีน้ำตาลกำลังมองไปทางโคมไฟถนนใต้ตึก
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน เสื้อกั๊กสีดำ และเสื้อนอกสีเข้ม ผูกหูกระต่าย มือถือบุหรี่ที่มีควันลอยคลุ้งอยู่มวนหนึ่ง คอยอัดเข้าปอดเป็นระยะ ไม่ใช่ใครนอกจากบุคคลที่ลูเมี่ยนเห็นว่าถ่มน้ำลายลงพื้นใน ‘การทำนายด้วยกระจกวิเศษ’ ของฟรังก้า
โขล่ก โขล่ก โขล่ก! ชายหนุ่มที่ดูไม่สบายคนนั้นเริ่มไอหนัก ราวกับจะขย้อนปอดออกมาทางปาก
ไอจนเสร็จ เขาก็ขากเสมหะก้อนหนึ่ง เกิดเสียงครืดคราดในลำคอ
ชายคนนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ถ่มเสมหะลงบนผ้า แล้วห่อมันเก็บใส่ในกระเป๋าเสื้อ มิได้ทิ้งลงด้านล่างตามใจชอบ
อย่างที่คิด ไอ้เวรนี่ทราบดีว่าน้ำลายของตัวเอง เป็นแหล่งพาหะโรคในเชิงศาสตร์เร้นลับ… ดวงตาของลูเมี่ยนหรี่ลง
เนื่องจากมีหลายคนออกมาพักผ่อนประเดี๋ยวประด๋าวบนระเบียงห้องของตัวเอง ไม่นานลูเมี่ยนก็ยืนยันตำแหน่งพวกคนหน้าคุ้นได้ครบ
ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ ส.ส. เขตตลาด อยู่ในห้องที่มีระเบียงใหญ่สุด ชิดริมฝั่งหนึ่งของชั้นบนสุด
มาดามผมแดงอยู่ชั้นเดียวกัน ห้องติดกันด้วย
ชายวัยสามสิบกว่าที่สวมแว่นตากรอบทองและถือเอกสารตลอดเวลาระหว่างหาเสียง อยู่อีกฟากหนึ่งของชั้นสอง คนละฝั่งกับชายหนุ่มที่ดูไม่ค่อยสบายนั่น ท่าทางค่อนข้างเกียจคร้าน ทุกครึ่งชั่วโมงจะออกมาอัดบุหรี่ริมระเบียง ชมวิวทิวทัศน์ ท่าทีขาดความใส่ใจ ขาดความกระตือรือร้นที่จะรับมือกับผลกระทบจากโรงงานเคมีโกลด์ไวร์ระเบิด
ชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำสูงใหญ่ ประจำอยู่ที่ห้องทำงานตรงกึ่งกลางชั้นสาม
หญิงสาววัยรุ่นผิวพรรณดี ท่าทางสุภาพเรียบร้อย สวมแว่นตา ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อนอกสีน้ำเงินเข้ม ประจำการอยู่ชั้นสี่ ห้องใต้ฮิวจ์·อาร์ทัวส์พอดิบพอดี ทุกคนอยู่ฝั่งเดียวกันหมด ห่างจากชายหนุ่มที่ดูไม่สบายนั่นพอสมควร คล้ายกับไม่อยากอยู่ใกล้สักเท่าไร
ลูเมี่ยนสังเกตอย่างละเอียด จนพบว่าห้องติดกับห้องของคนที่ถ่มน้ำลายลงพื้น ดูเหมือนจะเป็นสำนักงานส่วนรวม ในแต่ละห้องมีพนักงานหลายคน
หรือก็คือ คนเหล่านี้แทบไม่ใช่บุคลากรตำแหน่งสูงหรือเป็นผู้วิเศษ จนแทบไม่ต้องคำนึงถึง
สาวกเทพมารคนอื่นๆ ก็รังเกียจไอ้เวรที่ชอบถ่มน้ำลายนั่น จึงเลือกห้องทำงานคนละทิศกันเลย? พวกเขายังเชื่ออีกว่าสำนักงานสส. อยู่ภายใต้การคุ้มกันอย่างเข้มงวดแล้ว แถมบุคคลดังกล่าวก็ยังเป็นผู้วิเศษ ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกโจมตี? อา… ก็จริง ถ้าคิดจะโจมตีสำนักงานสส. แล้วล่ะก็ ต้องเลือกฮิวจ์·อาร์ทัวส์เป็นเป้าหมายหลัก ไม่ใช่หนึ่งในลูกน้องสักคน เพราะนั่นคือวิธีเดียวที่จะคุ้มค่ากับความเสี่ยง… ลูเมี่ยนไตร่ตรองอย่างเคร่งเครียด พลางพบว่านี่อาจเป็นโอกาสอันดี
ตอนนี้ปัญหาคือ เขาจะแอบเข้าไปในสำนักงานสส. ได้ด้วยวิธีใด โดยไม่ให้ใครสังเกตเห็น
หากปราศจากความช่วยเหลือจากฟรังก้า สีผมบลอนด์อมดำของตนจะเป็นจุดเด่นที่สะดุดตามาก
หลังจากประมวลผลอยู่ครู่หนึ่ง ลูเมี่ยนก็คิดแผนออก
เด็กหนุ่มเดินออกจากฝั่งตรงข้ามสำนักงานสส. กลับไปยังบ้านลับบนถนนเสื้อนอกขาว
จากนั้นก็จัดแท่นบูชา สวดวิงวอนขอพรคุ้มครองจากผู้ยิ่งใหญ่
เขาเชื่อว่าในเมื่ออ้อมกอดเทวทูตสามารถอำพรางตนจากการตรวจสอบของเทพได้ ก็ย่อมต้องต่อต้านการทำนายได้ระดับหนึ่ง!
