ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 224 ปลอมตัว
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 224 ปลอมตัว
ตอนที่ 224 ปลอมตัว
ฟรังก้ามองไปทาง 126 ถนนใหญ่ตลาดเช่นกัน
“ไม่ว่าจะเป็น ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์ ‘หัวล้าน’ ฮาร์มันหรือ ‘เชิงเทียนขาสั้น’ คาสตินา ก็ไม่มีใครออกมาเลย”
“ระวังตัวกันแจเลยนะ” ลูเมี่ยนให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา
ฟรังก้าหัวเราะ
“ถ้าเป็นฉัน ก็คงจะทำแบบเดียวกัน แค่อดทนจนถึงคืนพรุ่งนี้ก็จะพลิกสถานการณ์ได้ ในเมื่อมีโอกาสชนะ ต้องสิ้นคิดขนาดไหนถึงจะวิ่งออกมาข้างนอก? ต่อให้มีคนจับการ์ดเนอร์มา แล้วค่อยๆ สับมือเท้าหมอนั่นที่หน้าประตู ฉันก็จะไม่ออกไปเด็ดขาด”
ตัวอย่างที่ยกมาไม่ชวนให้คล้อยตามเท่าไร… ลูเมี่ยนถามกลับ
“แล้วถ้าคนที่ถูกจับไม่ใช่การ์ดเนอร์ แต่เป็นจินนาล่ะ”
“…” ฟรังก้าเงียบไปทันที
ลูเมี่ยนรู้สึกว่าโอสถ ‘นักยั่วยุ’ ย่อยไปอีกนิด ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ เพียงหันไปถามว่า
“สังเกตเห็นอะไรอีกไหม”
เรื่องการจู่โจม ‘แมงป่องดำ’ โรเจอร์และพรรคพวก เขากับฟรังก้ายังไม่มีแผนชัดเจน มีเพียงแนวคิดคลุมเครือเบื้องต้น ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนสืบสวนและเตรียมการ
ฟรังก้าระลึกความจำสองสามวินาที แล้วจึงพูด
“มีคนของแก๊งหนามพิษคนหนึ่ง วิ่งเทียวไปเทียวมาระหว่างกกต. กับที่นี่เป็นระยะ คงคอยรายงานผลการนับคะแนนล่าสุดให้โรเจอร์ฟัง…”
เธอเว้นวรรคสักครู่ แล้วยิ้มมุมปาก
“…ก็นำมาใช้ประโยชน์ได้นี่!”
ขณะเดียวกัน ลูเมี่ยนหัวเราะ
“นี่คืออะไร? ง่วงนอนแล้วเจอหมอนพอดี?”
“การสนใจการเมือง เป็นเรื่องที่อันตรายจริงๆ”
“พี่สาวของคุณสอนสำนวนบ้านเกิดให้เยอะเลยนะ”
“มีแผนยังไงบ้าง?”
ลูเมี่ยนเงียบไปสองวินาทีแล้วจึงพูด
“ถ้าผมเป็น ‘นักแสดง’ ปัญหาคงจะง่าย แต่อย่างน้อยผมก็ยังมีแว่นตานั่น”
ฟรังก้าพยักหน้าอย่างพอใจ
“ปฏิบัติการในคราวนี้เป็นทั้งการ ‘จู่โจม’ และ ‘ลอบสังหาร’ ลำดับความสำคัญของ ‘ลอบสังหาร’ ควรมาก่อนการจู่โจม มีแค่ทางนี้เท่านั้น เราจึงจะหลีกเลี่ยงข้อได้เปรียบของ ‘เจ้าวิชามาร’ ได้มากที่สุด”
ทั้งสองปรึกษากันเล็กน้อย แล้วย้ายไปยังจุดเงามืดที่อยู่ไกลจาก 126 ถนนใหญ่ตลาดมากขึ้น แต่ใกล้กับหน่วยลงคะแนนประจำเขต เพื่อดักซุ่มอย่างอดทน
การลงคะแนนเสียงของวันนี้จบลงไปได้สักพักแล้ว เจ้าหน้าที่กกต. กำลังทำงานล่วงเวลาเพื่อนับคะแนน และคอยประกาศผลอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่ามีนักข่าวจากหนังสือพิมพ์กี่หัวประจำการอยู่ที่หน่วยเลือกตั้ง หวังจะได้ข้อมูลชุดแรก
หากสถานการณ์ดีกว่าที่คาดไว้ ฮิวจ์·อาร์ทัวส์จะได้คะแนนเกินครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในคืนนี้ และประกาศชัยชนะในการเลือกตั้ง
จากวินาทีเป็นนาที ค่ำคืนยิ่งมืดลงทุกขณะ ทันใดนั้น ฟรังก้าก็ตบตัวลูเมี่ยนแผ่วเบา ชี้ไปยังร่างที่รีบเดินดุ่มออกจากหน่วยเลือกตั้ง พลางพูดว่า
“นั่นไง คนแก๊งหนามพิษ”
อีกฝ่ายอายุใกล้สามสิบ ผมดำตาน้ำตาล ใบหน้ารูปไข่ ใส่เสื้อเชิ้ตลายทางสีขาวน้ำเงิน คลุมด้วยเสื้อแจ็กเกตสีน้ำตาลอ่อน สวมสร้อยคอทองเส้นหนา
ลูเมี่ยนพยักหน้าแผ่วเบา ผลุดออกจากจุดซ่อนตัว แกล้งทำเป็นเดินรีบร้อน ทิศทางคือชายคนนั้น
เด็กหนุ่มกดหมวกแฟลตแก๊ปสีเข้มต่ำมาก บดบังผมสีดำปนทองอันเป็นเอกลักษณ์ของตน
คนของแก๊งหนามพิษพบว่ามีคนเดินสวน จึงเปลี่ยนเส้นทางอย่างระมัดระวัง
ทันใดนั้น ลูเมี่ยนก้าวเฉียงไปขวางหน้าอีกฝ่าย ยิ้มทักทายว่า
“ไม่ได้เจอกันเสียนาน อยู่ในแก๊งหนามพิษสบายดีไหม?”
