ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 238 อดกลั้น
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 238 อดกลั้น
ตอนที่ 238 อดกลั้น
ลูเมี่ยนนั่งอยู่ ณ ปากตรอกตรงข้ามสำนักงานสส. ปะปนอยู่กับกลุ่มคนจรจัด
หลังจากสะกดรอยตามและเฝ้าสังเกต เด็กหนุ่มก็เริ่มเข้าใจภาพรวม:
ใครบางคนในสำนักงานสส. ได้นัดแนะกับตำรวจเชื่องๆ ไว้ล่วงหน้า ให้อีกฝ่ายช่วยดูคดีการเสียชีวิตจากโรคประหลาดในเขตความรับผิดชอบ ปกปิดเรื่องในทำนองเดียวกันไว้ ไม่รายงานต่อผู้วิเศษทางการ และเก็บหลักฐานที่พบไปส่งที่สำนักงานสส.
นี่ยังแสดงให้เห็นว่า ชายหนุ่มที่ไม่ค่อยสบาย ผู้บ้วนเสมหะใส่ผ้าเช็ดหน้าแล้วทิ้ง รู้ดีว่าการกระทำของตนจะส่งผลเช่นไร หากไม่แล้ว คนที่สำนักงานสส. ก็คงไม่ไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจแน่!
ลูเมี่ยนจ้องอาคารสีดินเหลืองสี่ชั้นหลังดังกล่าว สองมือกำแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย
ผ่านไปสักพัก เด็กหนุ่มบรรจงผ่อนลมหายใจ
ทันใดนั้นเอง เขาเห็นคนที่ค่อนข้างคุ้นตา เดินออกจากประตูอาคารที่ตั้งสำนักงานสส.
อีกฝ่ายสวมหมวกผ้าไหมทรงกึ่งสูง ถือไม้ตะพดสีเข้ม สวมสูทสีดำเข้ารูป หนวดเคราสีน้ำตาลรกครึ้มรอบริมฝีปากและคาง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเกือบดำ มีรอยย่นเล็กน้อยตรงขอบตา
เขาคือโบโน·โกลด์ไวร์ เจ้าของโรงงานเคมีโกลด์ไวร์ ผู้ที่เมื่อคืนออกจากงานเลี้ยงมาก่อนบอสใหญ่พรรคซาฟาห์ การ์ดเนอร์·มาร์ติน โดยรูปถ่ายของเขาเคยปรากฏบนหนังสือพิมพ์บางฉบับเป็นครั้งคราว
ลูเมี่ยนถอนสายตากลับ รออีกสักพัก จนกระทั่ง ‘สารวัตรใหญ่’ เดินออกจากสำนักงานสส. ตามลำพัง กลับไปยังกองบัญชาการตำรวจ เด็กหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนตรงปากตรอกที่เต็มไปด้วยคนเร่ร่อน แวะเข้าร้านกาแฟแบบสุ่ม กินมื้อเช้าเรียบง่ายที่ล่าช้ากว่าปกติ
เมื่อใกล้ถึงสิบเอ็ดโมง เขาเคาะประตูห้องฟรังก้าอีกครั้ง
“เป็นยังไงบ้าง ผู้วิเศษทางการเข้ามารับทำคดีหรือยัง” ฟรังก้าตื่นแล้ว โดยเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นเสื้อเชิ้ตสตรีสีขาว กางเกงขายาวสีอ่อนที่เธอชอบที่สุด
ลูเมี่ยนส่ายหน้า
“ยัง”
เขาเดินเข้าไปในห้อง พลางอธิบายเพิ่ม
“ถูกสารวัตรใหญ่คนหนึ่งจากกองบัญชาการตำรวจปิดคดีไว้”
“พวกที่สำนักงานสส. ก็รู้ด้วยสินะ ว่าการบ้วนน้ำลายนั่นจะสร้างปัญหา!” ฟรังก้าได้ยินแล้วก็เข้าใจเรื่องราวทันที อดหัวเราะเยาะไม่ได้
ลูเมี่ยนเดินไปนั่งบนโซฟา เล่าตั้งแต่ตอนที่ตำรวจมาตรวจจุดเกิดเหตุ ไปจนถึงตอนที่สารวัตรใหญ่คนดังกล่าว เดินเข้าไปในสำนักงานสส.
