ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 235 ‘โรค’
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 235 ‘โรค’
ตอนที่ 235 ‘โรค’
เมื่อเห็นว่าลูเมี่ยนเงียบ มิเชลพูดด้วยความร้อนใจเจือตื่นตระหนก
“ถ้าคุณไม่อยากช่วย ฉันจะไปขอให้คนอื่นช่วยแทน…”
“แต่จะไปขอใครดี… พวกเขาไม่ค่อยชอบเราเท่าไร บ่นว่าตัวเรามีกลิ่น…”
นี่คือเหตุผลหลักๆ ที่เธอมาขอความช่วยเหลือจากลูเมี่ยน ในโรงแรมระกาทอง บุคคลที่พูดคุยกับสองสามีภรรยาด้วยท่าทีสงบได้ มีเพียงลูเมี่ยนกับชาร์ลีเท่านั้น แต่ชาร์ลีย้ายออกไปแล้ว
มองนางมิเชลร่างเตี้ย หลังค่อม ใบหน้าเต็มไปด้วยความอ้อนวอน ลูเมี่ยนถอนหายใจแล้วพูด
“ผมจะไปดูให้”
เด็กหนุ่มพาความสงสัยที่ไม่อาจขจัดติดตัวไปด้วย เดินผ่านนางมิเชลไป วิ่งเหยาะๆ จนถึงชั้นสาม เข้าไปในห้อง 302
ด้านในเต็มไปด้วยขยะนานาชนิด ส่งกลิ่นเหม็นอันยากบรรยาย ลูเมี่ยนยกมือขึ้นบีบจมูก แทรกตัวผ่านพื้นที่ว่างที่เดินเข้าไปได้ทีละคน จนถึงเตียงนอนที่ผ้าปูเตียงเหลืองและมันเยิ้ม
รูเอลเต็มไปด้วยรอยย่น ผมขาวโพลน หลับตาสนิท หายใจถี่ แก้มแดงก่ำ หมดสติไปแล้ว
ป่วยจริงๆ … ลูเมี่ยนขมวดคิ้ว กลั้นหายใจ หันหลังกลับ แบกรูเอลออกจากห้อง
ส่วนมิเชลกำลังรีบรื้อค้นกองขยะ คอยดึงธนบัตรออกจากที่ซ่อนทีละใบ หยิบเหรียญขึ้นมาหนึ่งเหรียญ ใส่ตัวเธอเอง
ในไม่ช้า เธอก็ออกจากห้อง 302 ล็อกประตูไปพลางพูดกับลูเมี่ยนว่า
“มิสเตอร์ชาร์ล คุณไม่ต้องสนใจฉันหรอก รีบพารูเอลไปคลินิกเถอะค่ะ ฉันจะรีบตามหลังไป”
ลูเมี่ยนพยักหน้ารับแผ่วเบา เร่งฝีเท้า วิ่งออกจากโรงแรมระกาทอง
เด็กหนุ่มเคยไปถนนเสื้อนอกขาวเป็นประจำ จึงทราบดีว่าคลินิกตั้งอยู่แถวไหน หลังจากวิ่งอย่างบ้าคลั่งสักพัก ก็เห็นคลินิกนอร์บูลิงที่เทียบได้กับโรงพยาบาลขนาดเล็ก
เขตตลาดคนซื่ออยู่ใกล้กับเขตนอร์ดมาก ข้ามสะพานไปก็เป็นโรงพยาบาลอารามศักดิ์สิทธิ์ที่ ‘สุริยันเจิดจรัส’ ให้การสนับสนุนก่อตั้ง ดังนั้น ฝั่งนี้ของสะพานจึงมีเพียงคลินิกไม่กี่แห่ง
คลินิกนอร์บูลิงมีหมอเวรกลางคืนสองคน โถงกว้างพอสมควร มีเตียงชั่วคราววางเรียงราย มีผู้ป่วยสองสามคนนอนอยู่ กำลังรับการให้น้ำเกลือ
ลูเมี่ยนแบกรูเอลมาวางบนเตียงตรวจโรค ตรงหน้าหมอคนหนึ่ง
หมอใส่แว่นขอบทองวัยสามสิบกว่า มองลูเมี่ยนปราดหนึ่ง มิได้เอ่ยถึงค่าตรวจ เริ่มตรวจอาการของรูเอลเบื้องต้นด้วยสีหน้ารังเกียจ
ผ่านไปสองสามนาที เขาดันแว่นแล้วพูดว่า
“ไข้สูงมาก แต่ไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย ผมแนะนำให้ลองลดไข้ก่อน ถ้าไม่ได้ผล ก็รีบส่งตัวไปโรงพยาบาลอารามศักดิ์สิทธิ์”
“ตกลง” ลูเมี่ยนไม่ค่อยรู้เรื่องการแพทย์นัก จึงต้องทำตามคำพูดของหมอ
