ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 232 ทุนทำกิจกรรม
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 232 ทุนทำกิจกรรม
ตอนที่ 232 ทุนทำกิจกรรม
ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก… ต้องสงสัยกำลังวางแผนใหญ่บางอย่าง… ในที่สุดลูเมี่ยนก็เข้าใจจุดประสงค์แท้จริงของมิสเตอร์ K ที่ให้ตนเข้าร่วมแก๊ง
มันเกี่ยวข้องกับองค์กรลับ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ ซึ่งมีความสัมพันธ์ในเชิง ‘แก่งแย่ง’ ความศรัทธา รวมถึงสถานการณ์ในทรีอาร์
ครุ่นคิดอยู่สักพัก ลูเมี่ยนถาม
“ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก เป็นองค์กรแบบไหน”
ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ เขายิ่งมีโอกาสทำในสิ่งที่การ์ดเนอร์·มาร์ตินชื่นชมมากขึ้น
มิสเตอร์ K หัวเราะเบาๆ
“รอให้การ์ดเนอร์·มาร์ตินบอกเองเถอะ ถ้าคุณรู้ข้อมูลฝั่งพวกเขาล่วงหน้า ทางนั้นอาจจับสังเกตได้ในรายละเอียดปลีกย่อย”
นี่คือเหตุผลที่เลือกเด็กหนุ่มบ้านนอก ผู้ไร้เดียงสาและมีหมายจับมาเป็น ‘สายลับ’ ? ต้องการเพียงกระดาษขาวที่มีพื้นเพทั่วไป? ลูเมี่ยนพยักหน้าครุ่นคิด
เขานึกถึงวัตถุลึกลับที่การ์ดเนอร์·มาร์ตินให้ ‘มุสิก’ คริสโตลักลอบนำเข้ามาในทรีอาร์ นึกถึงพรรคซาฟาห์ที่สนับสนุนฮิวจ์·อาร์ทัวส์เช่นกัน จึงชั่งใจสองวินาทีแล้วพูด
“แผนการใหญ่ของชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก จะเกี่ยวข้องกับฮิวจ์·อาร์ทัวส์หรือเปล่า”
มิสเตอร์ K ตอบด้วยเสียงแหบพร่า
“จากข่าวกรองที่เรารวบรวมมา นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ส่วนหลัก”
งั้นหรือ… ลูเมี่ยนเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึง ‘คนในกระจก’ และกล่าวปิดท้ายว่า
“ดูเหมือนการ์ดเนอร์·มาร์ตินจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่า วัตถุที่เขาให้กองคาราวานลักลอบขนเข้ามา จะนำพามาซึ่งเหตุไม่คาดฝัน”
มิสเตอร์ K เงียบไปครู่หนึ่ง
“ผมสงสัยว่านั่นเป็นของสำคัญ เป็นกุญแจสำคัญ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คุณต้องสืบให้กระจ่าง”
“วางใจได้ ชุมนุมแสงเหนือเราไม่เคยตระหนี่รางวัล เมื่อถึงเวลา คุณสามารถเรียกร้องได้ทุกเรื่อง”
“ขอเพียงอยู่ในขอบเขตความสามารถของผม”
ตรงไปตรงมาดีจัง… ถ้าเรากลายเป็นสมาชิกของ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ อย่างเป็นทางการเมื่อไร ก็คงเข้าถึงข่าวกรองที่เกี่ยวข้องได้… ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ ก็คงมี ‘สวัสดิการสมาชิก’ เหมือนกัน แล้วเราก็ยังมารับรางวัลจาก ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ ได้อีก… อา… นี่ก็เท่ากับได้บรรลุภารกิจของมาดามเมจิกเชี่ยนไปอีกขั้น เธอคงไม่ตระหนี่รางวัลกับผู้ถือไพ่สำรับเล็กนักหรอก… ทำหนึ่งเรื่องแต่ได้ค่าตอบแทนสามทาง… ‘สวัสดิการ’ แบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ … ลูเมี่ยนครุ่นคิดในใจ ก่อนจะพูดด้วยท่าทีทำนอง ถึงจะถูกปฏิเสธก็ไม่เป็นไร