ฟรังก้ามองตาเด็กหนุ่ม ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วจึงพูด
“ฉันรู้ว่าคุณไม่พอใจ รู้ว่าในใจกำลังร้อนรุ่มอยู่ไม่น้อย ที่จริงก็เข้าใจดีเลยล่ะ ถึงแม้จะไม่ได้ผูกพันกับสามีภรรยาคู่นั้นมากนัก แต่คุณที่พยายามช่วยเหลือพวกเขา กลับต้องพบเจอความล้มเหลว… โชคชะตาอันน่าเศร้าของพวกเขาคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่เห็นใจและอยากช่วยเหลือ…”
“แต่อย่างไรเสีย ฉันอยากจะบอกคุณว่า จงอดทน อดทน และอดทน… อย่าใจร้อนเด็ดขาด อย่าแก้แค้นด้วยวิธีที่รุนแรงเกิดเหตุ อีกฝ่ายคือคนสนิทของสส. ถ้าเกิดความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย พายุลูกใหญ่จะตามมาทันที เกินกว่าที่คุณกับฉันจะรับไหว”
เมื่อเห็นว่าลูเมี่ยนไม่โต้แย้ง และมิได้แสดงอารมณ์อื่น ฟรังก้าก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
“ฉันก็ยังยืนยันคำเดิม เรื่องนี้ควรให้ผู้วิเศษทางการจัดการแทน เดี๋ยวจะลองใช้ช่องทางส่วนตัวของฉัน แจ้งให้พวกเขารู้ว่ามีคดีแบบนี้ด้วย โดยระบุตัวตนและจุดเด่นของผู้ต้องสงสัยให้ชัดเจน”
“แม้ว่าในตอนนี้ หลักฐานสำคัญคงหายไปแล้ว และศพก็คงถูกส่งไปเผาอย่างเร่งด่วนแล้ว แต่ตราบใดที่ผู้วิเศษทางการได้ทราบว่า มีพลังวิเศษ ‘นอกเส้นทาง’ ลอยนวลอยู่ในพื้นที่ดูแล และเริ่มเพ่งเล็งไปยังบุคคลที่ฉันทำนายออกมาได้ ไม่ช้าก็เร็วคงค้นปัญหาได้”
ฟังมาถึงตรงนี้ ลูเมี่ยนพยักหน้าเฉื่อยๆ
“ก็คงอย่างนั้น”
ฟรังก้าเริ่มเบาใจ ครุ่นคิดสักพักแล้วพูด
“ฉันจะปิดบังรายละเอียดบางส่วนไว้ บอกเพียงว่ามีโรคประหลาดที่ทำให้ทั่วร่างเน่าเปื่อยเกิดขึ้นในเขตตลาด สงสัยว่าอาจมาจากผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเสมหะข้นๆ ของบุคลากรในสำนักงานสส. โดยที่กองบัญชาการตำรวจพยายามปกปิดคดีในทำนองเดียวกัน”
“ถ้าไม่ทำแบบนี้ ผู้วิเศษทางการอาจจะสงสัยว่าแหล่งข่าวกรองคือคุณ จนถูกขุดประวัติอย่างละเอียด”
ลูเมี่ยนพูด ‘อืม’ คำหนึ่ง เป็นนัยว่าเอาตามนั้น
หลังจากอำลาฟรังก้า และออกจากถนนเสื้อนอกขาว ระหว่างทางไปยังคาบาเร่ต์ลมเอื่อย เด็กหนุ่มก็ได้พบจินนา
“ไง… มาดามเชเลีย” ลูเมี่ยนทักทาย
‘นางพญา’ รายนี้กำลังสวมชุดกระโปรงยาวสีเทาอมฟ้าเรียบง่าย ผมสีน้ำตาลอ่อนครึ่งหนึ่งถูกรวบขึ้น อีกครึ่งหนึ่งปล่อยตามธรรมชาติ ไม่มีการแต่งหน้าทาปาก ดูสะอาดตา ปราศจากเสน่ห์ของหญิงใจแตก
พอได้ยินชาร์ลเรียกชื่อจริงของตน จินนากัดฟันกรอด
“เรียกฉันว่าจินนาเถอะ!”
ลูเมี่ยนจงใจมองเธอหัวจรดเท้า
“โดนแม่ฟาดด้วยไม้กวาดมาหรือไง? กำลังจะออกจากวงการนักร้องใต้ดินแล้ว?”
“แม่ง! ไม่เคยมีคำอวยพรดีๆ ออกจากปากคุณเลย!” จินนาถ่มน้ำลาย “แม่ผู้แสนจะอ่อนโยนและมีเหตุผลของฉัน ไม่มีทางเอาไม้กวาดฟาดลูกตัวเองได้ลงคออยู่แล้ว”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของหญิงสาวก็เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
“ตอนแรกแม่ไม่อยากให้ฉันร้องเพลงที่คาบาเร่ต์ มองว่ามันทั้งอันตราย และทำให้ฉันใจแตกได้ง่าย แต่พอบอกไปว่ารายได้ต่อสัปดาห์อยู่ที่เท่าไร โดยไม่ต้องนอนกับผู้ชายเลยสักนิด ความหนักแน่นของแม่ก็เริ่มอ่อนลง บอกว่าวันนี้หลังเลิกงานจะมาดูฉันแสดงที่คาบาเร่ต์ลมเอื่อย… แม่ง! แก้ไขสถานการณ์ยังไงดี?”