อีกฝ่ายชะงักงันทันที อาศัยแสงจากโคมไฟแก๊สที่ส่องลงมา เพ่งพินิจใบหน้าของลูเมี่ยน
เด็กหนุ่มฉวยโอกาสปรี่เข้าใส่ทีเผลอ มือขวากดต้นคอของอีกฝ่ายจนหลังค้อม แล้วดึงเข้าหาตัวเองในลักษณะโอบรัด
ขณะเดียวกัน มือซ้ายของลูเมี่ยนที่กำขวดโลหะใบเล็ก ก็เคลื่อนเข้าไปใกล้จมูกอีกฝ่าย
เด็กหนุ่มหมุนเปิดฝาเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่ใช้นิ้วกดปากขวดไว้ เพื่อชะลอมิให้แก๊สรั่วซึม
คนของแก๊งหนามพิษดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ปากและจมูกถูกฝ่ามือของลูเมี่ยนปิดไว้มิดชิด ส่งเสียงไม่ออก หมัดกับเท้าก็ถูกสกัดอย่างง่ายดาย หรือไม่ก็เนื่องจากต้นคอถูกมือขวากดแรงมาก แผ่นหลังยังถูกข้อศอกขวากดไว้ ศีรษะจมต่ำชนกับหน้าอกลูเมี่ยน ไม่อาจโจมตีจุดสำคัญได้ถนัดถนี่ ลูเมี่ยนจึงรับไว้ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
สองสามวินาทีผ่านไป การดิ้นรนของเขาก็เริ่มอ่อนแรง คนที่เดินผ่านไปมาอีกสองสามคน มองค้างชั่วขณะด้วยสายตาเห็นใจ แล้วก็เดินห่างออกไปโดยไม่รู้สึกผิดปกติ
อีกสองสามวินาทีต่อมา ชายในอ้อมกอดของลูเมี่ยนก็สิ้นสติไป
เด็กหนุ่มพยุงเพื่อน ‘เมา’ ด้วยแขนข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือก็เอานิ้วอุดปากขวดไว้เหมือนเดิม
เมื่อไปถึงตรอกแคบปลอดคน ซึ่งมีเครื่องกีดขวางช่วยบดบัง ลูเมี่ยนก็โยนเป้าหมายทิ้งลงพื้น แล้วหมุนปิดฝาขวดโลหะใบเล็ก
“คุณนี่บ้าบิ่นจริงๆ” ฟรังก้าเดินออกมาจากเงามืดด้านข้าง “ถ้าไม่ใช่ทรีอาร์คงทำแบบนี้ไม่ได้ หากเป็นเมืองอื่น คงมีคนตะโกนถามบ้างแล้ว”
“ก็เพราะมันเป็นทรีอาร์ไงล่ะ” ลูเมี่ยนย่อตัวลง ถอดเสื้อผ้าและสร้อยคอของสมาชิกแก๊งหนามพิษออก ใช้เชือกที่พกติดตัวมา มัดมือเท้าแบบไพล่หลัง
จัดการเสร็จ เด็กหนุ่มก็ป้อน ‘ยาสารภาพ’ ให้อีกฝ่ายนิดหน่อยก่อน จึงค่อยใช้เกลือดมศาสตร์เร้นลับปลุกให้ฟื้น
เสียงฮัดชิ่วดังขึ้นสามหนติดต่อกัน สมาชิกแก๊งหนามพิษลืมตาตื่น อุทานด้วยความตกใจ
“แกเป็นใคร? คิดจะทำอะไร?”