“ตอนนี้ผมต้องการทุนสำหรับทำกิจกรรมนิดหน่อย”
จุดประสงค์ของ ‘ทุนทำกิจกรรม’ คือการพัฒนาความแข็งแกร่งให้ตัวเอง เพื่อวางรากฐานที่ ‘มั่นคง’ สำหรับการบรรลุภารกิจ
มิสเตอร์ K ดูเหมือนจะพยักหน้าเบาๆ
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะให้คุณ 10,000 เฟลคิน ถือเป็น ‘สวัสดิการเข้าร่วม’ แถมคุณยังเป็นผู้มีส่วนร่วมในภารกิจความเสี่ยงสูง”
ในอินทิส สวัสดิการเป็นคำที่ใช้กันทั่วไป มีที่มาจากจักรพรรดิโรซายล์
ใจกว้างจังนะ… ในเวลาเดียวกัน ลูเมี่ยนอดคิดไม่ได้ว่า ตนควรหาองค์กรลับที่คล้ายๆ กันอีกสักสองสามแห่งเพื่อเข้าร่วม และรับสวัสดิการหลายๆ ทางหรือไม่
มิสเตอร์ K ลุกขึ้นยืน ปล่อยสองมือตก เดิมวนรอบตัวลูเมี่ยนอย่างเชื่องช้า
พลางกล่าวอย่างสง่างามและเคร่งขรึมขณะเดิน
“พระองค์ท่านของเรา คือผู้ยิ่งใหญ่ที่รังสรรค์โลกใบนี้ขึ้นมา ทรงเป็นบิดาของสรรพชีวิตทั้งปวง”
“พวกเราทุกคน โดยแก่นแท้แล้ว ล้วนมาจากพระองค์ทั้งสิ้น ถือครองบารมีเทพที่พระองค์ทรงประทานให้”
“บารมีเทพดำรงอยู่อย่างเท่าเทียมในร่างกายของทุกสิ่งมีชีวิต ไม่มีใครสูงส่งไปกว่าใคร เราจำแนกสถานะของกันและกันโดยดูจากใครใกล้ชิดพระองค์ท่านมากกว่า ใครสามารถรับฟังคำสอนของพระองค์ได้มากกว่ากัน”
“ในเมื่อทุกคนล้วนมีบารมีเทพ เราจึงสามารถสะสมบารมีเทพเพิ่มขึ้นได้ ผ่านการดื่มกินโอสถและเผชิญบททดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อกลายเป็นเทวทูตผู้รับใช้พระองค์ในที่สุด…”
นี่คือการเทศนา? ลูเมี่ยนรู้สึกว่ามันคล้ายกับที่มาดามเมจิกเชี่ยนเคยเล่าถึง ‘พระผู้สร้างต้นกำเนิด’ ที่แตกตัวเป็นตะกอนพลังต่างๆ
นั่นทำให้เด็กหนุ่มสงสัยว่า ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ ที่ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ ศรัทธานั้น พยายามจะสื่อไปถึงองค์ที่เป็นต้นกำเนิด
ผ่านไปเกือบสิบห้านาที ในที่สุดมิสเตอร์ K ก็จบการเทศนา แล้วจึงวาดเครื่องหมายกางเขนบนหน้าอกตามลำดับ บน ล่าง ซ้าย ขวา
“พระองค์ท่านจงเจริญ ผู้รังสรรค์ทุกสรรพสิ่งจงเจริญ พระองค์ผู้แบกรับบาปของมวลมนุษย์จงเจริญ”
ลูเมี่ยนทำท่าทางและเปล่งเสียงสรรเสริญตามโดยไม่ขาดตกบกพร่อง
จากนั้น มิสเตอร์ K เกริ่นถึงสถานการณ์ของ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’
“ปัจจุบันพวกเรามีนักบุญเจ็ดองค์ และผู้แจ้งสารยี่สิบสองคนที่ใช้ตัวอักษรเป็นโค้ดเนม กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ …”
คนที่แข็งแกร่งเหมือนมิสเตอร์ K ยังมีอีกยี่สิบเอ็ดคน… นักบุญคือครึ่งเทพลำดับ 4 และ 3 ผู้ถือครองบารมีเทพ… ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ มีถึงเจ็ดคน? ลูเมี่ยนฟังแล้วก็ผงะ
ชุมนุมแสงเหนือมีกำลังรบน่าเกรงขามกว่าที่เขาคิดไว้มาก!
