ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 188 ความมั่นใจ
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 188 ความมั่นใจ
ตอนที่ 188 ความมั่นใจ
“แม่ง!”
ฟรังก้าเผลออุทานด้วยคำสบถติดปาก จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้น วาดนิ้วชี้ผ่านปลายจมูก
ทันทีที่ปาดนิ้ว ก็ปรากฏสีแดงฉูดฉาดเป็นวงกว้าง เพียงแค่มองเห็นก็ทำให้ใจรู้สึกกลัว
ฟรังก้าส่งเสียงครางในลำคอ
เลือดของเธอในโพรงจมูก บนผิวนิ้วมือ และบนพื้น พลันลุกไหม้เป็นเปลวไฟสีดำพร้อมกัน ก่อนจะอันตรธานหายในพริบตา
เมื่อเห็นลูเมี่ยนมองมาทางตน ฟรังก้าที่ห้ามเลือดด้วยการเผา จนใบหน้าบิดเบี้ยวเบาๆ ฝืนพูดจาสั่งสอน
“คุณห้ามปล่อยให้เลือดตัวเองหกเรี่ยราดในสถานที่แปลกประหลาดแบบนี้ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเรื่องอันน่าสยดสยองชนิดที่คาดไม่ถึง…”
“เฮ้ย… ทำไมถึงไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?”
ในสายตาของฟรังก้า ไม่ว่าจะลำดับหรือประสบการณ์ เธอก็ล้วนเหนือกว่าชาร์ล ไม่มีเหตุผลที่เธอจะได้รับผลกระทบ โดยที่เขาไม่เป็นอะไรเลย!
“อาจจะแค่ตอนนี้ก็ได้” หลังจากลูเมี่ยนตอบส่งๆ ก็ลองคาดเดาด้วยสีหน้าครุ่นคิด “หรือบางที อาจเป็นเพราะเงาดำที่เราเจอเมื่อสักครู่เป็นอดีตของคุณ ไม่ใช่ผม”
“งั้นทำไมถึงเจอแค่ตัวฉันในอดีต แต่ไม่เจอของนาย?” ฟรังก้ามองลูเมี่ยนด้วยความกังขา
หมอนี่คงไม่ได้ซ่อนความลับอะไรไว้อีกใช่ไหม?
ลูเมี่ยนลองคิดสักพักก่อนจะตอบ
“บางที มิติแถวนี้อาจเกี่ยวข้องกับ ‘นางมาร’ มากกว่าก็ได้”
“ก็เป็นได้…” ฟรังก้าตกอยู่ในห้วงความคิด
ผ่านไปสักพัก เธอชี้รอยเท้าและหยดเลือดบนพื้น
“พวกเราตามไปดูกันเถอะ สถานการณ์ปัจจุบันของคนพวกนั้น อาจเป็นตัวบ่งชี้อนาคตของเราก็ได้ ช่วยให้เตรียมตัวล่วงหน้าได้ดี”
ลูเมี่ยนตอบด้วยการกระทำ โดยเดินเข้าไปในความมืดที่กลืนกินรอยเท้าและคราบหยดเลือด
แสงสีเหลืองปนน้ำเงินจากโคมไฟคาร์ไบด์ค่อยๆ ต่อสู้กับความมืดมิดอันหนาแน่น
ยิ่งทั้งสองไล่ตามรอยเท้า ความผิดปกติบนร่างกายก็ยิ่งชัดเจน เลือดสดอุ่นๆ เริ่มหยดจากจมูกลูเมี่ยน โดยที่ฟรังก้ามีของเหลวสีแดงซึมออกจากหางตา เหงือก ผิวหนัง และหู
ด้วยเปลวไฟสีดำที่เธอสร้าง ทั้งสองจึงไม่ทิ้งร่องรอยเลือดไว้แม้แต่หยดเดียว
ในที่สุดพวกเขาก็ ‘กลับ’ มาถึงข้างบ่อ และที่นี่เอง รอยเท้าของคาราวานลักลอบขนสินค้า รวมถึงคราบหยดเลือดที่เกาะกลุ่มหนาแน่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ดีๆ ก็ขาดช่วงไปโดยไม่มีสาเหตุ
ไม่ว่าจะเป็นในโพรงเหมืองที่มีบ่ออยู่ หรือทางเลี้ยวไปยังห้องหับอื่นๆ ก็ไม่ปรากฏทั้งรอยเท้าคาราวานและคราบดวงเลือดอยู่เลย
“พวกเขาระเหิดหายไปอีกแล้ว?” ฟรังก้าขมวดคิ้ว บนใบหน้าปรากฏเปลวไฟสีดำสองสามดวง
ลูเมี่ยนที่ปลายจมูกถูกเปลวไฟสีดำปิดกั้นอยู่ บรรจงสูดลมหายใจเข้า แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“นี่อาจเป็นบทสรุปของพวกเรา พอเลือดไหลออกมาถึงระดับหนึ่ง ร่างกายก็จะค่อยๆ ระเหยไป”
“คุณดูอารมณ์ดีนะ” ฟรังก้ามองลูเมี่ยนผู้ไม่ร้อนรน ไม่กังวล และไม่โกรธเคือง ด้วยสายตาชื่นชมอย่างยิ่ง
ลูเมี่ยนหัวเราะเบาๆ
“ถ้าไม่ให้อารมณ์ดีแล้วต้องทำตัวยังไง?”
