ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 233 เบิกล่วงหน้า
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 233 เบิกล่วงหน้า
ตอนที่ 233 เบิกล่วงหน้า
เห็นว่าฟ้ามืดแล้ว ลูเมี่ยนวางแผนศึกษาสมุดบันทึกเวทมนตร์ของโอลัวร์จนถึงเที่ยงคืน และรอจนถึงพรุ่งนี้ช่วงสายค่อยไปหาฟรังก้า ถามว่า ‘พิธีเก็บเกี่ยว’ ขายออกไปหรือยัง และขอให้เธอช่วยหาวัตถุดิบเสริมอย่างเลือดซาลามันเดอร์อัคคีกับผงไพรอกซีนลาวา
หืม… ฟรังก้าเป็นพวกนอนดึกตื่นสาย ถ้าเราไปหาตอนนี้เลย คงยังไม่นอนแน่ๆ … ถ้าเป็นพรุ่งนี้ช่วงสายน่าจะหลับอยู่… ลูเมี่ยนเปลี่ยนใจกะทันหัน เก็บโต๊ะไม้ ลุกขึ้นและออกจากโรงแรมระกาทอง
ถนนเสื้อนอกขาว บ้านเลขที่ 3 หน้าห้อง 601
เพียงลูเมี่ยนเคาะประตูไม่กี่ครั้ง ก็เห็นฟรังก้าเจ้าของผมยาวสลวยสีเชือกป่าน สวมชุดนอนผ้าไหมสีฟ้าอ่อนเปิดประตูให้
“ครั้งนี้มีธุระอะไรล่ะ” ‘แม่มด’ ถามยิ้มๆ พลางหลบทาง
ลูเมี่ยนไม่ตอบในทันที เพียงกวาดตามองแล้วพูด
“จินนาไม่อยู่หรือ”
ฟรังก้ายิ้มน้อยลงโดยไม่รู้ตัว
“คุณมาหาเธอ? คืนนี้เธอไม่ต้องไปร้องเพลง กลับบ้านไปแล้ว”
ลูเมี่ยนพยักหน้า
“งั้นก็ดี จะได้ไม่ต้องปีนกำแพงลงไปอีก”
“…” มุมปากของฟรังก้ากระตุก “มายั่วโมโหฉันเล่นหรือไง”
หลังจากแกล้งอำกันพอหอมปากหอมคอ ลูเมี่ยนก็นั่งลงบนโซฟายาวสีเทา
ขณะเด็กหนุ่มเตรียมจะพูด ฟรังก้าที่ขดตัวอยู่บนเก้าอี้เอนหลัง จนชายชุดนอนเลิกขึ้นสูง หัวเราะ ‘จิ๊ๆ’ แล้วชิงพูดก่อน
“ตอนบ่ายคุณไม่ได้อยู่ในเขตตลาด เลยพลาดโอกาสเห็นเรื่องสนุกๆ”
“ตำรวจไล่กวาดล้างสถานที่ทุกแห่งที่เกี่ยวข้องกับแก๊ง บรินิแยร์ ซิมงต์ คริสโต เบลค ทุกคนถูกจับไปกองบัญชาการตำรวจ เกือบโดนผู้วิเศษทางการเชือดไก่ให้ลิงดูสักสองสามคน โชคยังดี การ์ดเนอร์ไปหาฮิวจ์·อาร์ทัวส์ที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งหมาดๆ บอกให้เขาไปกดดันสองศาสนจักรใหญ่กับกองบัญชาการตำรวจ โยนแพะรับบาปไปสองสามตัว ก็ถือว่าจบเรื่องไปได้”
ฮิวจ์·อาร์ทัวส์เชื่อมโยงกับบอสจริงๆ … ลูเมี่ยนหัวเราะในคอ
“แล้วคุณไม่โดนจับหรือ”
“วันนี้ฉันไม่ได้ไปแถวนั้น นั่งเล่น ‘พิชิตจอมมาร’ กับจินนาและพวกหางเครื่องคนสวยของฉันตลอดทั้งบ่าย ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องถูกจับ ก็นะ… คนเราน่ะ ใช้ชีวิตขี้เกียจบ้างก็ไม่เลว คำพังเพยที่ฉันชอบที่สุดคือ ‘คนขี้เกียจมีบุญของคนขี้เกียจ’” ฟรังก้าตอบอย่างขำขัน
“ไม่เคยได้ยิน” ลูเมี่ยนถามอย่างเป็นกันเอง “สำนวนจากไหน?”