หมอเขียนใบสั่งยาไวว่อง บอกให้ลูเมี่ยนไปจ่ายเงินก่อน แล้วไปรับยาลดไข้กับอุปกรณ์ให้น้ำเกลือที่ห้องยา
“ยาลดไข้รหัส 1357 ของบริษัทยาเดอะฟูล…” ลูเมี่ยนเหลือบมองเนื้อหาบนใบสั่งยา หันหลังเดินไปที่ช่องจ่ายเงิน
ตอนนี้นางมิเชลตามมาถึงแล้ว หอบจนแทบหายใจไม่ทัน
เธอรับใบสั่งยาจากมือของลูเมี่ยน มองราคาแวบหนึ่ง เผลอพูดออกมา
“ห้าเฟลคินเชียว…”
โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนตอบ เธอกัดฟัน หยิบเหรียญทองแดง เหรียญเงิน ออกมาทีละเหรียญ รวมเป็นห้าเฟลคิน จ่ายค่าตรวจ
ไม่นานนัก รูเอลก็ถูกยกขึ้นเตียงชั่วคราว เริ่มรับการรักษาด้วยการให้น้ำเกลือ
นี่เป็นวิธีรักษาที่เพิ่งได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีหลัง
ในที่สุดนางมิเชลก็ผ่อนคลายลง พูดกับลูเมี่ยนว่า
“ขอบคุณค่ะ มิสเตอร์ชาร์ล คุณกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนรูเอลเอง”
ลูเมี่ยนไม่ดึงดัน อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่หมอ
เด็กหนุ่มผงกศีรษะแผ่วเบา มองไปทางรูเอล แล้วเพ่งสมาธิ อยากอ่านดวงชะตาของเขาสักหน่อย
พอมองไป คิ้วของลูเมี่ยนก็ขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
มิสเตอร์รูเอลใกล้จะเผชิญเคราะห์กรรมที่ถึงตาย!
แต่ก็ไม่รุนแรงและชัดเจนนัก ไม่เหมือนกับคนเร่ร่อนก่อนหน้า เหมือนว่ายังพอมีโอกาสช่วยได้
ขณะลูเมี่ยนเตรียมจะแนะนำให้รีบส่งตัวไปโรงพยาบาลอารามศักดิ์สิทธิ์ อาการของรูเอลก็เกิดความเปลี่ยนแปลง
บนผิวหนังของเขา ทยอยผุดตุ่มน้ำใสคล้ายแผลไหม้ทีละเม็ด ข้างในตุ่มเต็มไปด้วยหนองสีเหลืองอ่อน แสดงสัญญาณว่าใกล้จะแตกออกเป็นแผลเน่า
อาการแบบนี้ ความคืบหน้าแบบนี้ ความเร็วในการแปรเปลี่ยนแบบนี้ ทำให้ลูเมี่ยนตาเบิกค้าง สัญชาตญาณบ่งบอกว่านี่มิใช่โรคธรรมดา
น่าจะเกี่ยวข้องกับศาสตร์เร้นลับและพลังเหนือธรรมชาติ!
มิสเตอร์รูเอลเป็นเพียงคนเก็บขยะ ทำไมถึงได้รับอิทธิพลจากพลังวิเศษ? ลูเมี่ยนเงยหน้า ชี้ไปทางรูเอลที่ยังไม่ได้สติ พูดกับนางมิเชล
“พวกคุณนับถือ ‘สุริยันเจิดจรัส’ ใช่ไหม? ลองพาเขาไปวิหารนักบุญโรแบร์ดีกว่านะ”
เด็กหนุ่มรู้สึกว่า ต่อให้เป็นโรงพยาบาลอารามศักดิ์สิทธิ์ ก็คงรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับพลังวิเศษแบบนี้ไม่หาย ไม่เท่ากับแวะเข้าวิหารสุริยันเจิดจรัส เพื่อให้พวกนักบวชประเมินว่ารักษาด้วยการชำระล้างได้หรือไม่
นางมิเชลก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงผิดปกติของสามี พูดพร้อมกับสะอื้นไห้
“ไม่ได้ ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลอารามศักดิ์สิทธิ์ ส่งไปโรงพยาบาลอารามศักดิ์สิทธิ์!”