ส่วนเรื่องที่ว่า มีตัวละครระดับเทวทูตด้วยหรือไม่ มิสเตอร์ K มิได้กล่าวถึง ลูเมี่ยนจึงไม่อาจคาดเดา
หลังแนะนำเบื้องต้น มิสเตอร์ K ใช้มือซ้ายจับนิ้วชี้มือขวา แล้วกระชากออกพร้อมกับเสียง ‘ปึด’ แล้วโยนนิ้วเปื้อนเลือดมาทางลูเมี่ยน
“ใช้มันในเวลาสำคัญ”
ลูเมี่ยนรับนิ้วที่เลือดเริ่มจับตัวแข็งไว้ รู้สึกเสียวนิ้วขึ้นมาเหมือนคราวก่อน
ถึงแม้ตอนต่อสู้ เด็กหนุ่มจะไม่หวั่นเกรงความเจ็บปวด ไม่หวาดหวั่นกับการบาดเจ็บ และในยามปกติ ถ้าจำเป็นเขาก็สามารถแทงตัวเองได้โดยไม่ลังเล แต่เขาไม่มีทางถอดนิ้วเล่นฆ่าเวลาได้เหมือนมิสเตอร์ K แน่นอน
เพียงไม่กี่ลมหายใจ มิสเตอร์ K ก็มีนิ้วใหม่งอกขึ้นมา ผิวขาวและดูอ่อนนุ่ม
เนื่องจากชุมนุมเริ่มสามทุ่ม ลูเมี่ยนจึงรับ 10,000 เฟลคินแล้วกลับขึ้นไปยังอาคารสีครีมหกชั้นหรูหราเลขที่ 19 ถนนเฌอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ‘ห้องสมุดสำหรับเก็บฉบับเก่า’ ของนิตยสาร ‘สื่อวิญญาณ’ ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมฟรี โดยอยู่ที่นั่นจนถึงหกโมงเย็น
จากนั้น เด็กหนุ่มเดินเตร่ไป จนเจอร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านใกล้เคียง จึงจ่ายสองเฟลคินเพื่อสั่งชุดอาหารราคาถูก
ชุดนี้ประกอบด้วยไวน์แดงธรรมดาหนึ่งขวด ซุปหนึ่งถ้วย อาหารคาวสามจาน ของหวานหนึ่งจาน และขนมปังไม่จำกัดจำนวน
อาหารคาวสามจานเลือกได้จากเมนู ลูเมี่ยนเลือกสตูเนื้อวัว เนื้อกระต่ายย่างแดง และกะหล่ำดอกย่าง
เมื่อการชุมนุมเริ่มขึ้น เด็กหนุ่มถือโอกาสขายเลือดสัตว์ประหลาดน้ำกับเกล็ดพิษของมันที่ไม่ได้ใช้แล้ว และเปลี่ยนเป็นเงิน 100 เฟลคิน เพราะตอนนี้เขามีพิษแมงป่องแล้ว
ลงเอยด้วย เขามีเงินสด 14,710 เฟลคิน 24 โกเปต์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินที่ได้มาจากมิสเตอร์ K
นี่ทำให้เขามั่นใจว่าจะหาเงิน 30,000 เฟลคินได้ภายในเวลาอันสั้น
ยืมจากตรงนี้ที แอบหยิบจากตรงโน้นที บวกกับส่วนแบ่งรายได้จากทรัพย์สินที่ยึดมา ก็ได้ครบแล้วไม่ใช่หรือ?