“ฉันแต่งขึ้นเอง” ฟรังก้าตอบหน้านิ่ง
ลูเมี่ยนครุ่นคิดถึงคำบรรยายของฟรังก้าเมื่อครู่ แล้วถามกลับ เพื่อยืนยันข้อสงสัยของตน
“จินนาเป็นคนเสนอว่า ตอนบ่ายอย่าออกไปข้างนอก ให้เล่นไพ่อยู่แต่ในห้องใช่ไหม?”
“คุณรู้ได้ยังไง” ฟรังก้าแปลกใจมาก
เธอมองลูเมี่ยนขึ้นลง สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย:
อย่าบอกนะว่าจินนาเล่าให้ฟัง? สองคนนี้คุยกันลับหลังมากแค่ไหน?
ลูเมี่ยนไม่ได้ปิดบัง เล่าอย่างเถรตรง
“วันนี้ชาร์ลีมาหาผม บังเอิญจินนาก็อยู่ด้วย จากคำบอกเล่าของเขา เราได้ทราบว่าตอนบ่ายวันนี้ ผู้วิเศษทางการจะร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจ เพื่อกวาดล้างสมาชิกแก๊งในเขตตลาดครั้งใหญ่”
“ผมสั่งให้จินนาปิดเป็นความลับ เพื่อไม่ให้กระทบกับชาร์ลี ดูเหมือนเธอจะรักษาคำพูดจริงๆ เพียงแต่ใช้วิธีของตัวเอง ลากคุณเอาไว้ในห้องพักแทน”
“ถึงว่าตอนบ่ายนายก็ไม่อยู่” ฟรังก้าเข้าใจในทันที
เธอรู้สึกภูมิใจไม่น้อย
“ในใจจินนายังเข้าข้างฉันอยู่!”
หลังจากเปล่งความพึงพอใจออกมาหนึ่งประโยค ฟรังก้าถามอย่างระมัดระวัง
“แล้วจินนาไปหาคุณทำไม”
“‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ถูกฆ่า เธอสงสัยว่าเป็นฝีมือผม ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับแก๊งหนามพิษ” ลูเมี่ยนยิ้มเล็กน้อย
ฟรังก้าพูดกึ่งโล่งใจกึ่งขำขัน
“ไม่นึกว่าเรื่องนี้จะถูก ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ รับบาปแทนให้”
“ตั้งแต่ฉันมาถึงทรีอาร์ ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่งจะได้เห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า เกิดคดีอุกอาจขึ้นในบางพื้นที่ โดยมีกลุ่มก่อการร้าย ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ ประกาศความรับผิดชอบ ไม่นึกไม่ฝันว่าเราจะได้เจอกับตัวเอง การสืบสวนหลังจากนี้คงถูกเบี่ยงประเด็นไปแล้ว ไม่มีใครสงสัยพวกเราอีกต่อไป”
แต่เรื่องนี้เป็นฝีมือ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ จริงๆ นั่นแหละ… หลังจากลูเมี่ยนจิกกัดฟรังก้าในใจสองสามคำ ก็ดึงหัวข้อสนทนากลับมาจุดเดิม
“ตอนบ่ายผมถือโอกาสไปร่วมชุมนุมศาสตร์เร้นลับ ได้สูตรโอสถ ‘นักวางเพลิง’ มาแล้ว รวมถึงเบาะแสของวัตถุดิบหลัก”
“โชคดีนะเนี่ย” ฟรังก้าเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย “ถ้าไม่ใช่ในอินทิส ฉันคงสงสัยเรื่องที่คุณเล่าไปแล้ว มีแต่ในอินทิสนี่แหละ ถึงจะเจอสูตรโอสถ ‘นักวางเพลิง’ ได้ง่ายขนาดนี้”
ลูเมี่ยนขอร้อง
“ช่วยหาเลือดซาลามันเดอร์อัคคี ผงไพรอกซีนลาวา กับหญ้าเทียนหัวแดงให้หน่อย พวกนี้คือวัตถุดิบเสริม”
