ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 208 แผนรับมือ
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 208 แผนรับมือ
ตอนที่ 208 แผนรับมือ
ซูซานน่า·มาติสจะลงมือแล้ว? เมื่อคิดว่าชาร์ลีไม่มีศัตรูคนอื่น และช่วงนี้ก็ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่คาบาเร่ต์ลมเอื่อยตลอด ไม่ได้ไปเสี่ยงอันตรายที่ไหน ในหัวลูเมี่ยนพลันผุดข้อสงสัยที่เข้าเค้า
แน่นอน ยังมีความเป็นไปได้ว่าชาร์ลีอาจจะโชคร้าย ประสบอุบัติเหตุอย่างอื่นในช่วงนี้ แต่ลูเมี่ยนเชื่อว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน ตนไม่ควรคิดเข้าข้างตัวเองเกินไป
ขณะวางถาดลงแล้วรอ ชาร์ลีถูกสายตาของลูเมี่ยนจดจ้องจนรู้สึกกระอักกระอ่วน
นึกถึงความสามารถพิเศษด้านการ ‘ดูดวง’ สุดมหัศจรรย์ของอีกฝ่าย เขารีบขยับเข้าไปใกล้ กดเสียงแล้วถาม
“เห็นอะไรไหม?”
ลูเมี่ยนยิ้มบางๆ
“เห็นว่าช่วงนี้นายจะได้เจอเรื่องรักๆ ใคร่ๆ และได้สานสัมพันธ์เกินเพื่อนกับหญิงงามสักคน”
“จริงหรือ?” ชาร์ลีทั้งตกตะลึงทั้งดีใจ
หญิงงามคนนั้นชื่อซูซานน่า·มาติส… ลูเมี่ยนกลืนคำพูดนี้ลงคอ ตามด้วยหัวเราะแห้ง
“นายนี่หลอกง่ายจัง เชื่อคนง่ายไปหน่อยไหม?”
“กะแล้ว…” ชาร์ลีทำหน้าผิดหวังเต็มประดา
การมีอยู่ของเครื่องวัดความโง่ ทำให้เขาไม่เคยกังขาในความตลบตะแลงของชาร์ล
มองส่งชาร์ลีถือถาดเต็มไปด้วยแก้วเหล้าเดินไปยังขอบลานเต้นรำ รอยยิ้มของลูเมี่ยนเริ่มหดหาย
หัวสมองหมุนเร็วปานสายฟ้า ในใจวูบหนึ่งแล่นผ่านไปหลายความคิด
“นี่เราซวยไปเอง หรือโชคชะตากำหนดมาแล้ว? อีกแค่วันสองวัน หน่วยพิเศษของทางการก็จะหันมาสนใจมิสเตอร์เอฟฟ์กับโรงละครกรงพิราบเก่า ไล่กวาดล้างพวกนอกรีตที่นับถือ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ จนเหี้ยนเตียน สืบหาถิ่นของวิญญาณมารซูซานน่า·มาติส แล้วกำจัดให้สิ้นซาก แต่กลับกลายเป็นว่าวันนี้ซูซานน่า·มาติส อาจชิงลงมือโจมตีเรากับชาร์ลีตัดหน้า…”
“แม่ง! ไอ้ลูกหมูเทอร์มีโพลอส ต้องเป็นฝีมือมันแน่ๆ!”