ตามความคิดของเธอ การเข้าวิหารเพื่อขอพร ก็เท่ากับยอมแพ้การรักษา เตรียมทำพิธีส่งวิญญาณ
ลูเมี่ยนไม่พยายามโน้มน้าว เพราะนึกได้ว่าตอนนี้ดึกแล้ว วิหารนักบุญโรแบร์ได้ปิดประตูใหญ่แล้ว ในขณะที่รูเอลกับมิเชลเป็นเพียงคู่สามีภรรยาคนเก็บขยะ มีโอกาสสูงที่เคาะประตูไปก็ไม่เปิดต้อนรับ
ยิ่งไปกว่านั้น ระยะทางจากตรงนี้ไปวิหารนักบุญโรแบร์ก็ไม่ได้ใกล้ อาการของรูเอลลุกลามเร็วมาก อาจทนพิษบาดแผลไม่ไหวกลางทาง หรือไม่ก็ตายระหว่างรอให้คนเฝ้าโคมไฟวิหารตกใจตื่น ช่วยเปิดประตูใหญ่ต้อนรับ
ลูเมี่ยนจ้องมองรูเอลที่มีอาการเลวร้ายลงตามลำดับ ตุ่มน้ำบางเม็ดแตกออก มีน้ำหนองไหลออกมา เงียบไปสองสามวินาที แล้วพูดกับนางมิเชล
“คุณไปตามหมอ ตอนนี้เลยนะ ส่งตัวไปโรงพยาบาลอารามศักดิ์สิทธิ์”
“ได้ค่ะ ได้!” มิเชลเหมือนตื่นจากความฝัน รีบวิ่งไปหาหมอคนเดิมที่เพิ่งตรวจรูเอล
นี่คือ ‘ยารักษา’ ที่ได้มาจาก ‘หัวล้าน’ ฮาร์มัน!
ลูเมี่ยนคิดว่าโรคเร้นลับ ต้องต่อสู้ด้วยยาเร้นลับเท่านั้น ถึงจะไม่มั่นใจว่ายารักษาบาดแผลภายนอกเป็นหลัก จะส่งผลต่อรูเอลหรือไม่ แต่ก็อยากทดสอบดู
เด็กหนุ่มบิดฝาขวด บีบปากทั้งสองข้างของรูเอล บังคับให้กินยาครึ่งขวด
รูเอลทำตัวเหมือนกระหายน้ำมานาน สัญชาตญาณสั่งให้ร่างกายกลืนของเหลวใสดุจดังน้ำพุนั่น
หลังจากกลืนลงคอไปสองสามครั้ง เขาก็สงบนิ่ง
ไม่ถึงหนึ่งนาที เมื่อนางมิเชลพาหมอกลับมา ตุ่มน้ำบนใบหน้าของรูเอลก็เริ่มแห้งเหี่ยว ตกสะเก็ดอย่างเร็ว หลุดออกอย่างไร้เสียง
ได้ผลจริงๆ … ลูเมี่ยนถอนหายใจอย่างโล่งใจ แล้วเพ่งสมาธิอีกครั้ง อ่านการเปลี่ยนแปลงของดวงชะตา
คราวนี้รูเอลไม่มี ‘ลางมรณะ’ แล้ว โชคชะตาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า กลายเป็นความวุ่นวายไปบ้าง จนลูเมี่ยนยากที่จะจำแนกและคาดเดา
หมอคนดังกล่าวมองรูเอลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามนางมิเชลด้วยความสงสัย
“อาการก็ดีขึ้นแล้วนี่?”