ลูเมี่ยนถอดหมวกแฟลตแก๊ปออก นั่งยองลงตรงหน้าเป้าหมาย ถามยิ้มๆ ว่า
“แกจำฉันไม่ได้จริงหรือ”
ด้วยแสงจันทร์สีแดงเรื่อ สมาชิกแก๊งหนามพิษมองเห็นผมสีดำปนทองและใบหน้าที่ค่อนข้างคุ้นเคย
ฟันของเขากระทบกันดังกึกๆ ทันที
“ชะ…ชาร์ล!”
“ฉันมีเรื่องอยากถามนาย ถ้าไม่ตอบ หรือโกหก คงรู้ชะตากรรมตัวเองใช่ไหม” ลูเมี่ยนพูดยิ้มๆ
ชื่อเสียงความโหดร้าย ป่าเถื่อน และบ้าคลั่งของเขา โด่งดังมากในหมู่สมาชิกแก๊งหนามพิษ อีกฝ่ายขวัญผวาจนหัวใจแทบกระเด็นออกจากลำคอ
“ฉ…ฉันจะพูด พ…พูดทุกอย่าง!”
ลูเมี่ยนถามด้วยสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน
“เมื่อสักครู่ แกกำลังจะไปไหน”
“ไปบ้านบอส เพื่อรายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้ง… มิสเตอร์ฮิวจ์·อาร์ทัวส์ได้คะแนนใกล้ถึงครึ่งหนึ่งแล้ว เหลืออีกแค่นิดเดียวเท่านั้น…” ชายคนนั้นไม่เพียงตอบคำถามของลูเมี่ยน แต่ยังพูดเพิ่มอีกเป็นกอง
ลูเมี่ยนพยักหน้าอย่างพอใจ สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทสนทนาก่อนๆ ที่ชายคนนี้เคยรายงานให้ ‘แมงป่องดำ’ ฟัง
ซึ่งรวมถึงการวางตัวต่อหน้าคนใช้ คำที่ใช้เรียก ‘แมงป่องดำ’ ตำแหน่งยืน และน้ำเสียงตอนพูด เป็นต้น
หลังจากจดจำรายละเอียดอย่างรัดกุม ลูเมี่ยนก็ใช้ยาสลบอีกครั้ง ทำให้สมาชิกแก๊งหนามพิษหมดสติไป
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็สวมเสื้อผ้าของอีกฝ่าย หยิบแว่นส่องความลับออกมา วางไว้บนสันจมูก
คราวนี้เขายังคงเห็นหนู แมลง และงูจำนวนมากใต้พื้นดินเช่นเคย แต่เพิ่มเติมคือตึกที่ถูกเผาจนดำเกรียม และใบหน้าอันเลือนรางที่แปะอยู่หลังกระจกหน้าต่างบานหนึ่งของตึกหลังนั้น
ใบหน้าดังกล่าวมีดวงตาที่ดูว่างเปล่าผิดปกติ
จิตใจของลูเมี่ยนพลันสับสนอลหม่าน จึงขมวดคิ้วแล้วรีบถอดแว่นส่องความลับออก หยิบอุปกรณ์แต่งหน้าชุดหนึ่งออกมา
อาศัยแสงจากพระจันทร์แดงเรื่อ กับคบไฟอันเล็กในมือฟรังก้า เด็กหนุ่มใช้กระจกแต่งหน้าพกพาของเพื่อนร่วมทาง ทาสิ่งต่างๆ ลงบนใบหน้า
ราวสิบนาทีถัดมา ใบหน้าของเขาเริ่มผอมยาว เริ่มแสดงลักษณะของสมาชิกแก๊งหนามพิษคนนั้น
ทักษะการแต่งหน้าของลูเมี่ยนยังไม่ดีพอจะเลียนแบบหน้าตาของอีกฝ่ายทุกกระเบียดนิ้ว แต่ผลจากแว่นส่องความลับจะทำให้ทุกคนที่เห็นหน้าเชื่อว่า เขาคือชายที่ชื่ออาร์ซาย
ปัก!