“ถ้าแม่ได้เห็นเธอใส่ชุดเว้าหน้าอก เตะขาสูงพลางร้องเพลง ‘นิ้วของเขายอดเยี่ยมที่สุด’ แม่เธอจะทำหน้ายังไงกันนะ…” ลูเมี่ยนถามยียวน
“ก็จะวิ่งขึ้นเวทีมาฆ่าฉันน่ะสิ!” จินนาเกาผมสีน้ำตาลอ่อน
เธอคิดสักพักแล้วพูด
“ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดโป๊ๆ ก็ได้นี่นา… คราวก่อนเคยลองใส่ชุดราตรีนั่นแล้วไง ผลตอบรับก็ไม่ขี้เหร่… อา… ผ่านมาก็นานแล้วด้วย ลองใส่อีกครั้งก็คงไม่แปลกอะไร ปัญหาที่เหลือคือการเลือกเพลง… ฉันจะลองไปปรึกษาฟรังก้าดู เธอเซนส์ดีมาก ถึงขนาดแต่งเพลงและเขียนเนื้อเพลงเองได้เลย ถึงจะประหลาดอยู่บ้างก็เถอะ…”
ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“ถ้าจนปัญญาจริงๆ ผมสั่งให้เรเนเปลี่ยนธีมกิจกรรมคืนนี้ได้นะ”
“เจ๋งเป้ง!” จินนาทำตาแวววาว
เธอจ้องหน้าลูเมี่ยน กล่าวขอบคุณอย่างกระอักกระอ่วน
“คุณนี่หัวไวไม่เบาเลย…. เอ่อ… แม่ง! ขอบใจนะ!”
โดยไม่รอคำตอบจากลูเมี่ยน จินนาเหลียวซ้ายแลขวาตามสัญชาตญาณ แล้วพูดเสียงเบาลง
“ฉันบอกแม่ไปด้วยว่า ฉันเป็นเพื่อนสนิทกับ ‘บูตแดง’ แห่งพรรคซาฟาห์ ได้รับการคุ้มครองจากเธอ ถึงได้ไปร้องเพลงที่คาบาเร่ต์ลมเอื่อย และได้รับการปกป้องอย่างดี วันนั้นที่ฉันไปหานาย ก็เพื่อคุยเรื่องขึ้นค่าจ้างร้องเพลง เพราะมีฟรังก้ามาเอี่ยวด้วย นายจึงยอมตกลง”
“ถ้าแม่ของฉันมาถาม ก็ตอบไปแบบนี้นะ”
ลูเมี่ยนพยักหน้า ตามด้วยจิกกัด
“แบบนี้เรียกว่า รวมหัวกันปกปิด”
“ปิดบังด้วยเจตนาดีต่างหาก” จินนาตอบกลับอย่างอารมณ์ดี “อย่างน้อยฉันต้องร้องเพลงไปอีกหนึ่งปี เพื่อสะสมค่าเรียนให้เพียงพอ รวมถึงการใช้หนี้”
ลูเมี่ยนจ้องหน้า ‘นักแสดงฝึกหัด’ ครู่หนึ่ง แล้วถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ทำไมถึงไม่หาวิธีเรียกร้องเงินชดเชยจากอุบัติเหตุนั่นบ้างล่ะ?”
“ทำยังไง?” จินนาเบิกตากว้าง ใบหน้าฉายแววสงสัย “ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดเลยนะ”
ลูเมี่ยนยิ้มเบาๆ
“ทำไมต้องรอศาล? การชำระหนี้ย่อมอยู่ภายใต้ความคุ้มครองจาก ‘ผู้พิทักษ์การค้า’ พวกเราไปทวงเองได้เลย”
“เจ้าของโรงงานไม่ได้บอกว่าจะไม่จ่าย ที่อุทธรณ์ซ้ำๆ ก็เพื่อจะต่อรองสัดส่วนความรับผิดชอบและจำนวนเงินชดเชย…” จินนามองลูเมี่ยนด้วยสายตากังขา “คุณจะไปบังคับให้เขาชดใช้? นั่นมันผิดกฎหมายนะ!”
“ผิดกฎหมาย?” ลูเมี่ยนทำหน้าขบขัน “ในฐานะหัวหน้าหน่วย ฉันทำผิดกฎหมายทุกวัน ก่อนหน้านี้เธอยังอยากลอบสังหารมาร์โกต์เพื่อแก้แค้นให้เพื่อนเลยนี่? ทำไมตอนนั้นถึงไม่สนกฎหมาย?”