“จากประสบการณ์ในการอ่านดวงชะตา ปัญหาจะปะทุขึ้นเร็วสุดคืนนี้ ช้าสุดคืนมะรืน…”
“ต้องเตรียมรับมือในกรณีเลวร้ายที่สุด ไม่ควรหวังให้ซูซานน่า·มาติสมาหาชาร์ลีกับเราในอีกสองวัน…”
ลูเมี่ยนที่ติดคำหยาบจากฟรังก้ากับจินนาโดยไม่รู้ตัว พยายามควบคุมอารมณ์ ตัดสินใจอย่างเยือกเย็นกับเรื่องราวตรงหน้า
ตอนนี้เขาคิดแผนรับมือได้บ้างแล้ว
หนึ่ง ปลอมตัวมาแจ้งข่าวกับชาร์ลี บอกให้เขาหนีเข้าวิหาร ‘สุริยันเจิดจรัส’ ใกล้ๆ ในคืนนี้ และอยู่ที่นั่นให้ครบสามวัน
สอง ไปหาฟรังก้าที่ถนนเสื้อนอกขาว ขอความช่วยเหลือจากเธอ
มีนิ้วมือของมิสเตอร์ K กับฟรังก้าเป็นแรงหนุน ลูเมี่ยนเชื่อมั่นว่าตนพอจะรับมือการโจมตีระลอกแรกไหว ส่วนหลังจากนั้น ซูซานน่า·มาติสจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นฟรังก้าที่แจ้งเตือนไปยังหน่วยพิเศษผ่านช่องทางลับ หรือชาร์ลีที่ไปขอความคุ้มครองจากวิหาร ก็เพียงพอที่จะแจ้งให้ศาสนจักร ‘สุริยันเจิดจรัส’ รับทราบว่า ซูซานน่า·มาติสปรากฏตัวอีกครั้งแล้ว!
ในสถานการณ์ที่ยังมีนิ้วของมิสเตอร์ K อยู่ ลูเมี่ยนเชื่ออยู่หลายส่วนว่าตนสามารถรับมือซูซานน่า·มาติสได้ตามลำพัง แต่ในเมื่อติดหนี้บุญคุณฟรังก้าไปแล้ว เพิ่มอีกสักเรื่องจะเป็นไรไป? ชั่วโมงนี้ชีวิตต้องมาก่อน!
โดยปราศจากความลังเล ลูเมี่ยนดื่มอัปแซ็งต์ที่เหลือรวดเดียวหมดแก้ว ลุกแล้วเดินออกจากคาบาเร่ต์ลมเอื่อย
เขากลับมาที่ห้อง 207 โรงแรมระกาทอง หยิบ ‘แว่นส่องความลับ’ ออกมาวางบนสันจมูก
โลกหมุนคว้างทันที ดำดิ่งลงสู่ผืนดินด้านล่างอีกครั้ง ระบบรากไม้ขนาดมหึมาสีเขียวอมน้ำตาลอันเดิม แมลงมากมายที่กระจายอยู่ทั่ว และพวกหนูที่ขดตัวอยู่ตามมุมต่างๆ …
ขณะลูเมี่ยนเตรียมจะถอดแว่นเพื่อลงมือแต่งหน้า ก็แลเห็นกลุ่มผมยาวสลวยสีเขียวอมฟ้า ที่มีเถาวัลย์และกิ่งไม้งอกออกมา
ปัง!
ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนถูกทุบหัวอย่างแรง ดาวเล็กๆ ดวงสีทองผุดขึ้นจนเต็มสายตา
เด็กหนุ่มรีบถอดแว่นส่องความลับออก ก้มหน้าลงต่ำ แล้วอาเจียนแห้งหลายวินาที
ถัดมา เขารีบหยิบอุปกรณ์แต่งหน้า รีบระบายสารต่างๆ ลงบนใบหน้าก่อนที่แรงกระหาย ‘อยากวาด’ จะหายไปเสียก่อน
บนกระจกหน้าต่างพื้นหลังสีมืดทึบ ลูเมี่ยนรู้สึกเหมือนตัวเองแปลกแยกขึ้นทุกที ยังกับพวกขี้เมาสกปรกที่ดื่มเหล้าห่วยๆ ตามคาบาเร่ต์
พอวาดจุดสุดท้ายเสร็จ เขารีบหันเหสายตาหนี ไม่กล้ามองต่อ กลัวจะเกิดปัญหาด้านการรับรู้
ฟู่… เก็บอุปกรณ์แต่งหน้าเสร็จ ลูเมี่ยนถอนหายใจ ในหัวนึกทบทวนทุกฉากที่เห็นหลังจากใส่ ‘แว่นส่องความลับ’
กลุ่มผมยาวๆ สีเขียวอมฟ้า ซึ่งมีเถาวัลย์และกิ่งไม้งอกออกมา เด็กหนุ่มรู้สึกคุ้นตาเป็นพิเศษ และไม่นานก็นึกออก
ซูซานน่า·มาติสก็มีผมยาวสีเขียวอมฟ้า พวกมันพันกับกิ่งไม้และเถาวัลย์ที่ไม่รู้ว่าแผ่มาจากตรงไหน!