เฉกเช่นคราวก่อน เขาละลานตาไปกับความสว่างไสวและสง่างามของเทวทูต พลางได้เห็นปีกแสงทับซ้อนกันหลายชั้น ห่อหุ้มร่างกายตนท่ามกลางอารมณ์ยากจะพรรณนา
หลังจากจัดการเสร็จ ลูเมี่ยนก็วางมือลงบนศีรษะ
ผมสีบลอนด์อมดำของเด็กหนุ่ม มีสภาพเหมือนหญ้าแห้งที่ถูกเผา เมื่อเปลวไฟลุกโชนก็เริ่มหลุดร่วงเป็นกระจุก
ไม่นานนัก บนหัวลูเมี่ยนก็เหลือเพียงรากผมแค่เล็กน้อย
เขาสวมหมวกแฟลตแก๊ปสีน้ำเงินกลับไปใหม่ ใช้แว่นส่องความลับปลอมแปลงใบหน้าบางส่วน แล้วก็ออกจากถนนเสื้อนอกขาว เดินเข้าถนนใหญ่ตลาดย่านที่ใกล้กับตลาดคนซื่อ และมองหาร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่พอจะดูมีราคา
ลูเมี่ยนอธิบายด้วยท่าทีตื่นตระหนกเล็กน้อย
“ผมถูกโจรวิตถารปล้น มันขโมยเสื้อผ้ากับกางเกงไปหมด จึงต้องซื้อเสื้อผ้าคนเร่ร่อนแถวนี้มาใส่”
พอได้ยินคำอธิบายดังกล่าว พนักงานหญิงก็เกือบหลุดหัวเราะ
เรื่องทำนองนี้พวกเขาเคยได้ยินมาไม่น้อย ทราบดีว่าบุคคลที่ใช้ข้ออ้างดังกล่าว มักแอบนอกใจภรรยาไปนอนกับสาวอื่น แต่สามีเธอกลับมากะทันหัน จนต้องลนลานหนีออกมาโดยไม่ได้สวมเสื้อผ้า พกเพียงกระเป๋าสตางค์ และแก้ปัญหาด้วยการขอซื้อเสื้อผ้าจากคนเร่ร่อน
แต่ถ้ามีคนมาเล่าหน้าตาเฉยว่าเพิ่งผ่านเหตุการณ์เล่นชู้มาหมาดๆ คนผู้นั้นต่างหากที่ถูกโจรวิตถารปล้นเข้าจริงๆ
สุดท้ายแล้ว ลูเมี่ยนซื้อชุดสูทที่ดูไม่เลวแต่ก็ค่อนข้างธรรมดา ประกอบด้วยเสื้อเชิ้ต เสื้อนอก เนกไท และไม้ตะพดสีเข้ม นอกจากนี้ยังเลือกซื้อวิกผมสีน้ำตาลและหนวดปลอมสีเดียวกัน
รวมเป็นเงินทั้งสิ้นเจ็ดสิบแปดเฟลคิน
หลังจากย้อนกลับบ้านลับบนถนนเสื้อนอกขาวโดยไม่ทิ้งร่องรอย ลูเมี่ยนก็รีบลบการปลอมตัวก่อนหน้านี้ทิ้ง สวมแว่นส่องความลับกลับไปใหม่ เริ่มแต่งหน้าตัวเองตามรูปลักษณ์ในความทรงจำ
เป้าหมายคือการทำให้ตัวเองดูแก่ลง ไม่นานนัก คนในกระจกก็เริ่มดูเหมือนชายวัยกลางคน โดยมีหนวดปลอมสีน้ำตาลติดอยู่ตามริมฝีปากและคาง
ลูเมี่ยนกลายเป็นโบโน·โกลด์ไวร์ เจ้าของของโรงงานเคมีโกลด์ไวร์
ถึงจะเหมือนตัวจริงแค่สักสี่ถึงห้าส่วน แต่สำหรับคนที่รู้จักโบโน·โกลด์ไวร์ หากมิได้พิจารณาอย่างถ้วนถี่ ถ้าได้เห็นใบหน้านี้ก็จะเผลอคิดไปว่าเป็นตัวจริง
ลูเมี่ยนจะแฝงตัวเข้าสำนักงานสส. ด้วยฐานะนี้!