จินนาชะงักคำพูดไป ทำได้เพียงพึมพำ
“มาร์โกต์เป็นหัวหน้าหน่วย เคยทำเรื่องบัดซบมานับไม่ถ้วน แต่ละอย่างก็มากพอจะเอาขึ้นตะแลงแกงแล้ว”
“เพราะงั้นเธอเลยคิดจะลงโทษเขาแทนกฎหมาย?” ลูเมี่ยนหัวเราะ “เจ้าของโรงงานนั่นอาจเคยทำเรื่องต่ำช้ามาเยอะเหมือนกัน ก็ดี พวกเราปิดหน้า แอบเข้าไปในบ้านเขา จับเขามัดไว้ บังคับให้ชดใช้เหยื่อทุกคน หรือไม่ก็ขู่เข็ญเอาเงินมา แล้วค่อยแบ่งกันทีหลัง ตอนถูกสอบสวนจะได้ไม่ถูกสงสัย”
จินนาทำหน้าลำบากใจ
“ขอคิดดูก่อนนะ ขอคิดดูก่อน”
ไม่แปลกใจเลยที่ชาร์ลได้เป็นหัวหน้าหน่วย วันๆ พูดถึงแต่เรื่องผิดกฎหมายและอาชญากรรมได้ง่ายดายเหมือนกินเนื้อดื่มเหล้า
ลูเมี่ยนเลิกชักชวน ในเมื่อตัวจินนายังไม่รีบ เขาก็ไม่จำเป็นต้องรีบแทนเธอ
…………
ใกล้ถึงยามเย็น ลูเมี่ยนนั่งในร้านกาแฟชั้นสองของคาบาเร่ต์ลมเอื่อย รอคอยคืนถัดไปมาถึง
ตอนนี้เขายังไม่ต้องทำอะไร แค่รอให้ฟรังก้าหรือบอสช่วยหาวัตถุดิบเสริมของโอสถ ‘นักวางเพลิง’ มาให้ เพื่อเลื่อนเป็นลำดับ 7 อย่างเป็นทางการ
“ลูกพี่ครับ คืนนี้จะกินอะไรดี?” ลูอิสเห็นท้องฟ้าเปลี่ยนสี ก็โน้มตัวลงถามไถ่ลูเมี่ยน
ลูเมี่ยนกำลังจะตอบ ก็เห็นจินนาเดินขึ้นมา
‘นางพญา’ รายนี้มาในชุดกระโปรงยาวสีกุหลาบตัวเดิม ชายกระโปรงค้ำจุนด้วยโครงลวด ดูคล้ายดอกไม้สดกำลังห้อยหัว
ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกเกล้ามวยเรียบง่าย แต่ส่วนใหญ่ปล่อยสยายตามธรรมชาติ แต่งหน้าบางเบา เน้นอวดผิวพรรณและใบหน้าที่งดงามตามธรรมชาติ แก้มขวาแต้มไฝดำหนึ่งจุด มือถือพัดที่ประดับลวดลายวิจิตรงดงาม
ลูอิสกับซาโกตาอึ้งไปเล็กน้อย แทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือ ‘กะหรี่น้อย’ จินนา
จินนาถามลูเมี่ยนด้วยท่าทางเกร็งๆ
“แบบนี้พอได้ไหม?”
“ดูดีเลย” ลูเมี่ยนเลิกแกล้งจินนา
ทันใดนั้น เกิดเสียงดังสนั่นมาแต่ไกล พื้นดินสั่นสะเทือนจนสัมผัสได้ กระจกหน้าต่างของร้านกาแฟส่งเสียงกุกกัก
“เชี่ย! เกิดอะไรขึ้น?” จินนามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความตกใจ
ลูเมี่ยนลุกขึ้นยืน เดินไปทางหน้าต่าง มองออกไปข้างนอก เห็นคนเดินถนนล้วนทำหน้าสับสนงุนงง ตื่นตระหนกบ้างเล็กน้อย
เด็กหนุ่มพยายามมองไกล แลเห็นควันดำโขมงพวยพุ่งจากทิศใต้
“ไปสืบมาหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น” ลูเมี่ยนสั่งลูอิส
หลังลูอิสลงไป จินนาเดินเข้ามาใกล้เด็กหนุ่ม เห็นควันดำลอยคลุ้งจากฝั่งทิศใต้ของเขตตลาด ในใจพลันเครียดเจือกังวล ยากที่จะสงบลงได้
ไม่นานนัก ลูอิสกลับมาถึงร้านกาแฟ รายงานกับลูเมี่ยน
“ลูกพี่ โรงงานเคมีโกลด์ไวร์ระเบิดครับ”
เกิดเสียงดังตุ้บ ลูเมี่ยนหันหน้าไปมอง เห็นพัดในมือจินนาหล่นกระแทกพื้น
หญิงสาวทำตัวราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง เอาแต่พึมพำในลำคอ
“แม่ฉัน แม่ฉันอยู่ที่นั่น…”
…………………………………………………….