“อารมณ์ที่เป็นลบมากเกินไป มีแต่จะฉุดรั้งความคิดของผม”
“บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าคุณเป็นผู้ใหญ่กว่าอีกนะ” ฟรังก้าทอดถอนใจ
“เพิ่งจะรู้หรือ?” แน่นอนว่าลูเมี่ยนจะไม่ยอมเล่าความจริง เหตุผลที่เขาใจเย็นขนาดนี้ได้ หนึ่งเป็นเพราะกำลังใช้สมาธิคิดหาต้นตอของปัญหา อีกหนึ่งเป็นเพราะมั่นใจในตัวเอง
เมื่อเทียบกับหมู่บ้านกอร์ตูที่ติดอยู่ในวัฏจักรซ้ำซาก ที่นี่อย่างน้อยก็ยังไม่ปรากฏร่องรอยของพลังอันน่าพรั่นพรึง!
อีกทั้ง แค่ลองคิดเล่นๆ ก็พบหลากหลายวิธีที่จะหลุดออกจากมิติแห่งนี้ได้
หนึ่ง ลองเสี่ยงใช้ ‘แว่นส่องความลับ’ มองดูที่นี่จากมุมมองที่ต่างกัน เพื่อหาทางออก
สอง ลองโยนนิ้วมือของมิสเตอร์ K ดูว่าจะสร้างการเชื่อมโยงกับมิสเตอร์ K ด้านนอกได้หรือไม่ เพื่อเปิดทางเข้าออก
สาม ลองอัญเชิญผู้ส่งสารของมาดามเฮล่าหรือมาดามเมจิกเชี่ยนดู หากสำเร็จ ก็แสดงว่าที่นี่ยังไม่ถูกตัดขาดจากโลกวิญญาณ มาดามทั้งสองน่าจะมีวิธีดึงตนกับฟรังก้าออกไปได้ง่ายๆ
สี่ หากสามวิธีข้างต้นล้มเหลว ก็ลองจัดแท่นบูชา สวดวิงวอนถึงองค์ผู้ยิ่งใหญ่ ‘ผู้ปกครองลึกลับเหนือสายหมอกสีเทา’ พลังอำนาจของท่านแน่นอนว่าจะไม่ถูกจำกัดโดยมิติแปลกประหลาดนี้ เพราะแม้กระทั่งวังวนชะตากรรมที่เทพมารนำมาพา ก็ยังไม่อาจกีดขวางสายตาของท่านได้ นับประสาอะไรกับที่นี่
ห้า หากองค์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่ตอบรับ ก็ยังสามารถจัดพิธี ‘ขอพร’ เพื่อกระตุ้นสัญลักษณ์หนามดำบนหน้าอก ปล่อยให้มลพิษจากเทพมารที่ถูกผนึกไว้ช่วยยกระดับตัวตน สกัดกั้นอิทธิพลจากมิติข้างเคียง หรือทำให้เกิดช่องโหว่
เมื่อเธอมีวิธีมากมายที่ยังไม่ได้ลอง และเมื่อเธอเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะหลุดพ้นจากมิติแห่งนี้ไปได้ เธอก็จะใจเย็นและเป็นผู้ใหญ่ได้เหมือนฉัน… ลูเมี่ยนคิดในใจไปพลางผุดความสงสัยเบาๆ
เขารู้สึกเหมือนตัวเองลืมบางอย่างไป แต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออก
ฟรังก้าหยิบกล่องแต่งหน้าสีทองอ่อนออกมาเปิดฝา วางมันลงบนพื้น
ร่างของเธอค่อยๆ จางลง จนกระทั่งหายไปในไม่ช้า
