ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability) - ตอนที่ 181 ชาร์ลผู้ภักดีซื่อสัตย์
- Home
- All Mangas
- ราชันเร้นลับ 2 : วัฏจักรแห่งชะตา (Circle of Inevitability)
- ตอนที่ 181 ชาร์ลผู้ภักดีซื่อสัตย์
ตอนที่ 181 ชาร์ลผู้ภักดีซื่อสัตย์
ลูเมี่ยนเดินกลับไปที่นั่งของตน นั่งลงอย่างสบายๆ พลางมอง ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ตรงหน้าแล้วถาม
“เรื่องอะไร?”
ดวงตาสีฟ้าอ่อนของ ‘คนยักษ์’ กวาดมองไปด้านหลังของลูเมี่ยน ที่ลูอิสกับซาโกตายืนอยู่
“พวกนี้คนของบรินิแยร์ไม่ใช่หรือไง? ทำไมยังให้พวกเขาติดตามคุณอยู่?”
“ถ้าเป็นผม คงสั่งให้พวกเขาไปเฝ้าประตูคาบาเร่ต์นานแล้ว”
ลูอิสกับซาโกตารู้สึกถูกจี้ใจจำโดย ‘คนยักษ์’ จนเกิดความกระวนกระวายและมองไปทางลูเมี่ยน
ลูเมี่ยนฟังแล้วก็อยากจะปรบมือ เขารู้สึกของคุณซิมงต์จริงๆ ที่มอบโอกาสให้ตนได้ซื้อใจคน
แม้ว่าเขาจะมิอาจไว้วางใจลูอิสกับซาโกตาได้อย่างแท้จริง เพราะไม่ได้คิดจะเป็นเจ้าพ่ออาชญากรรม แต่เขาก็ไม่อยากถูกยิงที่หลังจนพรุนในสักวันหนึ่ง
ลูเมี่ยนตอบยิ้มๆ
“อะไรคือ ‘คนของบรินิแยร์’ ? ผมก็เคยเป็นลูกน้องของบารอนบรินิแยร์เหมือนกัน!”
“เราทุกคนล้วนเป็นคนของพรรคซาฟาห์ เป็นคนของบอสทั้งสิ้น ตราบใดที่ผมยังภักดีกับบอส ก็ไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะทรยศ!”
ลูอิสกับซาโกตารีบพยักหน้าหงึกหงักเมื่อได้ยิน ทั้งสองชื่นชมในความใจกว้างและกล้าหาญของชาร์ล
ใช่แล้ว ถึงบารอนบรินิแยร์จะเปลี่ยนแปลงสถานะของพวกเราในพรรคซาฟาห์ ให้ความไว้วางใจเราอย่างมาก แต่โดยเนื้อแท้แล้ว เราคือคนของพรรคซาฟาห์ ไม่มีทางทรยศต่อบอสได้ และคนที่ให้สั่งให้เราติดตามคุ้มกันชาร์ลก็คือตัวบอสเอง!
‘คนยักษ์’ อึ้งไปเพราะคำพูดของลูเมี่ยน ถึงกับเงียบไปสักพักก่อนจะกล่าว
“คุณอาจจะจงรักภักดีต่อบอส แต่บางคนอาจจะไม่ บรินิแยร์เป็นพวกหัวสูง”
นายคิดว่าบารอนบรินิแยร์ไม่ได้จงรักภักดีกับบอสขนาดนั้น? ‘ดาบซ่อนแขน’ … เอ่อ ‘บูตแดง’ ฟรังก้าก็บอกว่า พักหลังบารอนบรินิแยร์ทำตัวไม่ค่อยเชื่อง… ลูเมี่ยนรู้สึกเห็นใจการ์ดเนอร์·มาร์ติน บอสใหญ่พรรคซาฟาห์ขึ้นมา
ลูกน้องที่ไว้ใจที่สุด ไม่ได้จงรักภักดีสักเท่าไร คู่นอนคนโปรดก็มีเป้าหมายอื่น ส่วนไอ้หน้าใหม่ที่พึ่งเลื่อนตำแหน่ง ก็เป็นสายลับจากองค์กรอื่น…
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถไล่ลูอิสกับซาโกตา สองมือปืนที่มักจะติดตามบารอนบรินิแยร์จนรู้ความลับค่อนข้างมาก ซิมงต์จึงวกกลับประเด็นหลัก
“ที่ผมมาหาคุณ ก็เพื่อคุยเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำของหางเครื่อง”
“บัดซบเอ๊ย! แม่ง! ทำไมเราต้องจ่ายเงินให้พวกอีตัวนั่นทุกวัน แม้ว่าพวกเธอจะไม่มีลูกค้าเลยสักคนก็ตาม?”