ลูเมี่ยนปิดกระจกแต่งหน้า ไม่กล้ามองตัวเองอีก
ฟรังก้าเก็บของตัวเองกลับ พลางบอกให้ลูเมี่ยนหันหลังให้ตน
เธอกลัวว่าตัวเองจะเข้าใจผิด คิดว่าเพื่อนเป็นสมาชิกแก๊งหนามพิษ ซึ่งจะส่งผลต่อการประสานงานในภายหลัง
หญิงสาวตรวจสอบสีผมของลูเมี่ยน แล้วหยิบอุปกรณ์ปลอมตัวที่ได้จากลุนทาสออกมา
“สีผมกับสีตายังเป็นจุดบอดใหญ่ คุณเอาของพวกนี้ย้อมผมให้ดำล้วนก่อน แล้วค่อยใส่คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลคู่นี้”
“แม่ง! ในทางศาสตร์เร้นลับ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ด้วยเทคโนโลยีล้าหลังในยุคปัจจุบัน ‘นักแสดง’ กลับผลิตคอนแทคเลนส์สีออกมาได้ ถึงแม้วัสดุจะต่างกัน และไม่ได้ช่วยเสริมการมองเห็น แต่ก็สามารถเปลี่ยนสีตาได้จริง ไม่อย่างนั้น ลุนทาสคงจะปลอมตัวเป็นเอฟฟ์ไม่ได้ ปลอมตัวเป็นคุณไม่ได้… ไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์เลยสักนิด แม่งโคตรจะศาสตร์เร้นลับ!”
ลูเมี่ยนไม่สนใจส่วนท้ายที่ฟรังก้าพูดเพ้อเจ้อ เพียงรับยาย้อมผมวิเศษที่ล้างได้ด้วยน้ำยาพิเศษ ทำตามคำแนะนำของอีกฝ่าย ย้อมผมสีดำปนทองให้กลับมาเป็นสีดำล้วนตามเดิม
เมื่อเขาใส่คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลเสร็จ ฟรังก้าก็รีบชวนปรึกษา เกี่ยวกับรายละเอียดการจู่โจมที่กำลังจะเริ่ม
ไม่นานก็ได้แผนเบื้องต้นออกมา แต่ยังไม่ได้กำหนดรายละเอียด หนึ่งคือเวลาไม่พอ สองคือสนามจริงอาจเต็มไปด้วยเหตุไม่คาดฝัน พวกเขามิอาจคาดคะเนได้ทั้งหมด ต้องปรับตัวตามสถานการณ์โดยยึดทิศทางและแนวทางหลักเป็นสำคัญ
จากนั้น ฟรังก้าก็หยิบถุงเหรียญแข็งออกมา
มันเป็นถุงผ้าสีเทาขาวขนาดเท่ากำปั้น ด้านในบรรจุเหรียญทั้งทอง เงิน และทองแดงเต็มไปหมด
ฟรังก้าสอดมือเข้าไปในถุงเหรียญ ล้วงอยู่สักพัก แล้วหยิบแหวนเหล็กวงหนาที่พื้นผิวเต็มไปด้วยหนามแหลมเล็กออกมา
“นี่คือหนึ่งในสมบัติวิเศษของฉัน ‘แหวนลงทัณฑ์’” เธอแนะนำกับลูเมี่ยน “ผลของมันมีเพียงอย่างเดียว คือแทงทะลุกายวิญญาณของเป้าหมายในระยะห้าเมตร ทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดแสนสาหัส จนหมดสติไปชั่วคราว ไม่สามารถต่อต้านได้เลย ในลำดับกลางและต่ำ พลังวิเศษที่สามารถโจมตีวิญญาณได้โดยตรง โดยไม่สนใจการป้องกันอื่น มีอยู่เพียงน้อยนิด และนี่คือหนึ่งในนั้น”
ฟรังก้าเว้นวรรคครู่หนึ่ง แล้วจึงเล่าต่อ
“การสวมใส่มันเป็นเวลานาน จะทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิด กระหายเลือด ป่าเถื่อน และใจร้อน ถ้าใช้มากกว่าสามครั้งภายในหนึ่งชั่วโมง จะทำให้บุคลิกของคุณผิดเพี้ยนไป ในกรณีไม่ได้สวมใส่ หากอยู่ใกล้มันในรัศมีห้าเมตร ทุกคนจะถูก ‘ทะลวงจิต’ โดยไม่เลือกหน้า วิธีผนึกมันคือ ใส่ลงในกองเหรียญโลหะที่มีมูลค่าจริง”
ตอนนี้ฟรังก้ากำลังสวมมันอยู่ เธอกับลูเมี่ยนจึงไม่ถูกโจมตี
หญิงสาวส่งต่อ ‘แหวนลงทัณฑ์’ ให้ลูเมี่ยนทันที
เพียงเด็กหนุ่มสวมแหวนไว้ที่นิ้วกลางมือขวา ก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
เมื่ออารมณ์สงบลงหลายส่วน เขาสวมถุงมือสีดำทั้งสองข้าง จากนั้นเดินออกจากตรอก วิ่งเหยาะๆ ไปทาง 126 ถนนใหญ่ตลาด
…………………………………………………….