“ถิ่นของซูซานน่า·มาติสอยู่ใต้ดินสักแห่งในเขตตลาด?” ลูเมี่ยนได้ข้อสรุปเบื้องต้น
แล้วจึงอดบ่นไม่ได้
“ทำไมถึงต้องเป็นใต้ดินอีกแล้ว?”
ใต้ดินของกรุงทรีอาร์ไม่วุ่นวายไปหน่อยหรือไง?
แต่นี่ก็อธิบายได้ว่า เหตุใดหน่วยพิเศษถึงจนปัญญาจะกวาดล้างซูซานน่า·มาติสในคราวก่อน สัตว์ประหลาดที่เกี่ยวข้องกับใต้ดิน ย่อมไม่ง่ายนักที่จะถอดรากถอนโคน เฉกเช่นวิญญาณมงต์ซูรี
ลูเมี่ยนนึกถึงมิสเตอร์เอฟฟ์ ‘ตัวจริง’ ที่เคยลงใต้ดินทรีอาร์ตอนดึก นึกถึงไอ้วิตถารเฮิดซ์ที่ล่อลวงจินนาจนสลบ แล้วพาไปยังโพรงว่างใต้ดินที่ใดสักแห่ง ทำตัวเหมือนคุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัยกับพื้นที่ในละแวกดังกล่าวเป็นอย่างดี
สิ่งนี้ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มมั่นใจว่า ซูซานน่า·มาติสต้องซ่อนอยู่ที่ใดสักแห่งใต้ดินของกรุงทรีอาร์แน่นอน และคงห่างจากโพรงที่เฮิดซ์เลือกไม่ไกลนัก
สุดทางของถนนที่พาลงสู่ใต้ดินอันมืดลึกนั่น? ลูเมี่ยนลองเดา พลางเปลี่ยนเสื้อผ้าเดินออกจากห้อง 207 ด้วยเครื่องแต่งกายพิสดาร ผสมผสานระหว่างแจ็กเกตเรียบง่ายกับกางเกงแคนวาส
ภายในคาบาเร่ต์ลมเอื่อย
ลูเมี่ยนมองไปรอบตัว พบชาร์ลีกำลังเสิร์ฟเหล้าให้ลูกค้าตรงริมลานเต้นรำ
หลังจากเดินเข้าไปใกล้ ก็กดเสียงพูดขณะเฉียดผ่านไหลชาร์ลี
“ซูซานน่า·มาติส”
ทั้งเสียงร้องของจินนา ดนตรีที่กึกก้อง และเสียงเซ็งแซ่ของผู้คน ก็ไม่อาจกลบชื่อนี้ได้ ทำเอาชาร์ลีเหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนแข็งค้างอยู่ที่เดิม
ลูเมี่ยนเลยเริ่มออกปากเตือนเบาๆ
“ผมได้รับข่าวมาว่า ในช่วงสามวันหลังจากนี้ ซูซานน่า·มาติสจะปรากฏตัวอีกครั้ง ถ้าคุณไม่อยากตายก็รีบเข้าวิหารตั้งแต่คืนนี้เลย รอจนครบสามวันค่อยออกมา”
ท่าทีแรกของชาร์ลีคือตกใจกลัว สองคือมองหาชาร์ล สามคือ ‘ถ้าลาหยุดสามวันคงได้ถูกไล่ออกแน่’
เขาหาเท่าไรก็ไม่เจอชาร์ล จึงกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ถามย้ำเสียงต่ำ
“จริงหรือ?”
นายไม่ต้องเชื่อก็ได้นะ… ลูเมี่ยนอดกลั้นการตอบตามนิสัย เพื่อมิให้ชาร์ลีนำมาเชื่อมโยงได้
เด็กหนุ่มยังคงพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“นายลองไปวิหารคืนนี้สิ จะมีคนช่วยยืนยันให้ว่าจริงไม่จริง”
ชาร์ลีมิอาจฝืนข่มอาการหวั่นวิตก รีบพินิจพิเคราะห์ใบหน้าของชายแปลกหน้า แล้วจึงถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“คุณเป็นใคร?”