“เรื่องนี้ฟรังก้าเอาแต่ใจและเกินไปจริงๆ … อาศัยที่ตัวเองเป็นคู่นอนของบอส ถึงกับทำให้บอสเห็นด้วยในเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ได้!”
“พวกเราเป็นแก๊งนะ ไม่ใช่องค์กรการกุศล ขอสาบานต่อพระองค์เลย ตอนที่ต้องจ่ายเงินให้พวกอีตัวนั่น ฉันรู้สึกยังกับตัวเองเป็นบาทหลวง!”
“ฉันน่ะยังดีหน่อย ต้องจ่ายแค่ไม่กี่ริกต์ต่อวัน แต่พวกนายที่คาบาเร่ต์ลมเอื่อยต้องจ่ายวันละ 1 เฟลคิน… ในทางกลับกัน พวกคนงานหญิงในเขตสวนพฤกษศาสตร์ได้ค่าจ้างแค่วันละ 1.5 เฟลคินเท่านั้น ทั้งๆ ที่พวกเธอต้องทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น!”
ในกรุงทรีอาร์ การจ้างแรงงานหญิงมีค่าใช้จ่ายประมาณ 55% ถึง 70% ของการจ้างแรงงานชาย ส่วนพวกที่ใจเหี้ยมหน่อย ไม่กลัวถูกจับ กล้าที่จะจ้างแรงงานเด็ก ยิ่งต้องจ่ายแค่ 15% ของค่าจ้างผู้ใหญ่เพศชาย หรืออาจจะต่ำกว่านั้นอีก
ไม่แปลกใจเลยที่พวกหางเครื่องสวยๆ ใต้บัญชาฟรังก้าถึงไม่อยากไปที่ถนนไนติงเกล ที่นั่นราคาถูก รายได้ขั้นต่ำก็น้อย… ว่าแต่หมอนี่ติดพูดคำหยาบเหมือนฟรังก้ากับจินนาเลยแฮะ… คำหยาบมันเป็นโรคติดต่อหรือไง? โอลัวร์ก็เหมือนจะเคยจัดชุดใหญ่ตอนขี่ม้าตะโกนเป็นบ้าเป็นบอ… ลูเมี่ยนแกล้งเมินสายตาลูอิสที่พยายามส่งสัญญาณ ยิ้มแล้วถามกลับไป
“แล้วคุณคิดจะทำยังไง”
‘คนยักษ์’ ยังคงแสดงสีหน้าโกรธเคือง
“ผม คุณ และเบลคไปหาบอสด้วยกัน พยายามพูดโน้มน้าวเขา ต้องให้เขาฟังคนอื่นนอกจากฟรังก้าบ้าง!”
“มีแก๊งไหนบ้างที่ต้องจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำให้หางเครื่อง?”