เด็กหนุ่มมิได้เอ่ยถึงดอกลิลีดาราศักดิ์สิทธิ์ เพราะมันค่อนข้างหาง่าย ร้านดอกไม้ขนาดใหญ่หน่อยก็มี
“ได้สิ” ฟรังก้าถามปริมาณของวัตถุดิบแต่ละชนิด ปิดท้ายว่า “เงินของคุณยังพออยู่ไหม หมายถึงเงินซื้อวัตถุดิบโอสถน่ะ”
ในสายตาหญิงสาว สูตรโอสถ ‘นักวางเพลิง’ คงจะกินเงินเก็บของลูเมี่ยนจนเกลี้ยงแล้ว
ลูเมี่ยนถือโอกาสถาม
“‘พิธีเก็บเกี่ยว’ ขายไปหรือยัง ผมกำลังจะถามอยู่พอดี”
“เร็วไปไหม? นี่เพิ่งผ่านไปแค่วันเดียวเอง! ฉันยังไม่ว่างไปร่วมชุมนุมศาสตร์เร้นลับสักงานเลย” ฟรังก้าเว้นวรรคครู่หนึ่ง “ถ้าคุณอยากใช้เงินด่วน ฉันให้ยืมก่อนก็ได้ ยังไงตอนนี้ก็ยังไม่ต้องคิดเรื่องโอสถลำดับถัดไปอยู่แล้ว”
“ก็ไม่ได้รีบขนาดนั้น” ลูเมี่ยนคิดแล้วตอบ
เขายังหาวัตถุดิบเสริมไม่ครบเลย
“จากประสบการณ์ของฉัน ผลข้างเคียงเชิงลบของ ‘พิธีเก็บเกี่ยว’ นั้นหลีกเลี่ยงได้ยาก ขายได้ไม่แพงมาก ก็แค่ราว 1 หมื่นถึง 1.2 หมื่นเฟลคินเท่านั้น”
“ไว้คุณจะใช้เงินเมื่อไร ฉันให้ได้ทันที 6,000 เฟลคิน ถือว่าซื้อขาด ‘พิธีเก็บเกี่ยว’ ก็แล้วกัน และยังให้ยืมได้อีกสักสองสามหมื่นเฟลคิน แต่คุณต้องใช้คืนภายในสามเดือน”
“ได้” ลูเมี่ยนไม่เกรงใจ ตกลงตามนั้น
เด็กหนุ่มหยิบ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ออกมาถามฟรังก้า “ผมยังต้องการจ้างช่างซ่อมอาวุธวิเศษสักคน”
ฟรังก้ามองมีดที่มีลวดลายพิสดารซ้อนทับกันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามด้วยความสงสัย
“ซ่อมอาวุธวิเศษไปจะมีประโยชน์อะไร สุดท้ายพลังงานก็ต้องหมดอยู่ดี”
“เจ้านี่มีประโยชน์มาก ใช้ได้นานวันเท่าไหร่ก็คุ้มเท่านั้น” ลูเมี่ยนยังไม่อยากบอกว่า ตนมีวิธีเติมพลังงานให้ ‘ปรอทเสื่อมทราม’
แน่นอนว่าต้องรอจนกว่าตัวเขาจะไต่ไปถึงลำดับ 6 ซึ่งต้านทานผลข้างเคียงจากมลพิษได้ดีขึ้น ไม่เช่นนั้น ไอ้เวรเทอร์มีโพลอสจะต้องฉวยโอกาสก่อเรื่องแน่ๆ
“ก็จริง” ฟรังก้าประทับใจกับผลงานของ ‘ปรอทเสื่อมทราม’ ในศึกสังหาร ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์อย่างมาก “ฉันจะช่วยถามให้ แต่อาวุธวิเศษที่ต้องสงสัยว่าติดมลทินแบบนี้ คงไม่มี ‘ช่างฝีมือ’ คนไหนกล้ารับหรอก กลัวจะส่งผลไม่ดีต่อตัวเอง”
ช่างฝีมือ… ผู้วิเศษที่สามารถซ่อมแซมสมบัติวิเศษและอาวุธวิเศษ? หลังจากลูเมี่ยนกับฟรังก้าคุยกันอีกสองสามประโยค เด็กหนุ่มก็ออกจากห้อง 601 กลับถนนใหญ่ตลาด และเข้าไปในคาบาเร่ต์ลมเอื่อย
แม้จะใกล้เที่ยงคืนแล้ว แต่ที่นี่ยังคงคึกคัก ลูเมี่ยนเดินเข้าไปในสำนักงานการเงินบนชั้นสอง พร้อมกับเปิดตู้นิรภัยในห้อง พลางถามนักบัญชีและเหรัญญิกที่เข้ากะกลางคืน:
“ตอนนี้มีเงินสดอยู่เท่าไร?”