ใกล้ห้าทุ่ม ลูเมี่ยนก็กลับถึงเขตตลาดคนซื่อ
สองสามีภรรยารูเอลกับมิเชล ผู้เช่าบนชั้นสาม ซึ่งเร่ขายรูป ‘สาวงามเชิงวิชาการข้างถนน’ ใกล้กับสถานีรถไฟไอน้ำซูสิต กำลังลากถุงผ้าสีเชือกป่านตุงๆ ขึ้นบันได
ลูเมี่ยนมองพวกเขาที่ผมหงอกขาวแซมด้วยสายตาสงสัย แล้วจึงถาม
“ดึกขนาดนี้เชียว?”
เด็กหนุ่มทราบว่าสองสามีภรรยารูเอลกับมิเชล ยังทำงานพิเศษเป็นคนเก็บขยะด้วย เพราะเคยเจอกันหลายครั้งแล้ว แต่เขาจำได้ว่าคู่รักชรานี้มักเลิกงานอย่างช้าสุดก็สามทุ่ม
รูเอลผู้สวมเสื้อผ้าเก่าๆ และหลังค่อมเล็กน้อย ยิ้มกว้างพร้อมกับเล่าอย่างดีใจ
“คืนนี้ที่สำนักงานสส. มีจัดเลี้ยงฉลอง พวกเขาโยนขยะมีค่าออกมาเยอะมาก เราเลยรอจนกระทั่งใส่ถุงจนเต็มค่อยกลับ”
สำนักงานสส. ในเขตตลาดกำลังฉลอง… ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ชนะสินะ? ลูเมี่ยนพยักหน้าแผ่วเบา เดินผ่านคู่ชราไป กลับเข้าห้อง 207
เด็กหนุ่มยังไม่ทันเปิดโคมไฟคาร์ไบด์ อาศัยเพียงแสงจันทร์สีแดงที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ก็เห็นกระดาษขาวที่พับเป็นรูปสี่เหลี่ยมวางนิ่งอยู่บนโต๊ะ
ลูเมี่ยนสังเกตจากการพับที่เรียบร้อย เดาว่านี่คือจดหมายจากมาดามเมจิกเชี่ยน
สูตรโอสถ ‘นักวางเพลิง’ ? ก่อนที่เราจะกลับมา เธอได้ให้ผู้ส่งสารวางสูตรโอสถ ‘นักวางเพลิง’ รอไว้แล้ว? เธอมั่นใจว่าเราจะได้เป็นสมาชิกของ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ แน่นอน? หรือว่าส่งมาแจ้งข่าวอื่น? ท่ามกลางกระแสความคิด ลูเมี่ยนก็จุดโคมไฟคาร์ไบด์ หยิบกระดาษขาวแผ่นดังกล่าวขึ้นมา บรรจงคลี่มันออก
“ภารกิจต่อไปของเธอคือ ทำตามภารกิจที่มิสเตอร์ K มอบหมาย เข้าใจความหมายของฉันใช่ไหม?”
“สูตรโอสถ ‘นักวางเพลิง’”
“วัตถุดิบหลัก: ต่อมของซาลามันเดอร์อัคคี, แก่นของเอลฟ์ลาวา”
“วัตถุดิบเสริม: เลือดของซาลามันเดอร์อัคคี 50 มิลลิลิตร, ผงไพรอกซีนลาวา 10 กรัม, ผงหญ้าเทียนหัวแดง 10 กรัม, สารสกัดดอกลิลีดาราศักดิ์สิทธิ์ 10 หยด”
“วิธีใช้: เธอคิดว่าไงล่ะ?”