ไอ้หมอนี่กำลังรังแกหน้าใหม่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างเรา ยุแยงให้ไปต่อต้านบอส? หึๆ … โอลัวร์เคยบอกไว้ว่า หนอนตัวแรกที่ตื่นมักจะถูกนกกิน กาที่ชอบโผล่หัวมักจะถูกปืนยิง… ลูเมี่ยนยกสองมือขึ้นมาหักข้อนิ้วเล่น
“เปล่าประโยชน์… ฟรังก้าเป็นคู่นอนของบอส เขาต้องฟังเธออยู่แล้ว ถ้านายอยากให้บอสเปลี่ยนใจ มีวิธีเดียวเท่านั้น คือคุณเป็นบอสเสียเอง!”
พูดแบบนี้ต่อหน้าธารกำนัลได้ยังไง? ลูอิสกับซาโกตาที่ยืนอยู่ด้านหลังลูเมี่ยน ตกใจจนเกือบจะใช้มือปิดปากหัวหน้าหน่วยของพวกตน
‘คนยักษ์’ ซิมงต์ก็สะดุ้งเล็กน้อยเช่นกัน
“คุณพูดบ้าอะไรของคุณ?”
ลูกน้องของเขาส่วนใหญ่ก็ดูประหลาดใจเช่นกัน
“ความหมายของผมก็คือ…” จู่ๆ ลูเมี่ยนก็คว้าขอบโต๊ะแล้วพลิกใส่ซิมงต์!
โครม!
โต๊ะล้มกระแทกพื้น แก้วที่วางบนโต๊ะแตกกระจาย
ซิมงต์ที่ลุกขึ้นก่อน แล้วถอยหลังไปสองก้าว
เขาทำหน้าเครียด ส่วนพวกลูกน้องก็รีบจับลูกโม่
‘คนยักษ์’ มองหน้าลูเมี่ยนแล้วพูด
“คุณคิดจะทำอะไร?”
ลูเมี่ยนยืนอยู่หลังโต๊ะไม้ที่พลิกคว่ำ ก่นด่าด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความโกรธเคือง
“ไอ้เวร! คุณยังเคารพบอสอยู่หรือเปล่า? ถึงกับกล้าไปรวมหัวกันลับหลัง บีบบังคับให้บอสเปลี่ยนคำสั่ง!”
“หรือว่าอยากเป็นบอสขึ้นมาจริงๆ แล้ว?”
“คำสั่งของบอส ดีก็ต้องทำ ไม่ดีก็ต้องทำ มีปัญหาก็ไปคุยกับบอสส่วนตัว แต่ห้ามรวมหัวกันบีบบังคับเขา!”
คำถามเหล่านี้จี้ตรงไปยังเจตนาของ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ ทำให้เขาไม่กล้าโมโห และไม่กล้าโน้มน้าวชาร์ลต่อ
เพียงถ่มน้ำลายแล้วพูด
“แม่งเอ๊ย! เป็นบ้าหรือไงวะ? ผมคิดจะบีบบังคับบอสตอนไหน? ก็แค่บอกให้ทุกคนไปคุยกับบอส แจ้งกับเขาว่าการจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำให้หางเครื่องมันไม่สมเหตุสมผล ทำให้พวกเรามีภาระมากขึ้น”
พูดจบ ‘คนยักษ์’ ซิมงต์ก็โบกมือ ทำหน้าเหมือนคุยกับชาร์ลไม่รู้เรื่อง แล้วก็เดินจากไป
ต้องขอบใจนายจริงๆ รอจนถึงพรุ่งนี้ ไม่สิ คืนนี้ บอสคงได้รู้แล้วว่าชาร์ลจงรักภักดีต่อเขาแค่ไหน!