ทำไมถึงมาเตือนเราแค่คนเดียว?
“คนใจดีน่ะ” ลูเมี่ยนตอบโดยใช้ประโยคเย้าแหย่ของพี่สาว
เด็กหนุ่มไม่กล่าวต่อ เดินผ่านชาร์ลีไป แทรกตัวเข้าไปในลานเต้นรำ เพียงพริบตาเดียวก็หายไปจากการมองเห็นของชาร์ลี
ชาร์ลีรู้สึกเหมือนกำลังยืนท่ามกลางเหมันต์อันหนาวเหน็บ ร่างกายสั่นสะท้านจนห้ามไม่ไหว
พักหลังมานี้ เขาเคยนึกถึงความงาม อ่อนโยน และน่าหลงใหลของซูซานน่า·มาติสในความฝันเป็นครั้งคราว แต่ทุกครั้งก็ถูกความทรงจำเกี่ยวกับตุ่มไม้ ดอกไม้ และสารเมือกทำให้ขนลุกจนเสียอารมณ์ แล้วนี่ยังมาได้ยินข่าวคราวการกลับมาของนังสัตว์ประหลาดนั่น!
ต้องไปวิหารนักบุญโรแบร์ตอนนี้เลย! ชาร์ลีหยิบถาดขึ้นมา เดินสองสามก้าวไปทางประตู แต่ก็หยุดอีกครั้ง
เขานึกได้ว่าตอนนี้เป็นช่วงดึกแล้ว ผู้คนบนถนนใหญ่ตลาดย่อมต้องบางตา
สภาพแวดล้อมดังกล่าว อันตรายกว่าในคาบาเร่ต์ลมเอื่อยอันคึกคักเป็นไหนๆ!
“ซูซานน่า·มาติสมาหาเราในความฝันทุกครั้ง หรือไม่ก็ช่วงดึกดื่นที่ทุกคนหลับแล้ว ตอนนี้เราอยู่ในคาบาเร่ต์ มีคนมองมากมาย เธอคงไม่กล้าโผล่ออกมาแน่… รอให้ชาร์ลกลับมา ค่อยให้เขาช่วยพาไปวิหารนักบุญโรแบร์…” ชาร์ลียอมถอนสายตาจากประตู ตัดสินใจรอไปอีกสักพัก
อากาศในคาบาเร่ต์ที่เต็มไปด้วยแสงสี เสียง และกลิ่นผสมปนเป ทำให้ชาร์ลีรู้สึกปลอดภัยระดับหนึ่ง
…………
บ้านเลขที่ 3 ถนนเสื้อนอกขาว
ลูเมี่ยนที่ล้างเครื่องสำอางออกหมดแล้ว เคาะประตูห้องฟรังก้า
ฟรังก้าปล่อยผมยาวสีเชือกป่านให้สยายตามธรรมชาติ แต่คืนนี้เธอไม่ได้ใส่ชุดนอน แต่เป็นเสื้อนอนกับกางเกงนอนสตรีทำจากผ้าฝ้าย
หญิงสาวใส่รองเท้าแตะเย็นสบายสำหรับฤดูร้อน เบี่ยงตัวให้ลูเมี่ยนเข้าห้องไป พร้อมกับถามด้วยความสงสัย
“มาขอคำแนะนำเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับ?”
เธอกับลูเมี่ยนเพิ่งแยกกันไม่ถึงสองชั่วโมง คิดว่าคงไม่มีเรื่องอื่นแล้ว
พอฟรังก้าปิดประตู เด็กหนุ่มพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“กำลังจะเกิดเรื่องบางอย่างกับชาร์ลี ผมสงสัยว่าซูซานน่า·มาติสจะปรากฏตัวอีกในสองวันนี้ มีโอกาสพอสมควรว่าจะเป็นคืนนี้”
“ไวขนาดนี้เลย…” ฟรังก้าไม่ปิดบังความประหลาดใจ
เธอยังไม่ทันได้ส่งต่อปัญหาของซูซานน่า·มาติส มิสเตอร์เอฟฟ์ และโรงละครกรงพิราบเก่าให้ ‘007’ เลย!