ก่อนจะเริ่มลงมืออย่างเป็นทางการ เด็กหนุ่มแวะใต้ดินทรีอาร์ นำชุดคนเร่ร่อนเดิมไปซ่อนไว้ในโพรงของเหมืองหินแห่งหนึ่ง
ออกจากใต้ดินทรีอาร์ ลูเมี่ยนถือไม้ตะพดเดินอย่างรีบเร่งไปยังตึกสี่ชั้นสีดินเหลืองของสำนักงานสส.
หลังจากสังเกตการณ์เล็กน้อย เพื่อให้แน่ใจว่าภาพเงาที่ส่องออกมาจากแต่ละห้องมิได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก เขาก็ก้มศีรษะลงครึ่งหนึ่ง ใช้มือปิดบังใบหน้า แล้วเดินเข้าใกล้ประตูใหญ่ของตึก
“คุณมีธุระอะไร?” รปภ. ในเครื่องแบบสีน้ำเงินเข้มที่พกปืน เอ่ยถามพร้อมกับเข้ามาขวาง
หนึ่งในรปภ. อาศัยแสงจากตะเกียงแก๊สบนถนน ช่วยให้มองเห็นใบหน้าของผู้มาเยือน จึงพูดไปตามสัญชาตญาณ
“คุณโกลด์ไวร์ ทำไมถึงกลับมาที่นี่อีกล่ะ…”
รปภ. รีบสงบปากสงบคำทันที เข้าใจว่าเจ้าของโรงงานที่ประสบเหตุระเบิด คงมีปัญหาให้ต้องสะสางไม่น้อย รวมถึงเรื่องกังวลใจที่ต้องการความช่วยเหลือ
รปภ. ทั้งสองไม่ไถ่ถามเพิ่มเติม เพียงหลีกทางให้ ปล่อยให้ลูเมี่ยนเดินเข้าไปข้างใน
บนโถงชั้นหนึ่งมีผู้คนเดินขวักไขว่ แม้จะค่ำมืดแล้วก็ยังคงคึกคักอยู่ มีทั้งผู้สื่อข่าว ข้าราชการ ตัวแทนองค์กรการกุศล เจ้าหน้าที่ธุรการจากโรงพยาบาลที่มารายงานสถานการณ์ และพนักงานที่ต้องคอยต้อนรับบุคคลเหล่านั้น
ลูเมี่ยนยังคงรักษาท่าทางที่เหมือนไม่อยากให้ใครเห็นหน้าเอาไว้ ก้มศีรษะลงพลางใช้มือปิดบังครึ่งหนึ่ง เดินตรงไปทางบันได และอาศัยลูกไม้เดิมผ่านด่านรปภ. ติดอาวุธอีกสองนายเพื่อขึ้นไปชั้นสอง
เด็กหนุ่มจำแนกทิศทาง เดินผ่านพนักงานสองคนที่สวนออกมาจากห้องทำงาน จนกระทั่งมาถึงหน้าห้องทำงานของชายหนุ่มที่ดูไม่ค่อยสบาย
บนประตูสีแดงเลือดหมูมีแผ่นป้ายสีขาวอะลูมิเนียมฝังอยู่ มีคำภาษาอินทิสเขียนไว้ด้วยอักษรสีทอง
“ผู้ช่วยเลขานุการ ทิบอลต์·ฌัก”
ทิบอลต์… ลูเมี่ยนคลี่ยิ้ม ก่อนจะสวมถุงมือแล้วเคาะประตูห้องเบาๆ
……………………………………………………..