ลูเมี่ยนฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้เพื่อซื้อใจการ์ดเนอร์·มาร์ติน ด้วยการเล่นละครอย่างฉะฉาน
เขาทำเป็นถอนหายใจกระฟัดกระเฟียด สะกดกลั้นสีหน้า พลางชี้ไปบนพื้น พูดกับลูอิสและคนอื่นๆ
“เก็บกวาดหน่อย”
เสียงของลูเมี่ยนเพิ่งจะเงียบไป เขาก็เห็นเงาใครบางคนเดินออกจากบันได
เป็นจินนาที่แสดงอยู่ในคาบาเร่ต์เมื่อก่อนหน้านี้
วันนี้เครื่องแต่งกายของจินนามิได้วาบหวิวเท่าเมื่อก่อน ชุดกระโปรงยาวสีกุหลาบบานออกเหมือนดอกไม้สดกลับหัว ผมสีน้ำตาลยาวถูกมัดง่ายๆ เป็นมวยไว้ด้านหลัง ปล่อยให้ส่วนใหญ่สยายลงมาอย่างนุ่มนวล อายแชโดวสีดำรอบดวงตาก็มิได้เข้มและลึกเท่าเดิม ทำให้เธอสูญเสียเสน่ห์ของสาวใจแตกไปบ้าง แต่ก็แทนด้วยความสดใสงดงาม ไฝสีดำถูกแต้มไว้กลางแก้มซ้าย
นี่หมายถึงความสง่างาม
ลูเมี่ยนมองจินนาแล้วหัวเราะ
“คนในเขตตลาดเขาชอบสไตล์แบบนี้กันหรือไง?”
เขาหมายถึงการแต่งตัวของจินนาที่ไม่วาบหวิวมากนัก ดูไม่เหมือนหญิงขายบริการสักเท่าไร
จินนายิ้มด้วยความภูมิใจเล็กๆ
“แต่งแบบนี้เป็นครั้งคราวก็ได้ผลดีเหมือนกัน ฟรังก้าเคยบอกว่า บางที ยิ่งทำให้ผู้ชายรู้สึกว่าได้ยาก พวกเขาก็ยิ่งชอบ… แม่งเอ๊ย! ฉันไม่เข้าใจจิตวิทยาแบบนี้เลย”
“แล้วมีอะไร” ลูเมี่ยนมองเด็กเสิร์ฟสองสามคนที่กำลังช่วยกันเก็บกวาด พลางเดินไปหาโต๊ะใหม่นั่ง
จินนานั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วพูดยิ้มๆ
“ฉันมาคุยเรื่องค่าจ้างร้องเพลงสัปดาห์หน้าน่ะ… เดิมร้องสิบเพลงต่อคืน 4 เฟลคิน แล้วก็ได้หนึ่งในสามของเงินที่โยนขึ้นเวที”
“ช่วงนี้เหมือนฉันจะได้รับความนิยมมากกว่าสองสามเดือนก่อนนะ!”
ลูเมี่ยนคิดสักพักแล้วพูด
“เธอถูกแก๊งหนามพิษสงสัย จนไม่สามารถไปร้องเพลงที่คาบาเร่ต์ของพวกมันได้แล้วสินะ?”
“แม่งเอ๊ย! พูดถึงเรื่องนี้ทีไรฉันก็หงุดหงิด! คุณปลอมตัวประสาอะไรถึงได้ถูกจับเอาง่ายๆ? ฉันต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยเลย!” จินนาตอบอย่างโมโห
ลูเมี่ยนตอบยิ้มๆ
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณยังคงร้องสิบเพลงต่อคืน แต่จะขึ้นค่าตัวเป็น 10 เฟลคิน ส่วนเงินที่โยนขึ้นเวที คุณเอาไปสองในสาม”
ลูอิสด้านหลังฟังแล้วก็รู้สึกเจ็บแปลบ
แม้ว่า ‘กะหรี่น้อย’ จะไม่ได้มาร้องเพลงทุกคืน แต่ก็มาเกือบทุกสัปดาห์ ถ้าคิดแบบนี้ คาบาเร่ต์ลมเอื่อยจะมีรายได้ลดลงปีละสองพันเฟลคิน!