ลูเมี่ยนพยักหน้า
“แม้ตัวผมเองจะไม่อยากยอมรับ แต่ร่องรอยต่างๆ บ่งชี้ว่าการคาดเดาเมื่อสักครู่แม่นยำ”
“แล้วคุณจะทำยังไง” ฟรังก้าไม่เสียเวลาถกเถียง ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
ลูเมี่ยนเล่าแผนรับมือสองข้อให้ฟรังก้าฟัง แต่ไม่ได้พูดถึงนิ้วมือของมิสเตอร์ K
ฟรังก้ามองเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“คุณนี่เยือกเย็นจริงๆ”
“ถ้าจำไม่ผิด คุณสงสัยว่าซูซานน่า·มาติสเป็นวิญญาณมารลำดับ 5 ไม่ใช่หรือ? ต่อให้เราสองคนร่วมมือกัน ก็ไม่แน่ว่าจะสู้เธอได้”
“หึ… คุณมั่นใจในตัวฉันมาก หรือมั่นใจในตัวเองมากกันแน่?”
ลูเมี่ยนหัวเราะ
“ทั้งสอง”
“ผู้รอดชีวิตจากหายนะหมู่บ้านกอร์ตูไม่ธรรมดาจริงๆ” ฟรังก้าถอนใจ มองนาฬิกาแขวนผนังในห้อง “ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้ก็คงหมดปัญหา… ฉันจะรีบใช้ช่องทางส่วนตัวแจ้งหน่วยพิเศษให้ คุณช่วยรอที่ห้องนั่งเล่นก่อน”
เธอเดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่ ไม่รู้ว่าคิดจะทำอะไร
ลูเมี่ยนนั่งรอบนโซฟา มองนาฬิกานกกาเหว่าที่แขวนอยู่ด้านข้าง นับเวลาในใจอย่างเงียบงัน
เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไป ฟรังก้าเปิดประตูออกมา เครื่องแต่งกายเปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมสีดำ ด้านในเป็นเกราะหนังแนบเนื้อ พร้อมด้วยฮู้ดคลุมหัว
“เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้คงมีการเคลื่อนไหว” เธอพูดกับลูเมี่ยน แล้วถามต่อ “คุณไม่กังวลหรือ ว่าชาร์ลีจะประสบอุบัติเหตุระหว่างทางไปวิหารนักบุญโรแบร์? ยามค่ำคืนเงียบสงัด ข้างทางก็อาจเจอวิญญาณมารได้นะ”
วิหารนักบุญโรแบร์เป็นวิหารประจำมุขมณฑลของศาสนจักร ‘สุริยันเจิดจรัส’ ในเขตตลาดคนซื่อ อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟกลไฟซูสิต สุสานเก่าของวิหารคือที่ตั้งของคาบาเร่ต์ลมเอื่อยในปัจจุบัน
ลูเมี่ยนคิดแผนเตรียมไว้แล้ว
“หลังจากคาบาเร่ต์ลมเอื่อยปิด ผมตั้งใจว่าจะแอบตามเขาไปวิหาร”
“ฉันก็จะไปกับคุณ” ฟรังก้าขมวดคิ้วทันใด มองไปที่ลูเมี่ยน “แล้วชาร์ลีจะไม่ถูกโจมตีในคาบาเร่ต์หรือ? วิญญาณมารบางตนไม่สนหรอกว่าจะมีคนอื่นอยู่ด้วยไหม หรือมีกี่คน”
เนื่องจากในการปรากฏตัวครั้งก่อน ซูซานน่า·มาติสไม่เคยเล่นงานคนอื่น ลูเมี่ยนจึงมองข้ามไปโดยไม่รู้ตัว คิดว่าเธอคงหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ซึ่งในคาบาเร่ต์เบียดเสียดยิ่งกว่าในโรงแรมหลายเท่า
พอโดนฟรังก้าทักท้วง เด็กหนุ่มพลันสะดุ้งจนขนลุก กล่าวด้วยเสียงทุ้ม
“ต้องรีบกลับไปที่คาบาเร่ต์แล้ว!”
…………………………………………………….