นักบัญชีเป็นสุภาพสตรีวัยสามสิบกว่า สวมแว่นตา และดูเรียบร้อยมาก
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างตื่นกลัว
“ราวๆ 28,000 เฟลคินค่ะ และยังมีเศษเหรียญอีกเล็กน้อย”
ตอนนี้ลูเมี่ยนเปิดประตูตู้นิรภัยได้แล้ว แลเห็นปึกธนบัตรจำนวนมาก รวมถึงเหรียญที่ส่องประกายสีทองอร่าม
เด็กหนุ่มคำนวณแล้วพูดอย่างใจเย็น
“เอ๋?” นักบัญชีและเหรัญญิกส่งเสียงกลัวออกมาพร้อมกัน
ถึงแม้มิสเตอร์ชาร์ลจะเป็นคนคุมคาบาเร่ต์ลมเอื่อย แต่ก็ใช่ว่าจะหยิบเงินสดจำนวนมากขนาดนี้ได้ในคราวเดียว!
มาดามนักบัญชีส่งสายตาให้นางสาวเหรัญญิกที่อายุน้อยกว่า ให้ไปยังห้องทำงานข้างๆ เพื่อตามหาเรเน ผู้จัดการคาบาเร่ต์
ผู้บริหารที่การ์ดเนอร์·มาร์ตินแต่งตั้งกับมือรายนี้ เดินเข้ามาในชุดสูท ตามองตู้นิรภัยพร้อมกับพูด
“มิสเตอร์ชาร์ล คุณต้องการเงิน 12,000 เฟลคินไปทำอะไรหรือครับ”
“ค่าใช้จ่ายส่วนตัว” ลูเมี่ยนตอบเสียงเรียบ
เรเนครุ่นคิดสักครู่
“ได้ครับ”
“ในช่วงสองปีที่ผ่านมา บารอนบรินิแยร์หยิบเงินสดจากคาบาเร่ต์ไปประมาณ 40,000 ถึง 50,000 เฟลคินต่อปี แต่ก่อนหน้านี้ในระหว่างการส่งมอบงาน เขาได้หยิบเงิน 15,000 เฟลคินที่เป็นของครึ่งปีแรกไปแล้ว และตอนนี้ยังไม่ถึงครึ่งปีหลัง มิสเตอร์ชาร์ล เงิน 12,000 เฟลคินนี้ ถือเป็นการเบิกล่วงหน้าได้ไหมครับ?”
“ได้” ลูเมี่ยนไม่สนใจว่ามันจะถูกเรียกแบบไหน เขาแค่ต้องการเงิน 12,000 เฟลคินก้อนนี้!
หลังจากใส่เงินสดลงในถุงผ้า ลูเมี่ยนก็ถอนหายใจเงียบงัน
เงิน 30,000 เฟลคินสำหรับซื้อตะกอนพลัง ‘นักวางเพลิง’ ใกล้ครบแล้ว ตอนนี้ก็แค่รอฟังข่าวเกี่ยวกับวัตถุดิบเสริม!