นางมิเชลพบว่า ตุ่มน้ำน่ากลัวบนใบหน้าของสามีหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแผลเป็นและริ้วรอยบ้าง การหายใจก็สม่ำเสมอ ไม่หอบเหนื่อยอีกต่อไป
“ขอโทษค่ะ ฉันร้อนใจเกินไป” เธอรีบขอโทษขอโพย
หมอที่รังเกียจกลิ่นเหม็นจากตัวเธอและรูเอลมากโบกมือ
“ยาของบริษัทเดอะฟูลมีประสิทธิภาพสูงกว่าเจ้าอื่น ในเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ก็สังเกตการณ์ต่อไปก่อน ไม่ต้องรีบย้ายไปโรงพยาบาลอารามศักดิ์สิทธิ์หรอก”
พูดจบ เขาก็รีบผละจากเตียงชั่วคราวนี้ไป ราวกับไม่อยากอยู่ต่อ
นางมิเชลทิ้งตัวนั่งลงข้างรูเอล คอยลูบหน้าผากเป็นครั้งคราว สัมผัสอุณหภูมิร่างกาย
ลูเมี่ยนยังไม่กลับ เพียงดึงเก้าอี้กลมตัวหนึ่งมานั่ง ตรวจดูการเปลี่ยนแปลงของอาการรูเอล
สิบนาทีผ่านไป รูเอลลืมตาขึ้น มองเพดานสีขาวแปลกตาด้วยความงุนงง ก่อนจะพูด
“ทำไมฉันถึงป่วยกะทันหันได้ล่ะ” รูเอลงุนงงมาก “ก่อนนอนยังไม่รู้สึกถึงปัญหาอะไรเลย”
ลูเมี่ยนแทรกผ่าบทสนทนาของสามีภรรยา ถามอย่างเป็นกันเอง
“ก่อนนอน คุณทำอะไรที่แตกต่างไปจากปกติบ้างไหม”
“ไม่มี” รูเอลนึกทบทวนครู่หนึ่งแล้วเล่า “เหมือนทุกวันก่อนหน้านี้ ตรวจนับขยะที่เก็บมาได้ ไปเข้าห้องน้ำฉี่ คุยกันสักพัก แล้วก็นอน… อาจเป็นเพราะเมื่อวานกลับมาดึกมาก นับของเสร็จก็เกือบตีหนึ่งแล้ว นอนดึกเกินไปก็เป็นได้…”
หรือว่าขยะพวกนั้นมีปัญหา? หรือไม่ก็เจออะไรมาตอนกลางวัน แล้วเพิ่งปะทุตอนกลางคืน… ลูเมี่ยนถามไถ่อย่างละเอียดอีกพักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เบาะแสใดจากคำบอกเล่าของรูเอลและมิเชล
ร่างกายของรูเอลฟื้นตัวไวมาก พอให้น้ำเกลือเสร็จ เขาก็โวยวายจะกลับโรงแรม ไม่ยอมนอนคลินิกนอร์บูลิงจนถึงเช้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียเงินมากขึ้น
ลูเมี่ยนเห็นว่าดวงชะตาของเขายังไม่เปลี่ยน จึงไม่ได้ขัดขวาง
โรงแรมระกาทอง ด้านนอกห้อง 302
ลูเมี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย มองกองขยะที่ส่งกลิ่นมากมายภายใน พยายามควานหาต้นตอของปัญหา ส่วนรูเอลกับมิเชลก็ยืนอยู่ด้านข้าง พร่ำขอบคุณเขาไม่หยุด
ด้วยสภาพแวดล้อมสุดพิเศษ นาสิกประสาทของลูเมี่ยนจนปัญญาจะสำแดงพลัง ลองเปิดเนตรวิญญาณมองอยู่สักพัก แต่ก็ไม่ได้อะไร
เขาจึงบอกกับคู่สามีภรรยา
“ไม่แน่ว่าในขยะพวกนี้ อาจมีของสกปรกที่ทำให้ป่วย คืนนี้พวกคุณไปนอนห้องอื่นก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันใหม่”
ลูเมี่ยนวางแผนจะรอให้ฟรังก้าตื่นก่อน แล้วขอให้ ‘แม่มด’ ผู้เชี่ยวชาญการทำนาย ช่วยค้นหาต้นตอของปัญหา
มิเชล ผู้ยังคงตัวสั่นเพราะตกใจเรื่องที่สามีป่วยหนักจนเกือบตาย รีบพูดแทรกก่อนรูเอล
“ได้ค่ะ!”
“ขอบคุณมากนะคะ มิสเตอร์ชาร์ล”
ชั้นสามยังมีห้องว่างอีกสองห้อง ลูเมี่ยนจัดให้คู่สามีภรรยานอนห้อง 307 โดยกำชับให้รีบไปพักผ่อน
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงสตรีร้องห่มร้องไห้อยู่ไกลๆ
ลูเมี่ยนพลันแน่นหน้าอก รีบหยิบปรอทเสื่อมทราม เดินออกจากห้อง ตามเสียงร้องไห้มาถึงชั้นสาม
ท่ามกลางความมืด จิตใจของเขาดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง จึงชะลอฝีเท้าลงด้วยความหวาดหวั่น
ในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าห้อง 307 มองผ่านผ้าม่านที่สะท้อนแสงจันทร์สีแดงเลือด เห็นนางมิเชลคุกเข่าอยู่ข้างเตียงนอน ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด
เมื่อตระหนักว่ามีคนเข้ามาใกล้ มิเชลในชุดกระโปรงผ้าสีเหลืองอมส้ม หันศีรษะไปทางประตูในความสลัว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอย เจิ่งนองไปด้วยน้ำตา
เธอพูดด้วยเสียงว่างเปล่าปนงุนงง
“ม…มิสเตอร์ชาร์ล รูเอลตายแล้ว…”
…………………………………………………….