ส่วนกระจกขนาดเท่าฝ่ามือที่ติดอยู่กับฝากล่องแต่งหน้า ภาพสะท้อนในนั้นกระเพื่อมไหวไปมา จนเห็นร่างของฟรังก้าปรากฏอยู่อย่างชัดเจน
“น่าอัศจรรย์จริงๆ …” เมื่อเห็นฉากนี้ลูเมี่ยนอดอุทานไม่ได้
ฟรังก้าในกระจกมองซ้ายมองขวา ทำอย่างนั้นสองสามวินาทีแล้วก็หายตัวไปจากกระจก
ร่างของเธอค่อยๆ ปรากฏขึ้นใหม่ฝั่งตรงข้ามลูเมี่ยน ส่ายหน้าแล้วพูดว่า
“ใช้กระจกหนีออกไปไม่ได้…”
โดยไม่รอให้ลูเมี่ยนตอบ ‘แม่มด’ รายนี้ยังลองใช้อีกสารพัดวิธี แต่ทั้งหมดล้วนล้มเหลวไม่มีข้อยกเว้น
สุดท้ายเธอลูบกระจกในกล่องแป้ง ไถ่ถามพลังวิญญาณของตัวเอง
ในสถานที่แบบนี้ เธอยังไม่กล้าใช้ ‘ทำนายด้วยกระจกวิเศษ’ ด้วยเกรงว่าจะเชื่อมต่อกับสิ่งที่อันตรายและน่าพรั่นพรึง
แสงวารีระยิบระยิบอยู่สักพัก ก่อนจะปรากฏร่างหนึ่งบนผิวกระจก
นั่นคือลูเมี่ยนที่สวมหมวกปีกกว้างทรงกลม ใส่เชิ้ตขาว ทับด้วยแจ็กเกตน้ำตาล กางเกงขายาวสีเข้ม ปลายจมูกมีเปลวไฟสีดำลุกไหม้อยู่เงียบๆ
“เอ่อ…” ฟรังก้าหันขวับกลับไปมองเพ่งพินิจเพื่อนร่วมทางข้างๆ
หญิงสาวขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนจะพูด
“หาทางออกด้วยแว่นนั่นน่ะนะ?”
“อันตรายเกินไปไหมเนี่ย…”
ยินดีด้วย ในที่สุดเธอก็นึกถึงวิธีที่ง่ายที่สุดในบรรดาห้าวิธีของฉัน… ลูเมี่ยนพูดหลังจากไตร่ตรอง
“ที่นี่ในตอนนี้ไม่ใช่ ‘ใต้ดินทรีอาร์’ ของจริง คงไม่ได้เชื่อมต่อกับมรดกจากยุคสมัยที่สี่โดยตรง ตราบใดที่ป้องกันตัวอย่างดี แม้จะมีอันตรายอยู่บ้าง แต่ก็น่าจะรับมือไหว”
“ป้องกัน…” ฟรังก้าทวนคำหนึ่งรอบ ตามด้วยฉีกยิ้มกว้าง “เรื่องนี้ฉันถนัดมาก!”
เธอตวัดมือขวาครั้งเดียว เปลวไฟสีดำที่ปลายจมูกของลูเมี่ยนพลันมอดไป
ผ่านไปไม่กี่วินาที หยดเลือดสีแดงสดไหลออกมาหนึ่งหยด ตกลงบนฝ่ามือของฟรังก้าที่นำมารองไว้
จากนั้นเธอก็สร้างไฟสีดำขึ้นมาใหม่ ปิดกั้นรูจูมกของลูเมี่ยน
ความเจ็บปวดเล็กๆ จากการเผาไหม้ สำหรับ ‘ภิกษุบิณฑบาต’ อย่างลูเมี่ยน ถือเป็นสิ่งที่ทนได้สบาย เพียงถามกลับไปด้วยความรอบคอบ
“จะเอาเลือดของผมไปทำอะไร? สาปแช่ง?”
ฟรังก้าหัวเราะในคอ
“ถ้าฉันจะฆ่าคุณ ไยต้องทำให้วุ่นวาย?”