เขียนชื่อของวัตถุดิบหลักด้วย… หรือว่าสิ่งมีชีวิตที่เป็นแหล่งกำเนิดวัตถุดิบหลัก คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการปรุงโอสถ? มาดามเมจิกเชี่ยนก็อยากสืบข่าวของ ‘ชุมนุมกางเขนเลือดเหล็ก’ เหมือนกันสินะ? เธอรู้ได้ยังไงว่ามิสเตอร์ K จะมอบหมายภารกิจนี้ให้เรา? หรือว่า เธอไม่สนใจเนื้อหาภารกิจของมิสเตอร์ K เพียงหวังให้เราได้รับความไว้ใจจากอีกฝ่ายมากขึ้น จนกลายเป็นแกนหลักของ ‘ชุมนุมแสงเหนือ’ ได้? ลูเมี่ยนให้น้ำหนักกับข้อสันนิษฐานแรกมากกว่า แต่ก็ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ของข้อหลัง
ตัวเลือกเดียวของเขาคือ ทำไปตามนั้น
หลังจากเข้าร่วมการชุมนุมศาสตร์เร้นลับถึงสองครั้ง ลูเมี่ยนเริ่มเข้าใจมูลค่าของสูตรโอสถบ้างแล้ว รู้ว่าสูตรโอสถ ‘นักวางเพลิง’ ในมือตน มีค่าอย่างน้อยก็ราว 30,000 เฟลคิน
ถ้าขายมันได้ เขาก็จะมีเงินพอไปซื้อตะกอนพลัง ‘นักวางเพลิง’
แน่นอน นี่เป็นเพียงแรงกระตุ้นชั่วครู่ของลูเมี่ยน ในสถานการณ์ที่มาดามเมจิกเชี่ยนยังไม่ได้อนุญาตอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เขาย่อมไม่กล้าทำแบบนั้น
แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากตนเอาสูตรโอสถที่มาดามเมจิกเชี่ยนมอบให้ มาเพิ่มเงินอีกนิดหน่อย เพื่อนำไปซื้อตะกอนพลังในมือเธอ
เมื่อเทียบกันแล้ว ลูเมี่ยนรู้สึกว่า ‘กลยุทธ์ทางธุรกิจ’ ยอดนิยมในอินทิส — เมืองที่ได้ฉายาว่า ‘สวรรค์แห่งการค้า’ หรือ ‘จักรวรรดิการเงิน’ ยังฟังดูเข้าท่ามากกว่า
นั่นคือการจ่ายเงินดาวน์ 10,000 เฟลคิน ที่เหลืออีก 20,000 แบ่งจ่ายให้หมดภายในหนึ่งปี รวมดอกเบี้ยร้อยละสิบถึงสิบห้า
หลังจากไตร่ตรองอย่างจริงจังครู่หนึ่ง ลูเมี่ยนผู้ตระหนักว่า มาดามเมจิกเชี่ยนถือครองบารมีเทพในระดับสูงมาก ได้ละทิ้งความคิดดังกล่าวไป
ปัจจุบันตนหาเงินได้เกือบครึ่งแล้ว ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงลบหลู่ครึ่งเทพด้วยการเอ่ยถึงผ่อนชำระ
ต่อให้ขาย ‘พิธีเก็บเกี่ยว’ ได้ราคาไม่ดี ต่อให้ฟรังก้าใช้เงินฟุ่มเฟือยจนไม่เหลือเงินเก็บ แต่ในตู้นิรภัยของคาบาเร่ต์ลมเอื่อยก็ยังมีเงินสดก้อนใหญ่อยู่ ด้วยอำนาจของคนคุมคาบาเร่ต์ แอบหยิบฉวยมาใช้บ้างจะเป็นไรไป?
…………………………………………………….