ปัจจุบันเด็กหนุ่มมีเงินทั้งสิ้น 26,710 เฟลคิน ส่วน ‘พิธีเก็บเกี่ยว’ ยังสามารถตั้งราคาได้อีกราวๆ 6,000
หลังออกจากคาบาเร่ต์ลมเอื่อย ลูเมี่ยนที่พกเงินสดจำนวนมาก พลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
เขาไม่ได้กลัวว่าจะถูกปล้น แต่เป็นห่วงว่าจะเกิดการปะทะกัน แล้วทำให้ถุงเงินพังหรือธนบัตรฉีกขาด
ต้องเก็บไว้ในที่ปลอดภัย ไม่ควรพกติดตัวไปไหนมาไหน… ลูเมี่ยนเดินไปตามถนนใหญ่ตลาด ตั้งใจจะเลี้ยวเข้าบ้านลับที่เช่าไว้บนถนนเสื้อนอกขาว
ไม่นานนัก เขาก็เห็นสำนักงานสส. เขตตลาดที่สว่างไสว
เป็นอาคารสี่ชั้นทรงโบราณ สีดินสลับเหลือง สองชั้นบนสุดประดับรูปปั้นชั้นละตัว ประกอบด้วย ‘วิหคสุริยัน’ และ ‘เฟืองใหญ่’
ยังฉลองกันไม่เสร็จอีกหรือไง… ลูเมี่ยนส่ายหัวด้วยความดูแคลน
ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาตัดสินใจนั่งลงตรงมุมมืดฝั่งตรงข้าม คอยเฝ้ามองแขกที่ทยอยออกจากห้องจัดเลี้ยง
ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ ผู้ได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรคซาฟาห์และแก๊งหนามพิษ ซ้ำได้รับคำชมจาก ‘มาดามจันทรา’ ย่อมต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ในบรรดาแขกที่อีกฝ่ายเชิญมา อาจมี ‘คนน่าสงสัย’ ที่เกี่ยวข้องกับแผนการของ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’
จากวินาทีเป็นนาที แขกเหรื่อที่เดินออกจากสำนักงานสส. เพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง ลูเมี่ยนไม่พบคนน่าสงสัย เพียงแค่ยืนยันได้ว่าส่วนใหญ่มาจากชนชั้นสูง แต่งกายเรียบร้อยสง่างาม หลายใบหน้าเคยปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็เห็นร่างคุ้นตา
ไม่ใช่ใครนอกจากการ์ดเนอร์·มาร์ติน ผู้มีบุคลิกเป็นมิตร ใบหน้ามีเนื้อนวล ขนจอนสีดำมีเส้นผมสีเงินแซมอยู่บ้าง เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอมแดง!
บอสใหญ่แห่งพรรคซาฟาห์ การ์ดเนอร์·มาร์ติน!
การ์ดเนอร์ที่สวมเสื้อสูทหางยาว ผูกผ้าผูกคอสีเข้ม ดูเหมือนจะรับรู้ได้ พลันหันหน้ามาทางมุมมืดที่ลูเมี่ยนนั่งอยู่
หัวใจของเด็กหนุ่มสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว
หัวสมองรีบประมวลผล รีบคิดไวทำไว ลุกขึ้นยืนและเดินไปหาการ์ดเนอร์·มาร์ติน
การ์ดเนอร์·มาร์ตินมองเขาด้วยสายตาลุ่มลึก ไม่แสดงอารมณ์ใด
“สวัสดีครับบอส” หลังจากเข้าใกล้แล้ว ลูเมี่ยนก้มหัวทักทายประโยคหนึ่ง
การ์ดเนอร์·มาร์ตินถามด้วยท่าทางเป็นกันเอง
“คุณมาทำอะไรตรงนี้?”
ลูเมี่ยนตอบตามตรง
“ผมมาจากคาบาเร่ต์ลมเอื่อย เห็นว่างานเลี้ยงที่สำนักงานสส. ยังไม่จบ เลยคิดจะมาดูสักหน่อยว่ามิสเตอร์ฮิวจ์·อาร์ทัวส์เชิญแขกคนไหนมาบ้าง เผื่อจะได้ไม่ไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกินในอนาคต”
การ์ดเนอร์·มาร์ตินพยักหน้าเบาๆ และพูดอย่างใจเย็น
“เป็นนิสัยที่ดี”
เขาส่งสัญญาณบอกลูเมี่ยนว่า ‘คุณไปเถอะ’ ส่วนตัวเองก็นำพ่อบ้านฟอสติโน เดินไปทางรถม้าส่วนตัวที่ขับมาจอด
ลูเมี่ยนเกิดความคิดขึ้นมา เดินตามไปและพูดอาสา
“บอสครับ วันนี้ผมเบิกเงินล่วงหน้าจากคาบาเร่ต์ลมเอื่อยมา 12,000 เฟลคิน”
…………………………………………………….