“ฉันจะทำ ‘กระจกตัวแทน’ ให้ เพื่อช่วยป้องกันอันตรายบางส่วนที่เกิดจากการใช้แว่นนั่น”
เธอพูดไปพลาง มืออีกข้างก็หยิบกระจกที่ใหญ่ไม่ถึงฝ่ามือออกมา แล้วทาเลือดของลูเมี่ยนลงไป
พกกระจกมาทำไมตั้งมากตั้งมาย? หัวใจสำคัญของเวทมนตร์ ‘แม่มด’ คือกระจก? ลูเมี่ยนพลันกระจ่าง พลางรู้สึกอิจฉาเบาๆ ขณะมองดูฟรังก้าทำงานขะมักเขม้น
“ขอผมอีกสองเส้น”
ลูเมี่ยนไม่ลังเล ดึงผมออกมาสองเส้นแล้วส่งให้
บนมือของฟรังก้ามีเปลวไฟสีดำลุกโชนขึ้นมาอีกดวง แผดเผาผมสีทองปนดำสองเส้นนั้นจนกลายเป็นขี้เถ้า
หญิงสาวโรยขี้เถ้าลงบนกระจก แล้วใช้ฝ่ามือที่มีเปลวไฟสีดำลูบไล้ผิวกระจกไปมา ปากก็สวดคาถาที่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์
เมื่อไฟสีดำพวกนั้นถูกกลืนเข้าไปในกระจก คราบเลือดและ ‘ขี้เถ้าเส้นผม’ ก็อันตรธานหายไป
“อย่าห่างจากฉันเกินสามสิบเมตรล่ะ” ฟรังก้าถือกระจกที่ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ พลางกำชับอีกหนึ่งคำ
ลูเมี่ยนผงกหัว แล้วหยิบแว่นส่องความลับออกจากกระเป๋าเสื้อ
เด็กหนุ่มสวมแว่นตาทรงกลมสีน้ำตาลกรอบทองลงบนสันจมูก แต่มือขวายังไม่ละออก ยังแช่ขาแว่นเอาไว้ พร้อมถอดออกได้ทุกเมื่อ
แทบจะในเวลาเดียวกัน ลูเมี่ยนมองเห็นฉากต่างๆ เต็มไปหมด
สารพัดใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในความมืด ซีดเซียวอำมหิต เต็มไปด้วยคราบเลือด
กลุ่มเส้นผมสีเข้มที่ลอยอยู่ในเงาดำ คล้ายกับประกอบจากผมของผู้คนนับร้อยนับพัน ทอดยาวไปยังจุดต่างๆ
เงาร่างมากมายที่เตร็ดเตร่เวียนวน ผนังหินที่สะท้อนแสงระยับ ความมืดอันเข้มข้นจนมองทะลุเข้าไปไม่ได้
แอ่งน้ำที่ใกล้เคียงกับบึงน้ำ ใต้ผิวน้ำที่ไร้แสงซ่อนใบหน้าขนาดใหญ่ บวมพอง ซีดเซียวน่ากลัว กำลังมองออกมาจากด้านใน
ถ้ำที่เปล่งประกายระยับ…
แสง… ถ้ำ… ลูเมี่ยนผุดสัญชาตญาณใหม่ บังคับให้สมองที่เริ่มวิงเวียนหนักข้อ มุ่งความสนใจไปหา ‘ฉาก’ ริมสุด
ภาพถ้ำที่เต็มไปด้วยแสง ขยายใหญ่ขึ้นเหมือนการซูม จนสามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าด้านนอกเป็นอุโมงค์สว่างๆ
และเมื่อยิ่งซูมเข้าไปใกล้ถ้ำ ลูเมี่ยนก็พบว่ามันเป็นเพียงฉากที่สะท้อนจากกระจก พื้นผิวดูแข็ง ดูยากที่จะเอื้อมถึง
และกระจกบานนั้นกำลังจมอยู่ก้นบึงที่ไร้แสง
ทันใดนั้น ใบหน้าขนาดยักษ์ บวมพอง ซีดเซียวน่ากลัวนั่น ก็ขยายใหญ่ในพริบตาตรงหน้าลูเมี่ยน ครอบคลุมทั่วทั้งการมองเห็นของเขา
เด็กหนุ่มตาพร่ามืด แทบจะสูญสิ้นสติตรงนั้น
เขา ‘เห็น’ เลือดเนื้อบนร่างกายตัวเอง พยายามแยกออกจากโครงกระดูกอย่างรางเลือน
เพล้ง!
ลูเมี่ยนได้ยินเสียงแตกดังก้อง สติสัมปชัญญะพลันกระจ่างชัดเจนขึ้นมา
เด็กหนุ่มรีบถอดแว่นส่องความลับออกแล้วอาเจียนแห้งๆ
รอจนกระทั่งอาการดีขึ้น ฟรังก้าถามอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
กระจกในมือเธอแตกไปตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้ แหลกเป็นเสี่ยงๆ นับไม่ถ้วน กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น
ลูเมี่ยนสูดลมเข้าออกปอดแล้วจึงกล่าว
“ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
เด็กหนุ่มชี้ไปยังทิศทางหนึ่งทันที
“ถ้าเดินไปตามอุโมงค์นั่นสักร้อยกว่าเมตร จะพบแอ่งน้ำใหญ่มาก ก้นแอ่งมีกระจกจมอยู่ กระจกบานนั้นสะท้อนภาพถ้ำ และถ้ำนั่นเชื่อมต่อกับเส้นทางที่มีแสงสว่าง”
“ในแอ่งน้ำยังมีสัตว์ประหลาดอันตรายซ่อนอยู่ อันตรายมาก แค่ผมเห็นหน้ามันชัดๆ ก็เกือบตายแล้ว”
ฟรังก้าเงียบฟังจนจบ ก่อนจะพูดกับตัวเองด้วยความสงสัยปนโมโห
“แม่ง! หรือว่าที่นี่จะเกี่ยวข้องกับ ‘นางมาร’ จริงๆ?”
…………………………………………………….