ทว่า ดูเหมือน ‘กะหรี่น้อย’ จะมีส่วนช่วยเหลือเรื่องที่ลูกพี่ลอบสังหาร ‘ค้อนเหล็ก’ แอตค่อนข้างมาก จนทำให้เสียโอกาสร้องเพลงให้กับแก๊งหนามพิษไปโดยปริยาย เรียกว่าขายรายได้ไปไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันเฟลคินต่อปีเช่นกัน
จินนาพึงพอใจมาก
ค่าจ้างร้องเพลง 10 เฟลคินต่อสิบเพลง รวมกับส่วนแบ่งอีกสองในสาม ถือเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดในหมู่นักร้องใต้ดินแล้ว
เธอพูดยิ้มๆ
“สัปดาห์หน้าฉันมาได้แค่สามวันนะ คืนวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์”
“ไปหาโอกาสร้องที่คาบาเร่ต์ในย่านอื่นหรือไง?” ลูเมี่ยนถามผ่านๆ
จินนาส่ายหัว
“ไม่ใช่ ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปร้องเพลงได้ตั้งมากมาย? ยังมีเรื่องอื่นให้ต้องทำอยู่นะ”
“ไม่ใช่ว่างานหลักคือการเป็นนักร้องใต้ดินหรือไง?” ลูเมี่ยนถามด้วยความฉงน
“นี่เป็นงานเสริมย่ะ งานเสริม!” จินนาเน้นย้ำ ก่อนจะยิ้มหน้าบานพูดว่า “งานหลักของฉันคือการเป็นชู้ร่วมของ ‘ราชสีห์’ ชาร์ลกับ ‘บูตแดง’ ฟรังก้า!”
ได้ยินมุกตลกดังกล่าว ลูอิสเกือบจะขาอ่อน
ในความทรงจำของเขา ‘บูตแดง’ ฟรังก้ามีนิสัยหึงหวงแรง หากชายใดพยายามฉวยโอกาสกับ ‘กะหรี่น้อย’ ก็ล้วนเคยถูกสั่งสอนมาแล้วทั้งนั้น
ถ้าลูกพี่เป็นชู้กับ ‘กะหรี่น้อย’ เข้าจริงๆ จะต้องถูกโทสะของ ‘บูตแดง’ ตามรังควานแน่!
“จินนาเป็นชื่อจริงหรือชื่อในวงการ?”
นักร้องใต้ดินที่ทำเป็นอาชีพเสริมมักจะตั้งชื่อในวงการให้ตัวเอง เพื่อมิให้กระทบกับงานหลัก
จินนาหยักมุมปาก ขยิบตาแล้วพูด
“คิดว่ายังไงล่ะ… มิสเตอร์ชาร์ล?”
เธอเน้นเสียงที่คำว่าชาร์ล สื่อเป็นนัยว่า ‘คุณก็ใช้ชื่อปลอมมิใช่หรือ’
พูดจบจินนาก็ลุกขึ้น โน้มตัวข้ามโต๊ะไม้มา กระซิบข้างหูลูเมี่ยนด้วยเสียงแผ่ว
“ฉันได้ยินบทสนทนาระหว่างคุณกับซิมงต์แล้วล่ะ ก็เลยอยากจะแนะนำด้วยความหวังดี”
“คนที่ขาดความจงรักภักดีมากเท่าไร ก็ยิ่งชอบพูดถึงความจงรักภักดี… คุณแสดงออกมากเกินไปนะ ฮุๆ”
จากนั้นจินนาก็ยืดตัวตรง หันหลังกลับเชิดๆ แล้วไปทางประตูบันได
ในที่สุดก็ถึงตาเธอ ‘สอน’ ชาร์ลคืนบ้างแล้ว!
จริงหรือ? ลูเมี่ยนครุ่นคิดไปพลางมองแผ่นหลังของจินนา ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“วันนี้คุณไม่ได้ฉีดน้ำหอม?”
จินนาหมุนตัวกลับทันที ถามไถ่ด้วยสีหน้าปลื้มใจ
“แสดงว่าคุณไม่รู้ตัวสินะว่าฉันขึ้นบันไดมา?”
…………………………………………………….