ราชันมังกรแห่งสงคราม - ตอนที่ 41
“ซูเอ๋อเรารอนานแล้ว ทำไมอาหารยังไม่มา” ครึ่งชั่วโมงต่อมาหญิงชราก็ถามขึ้น
“คุณย่าไม่ต้องกังวล ผมจะไปถามพี่กวนดูให้” หวังซูก็แปลกใจเล็กน้อย ไม่น่าจะนานขนาดนี้ อย่างไรก็ตามในขณะที่หวังซูกำลังจะลุกขึ้น บริกรก็เข้ามาพร้อมรถเข็นอาหาร
“นี่มัน พระกระโดดกำแพงเมนูชื่อดังหรอ “เห็นแบบนั้นหญิงชราพลันตาลุกวาว เธอรีบหยิบตะเกียบขึ้นมาเตรียมพร้อมทันที!
กวนเฉียงยิ้มเยาะและสั่งให้บริกรเสิร์ฟอาหาร
หวังซูอดใจรอไม่ไหวรีบเปิดฝาหม้อทันทีและกลิ่นที่เข้มข้นและฉุนออกมา
ของชิ้นหนุ่งก็ปรากฏต่อหน้าตระกูลหวัง!
อ้วกกก-
หญิงชราโยนตะเกียบของเธอทิ้งตระกูลหวังคนอื่น ๆ ก็รีบปิดจมูกทันที
เกิดอะไรขึ้น?
พระกระโดดกำแพงของชุยหยุนเป็นแบบนี้หรอเป็นก้อน*** ??
“นี่มันหมายความว่ายังไงพี่กวน?”หน้าของหวังซูน่าเกลียดมาก วันนี้เพื่อเป็นการเอาใจหญิงชราเขาจึงจัดการเตรียมงานเลี้ยงเสียงเงินไปหลายหยวนแต่แล้วทำไมเมนูชื่อดังถึงกลายเป็นแบบนี้!
“มีอะไรแปลกหรอคุณหวัง คุณสั่งมาเอง! คุณลืมไปแล้วหรอ” กวนเฉียงพูดด้วยท่าทีประหลาดใจ
“ สั่งเหรอ” หวังซูงุนงงไปชั่วขนะ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่เคยพูดกับเจียงเป่ยเฉินเขาจึงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “พี่กวน คุณจะบ้าหรอที่ผมบอกกับไอ้ขยะนั้นคุณเอามาให้ผมกินจริงๆหรอ”
((//อันนี้ผมก็งงว่ามันไปบอกตอนไหน//))
“ใช่แล้วคุณหวัง คุณควรจะกินมันนะ!” กวนเฉียงยิ้มเยาะเย้ยหยัน
“คุณ! เวรเอ้ยผมไม่กินแล้ว คุณต้องคืนเงินมาเลย!” หวังซูตะโกนแถึงม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องนี้มันทำให้เขาเสียหน้ามาก
“ผมขอโทษก้วยคุณหวัง เราไม่มีนโยบายคืนเงินมัดจำ อีกทั้งอาหารจานนี้ราคา 88,000 หยวนคุณจะไม่สามารถไปไหนได้หากคุณไม่ชำระเงินก่อน!” กวนเฉียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทันทีที่เขาพูดจบชายร่างใหญ่หลายคนก็มาปรากฏตัวล้อมตระกูลหวัง
“คุณมันบ้าไปแล้ว! 88,000 งั้นหรอคุณจะเอาไอ้เจ้าสิ่งนี้มาให้ผมกินเนี้ยนะงั้นผมขอสู้ตายกับคุณแล้วกันคุณ”หวังซูกลายเป็นบ้าไปแล้วเขาหมายจะสู้กับกวนเฉียงจริงๆ เห็นเช่นนั้นกวนเฉียงจึงก้าวออกมาด้านหน้าหยิบถาดบนโต๊ะแล้วฟาดไปที่หน้าของหวังซู ทันใดนั้นวัตถุชนิดหนึ่งในถวดก็พลันลอยละล่องไปบินฟ้าจากนั้นก็ตกลงไปบนหัวของหญิงชราส่งกลิ่นเหม็นอบอวลทั้นที
“หวังซู! จากนี้ไปฉันไม่มีหลานชายของแก อย่าแม้แต่จะคิดถึงตำแหน่งผู้สืบทอดเลย!”
หญิงชราเป็นคนที่รักความสะอาดมาก พอเจอแบบนี้เธอก็ถึงกับล้มแทบจับเลยทีเดียว คนในตระกูลหวังหลายคนจึงรีบพาตัวเธอออกไป
กวนเฉียงหัวเราะเยาะไม่หยุด
หวังซูกำหมัดแน่นและรู้ว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้วในอนาคต เขาจ้องมองกวนเฉียงอย่างดุร้ายและเดินออกจากห้องอาหารไปในที่สุด และเขาก็ได้มาเจอกับเจียงเป่ยเฉินที่กำลังเดินออกมาจากหน้องน้ำ เขาตะลึงเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นเจียงเป่ยเฉิน หวังซูก็ถึงกับผงะถอยหลังไป ที่จริงแล้วเจียงเป่ยเฉินต้องการเพียงแค่ให้ไล่ตระกูลหวังออกไปเท่านั้น ใครจะไปคาดคิดว่ากวนเฉียงจะจัดการเอาก้อนอุจจาระให้พวกเขากิน!
หวังซูงุนงงอยู่พังหนึ่งเขาสงสัยว่าเจียงเป่ยเฉินทำไมถึงเข้ามาในนี้ได้?
แต่มันก็ไม่สำคัญแล้ว ที่จริงก่อนหน้านี้เขาได้บอกไปว่าหากเจียงเป่ยเฉินเข้ามาในชุยหยุนได้เขาก็จะกินอุจจาระ! ในตอนนี้เขาแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี!
แน่นอนเขาไม่เชื่อว่ากวนเฉียงมีก่อกวนพวกเขาเพราะเจียงเป่ยเฉินแน่ เพราะเขาไม่น่าจะมีความสามารถมากพอที่จะทำแบบนี้ได้ ตอนนี้เขาเสียงหน้าเป็นอย่างมากจึงรีบวิ่งออกไป
เจียงเป่ยเฉินเห็นแบบนั้นจึงส่ายหัวและเดินไปยังห้องส่วนตัวของเขา
หลี่หมิงหยวนนั่งรอเขาอยู่ข้างในแล้ว
ทันทีที่เจียงเป่ยเฉินนั่งลงอาหารทุกชนิดก็ถูกเสิร์ฟขึ้นมาบนโต๊ะทั้งหมดแล้วรวมทั้งยังมีเมนูชื่อดังอย่างพระกระโดดกำแพง
“มาเถอะ! คุณเจียพระกระโดดกำแพงเป็นอาหารจานเด่นของร้านเลย รสชาติของมันอร่อยมากไม่เคยเปลี่ยนรสชาติของมันยังคงเป็นรสดั้งเดิมมาตั้งแต่โบรานคุณลองทานดูสิ!” หลี่หมิงหยวนเสิร์ฟใส่ชามให้เจียงเป่ยเฉิน
เจียงเป่ยเฉินได้ลองลิ้มรสมันดูและมันก็อร่อยจริงๆ มันนุ่มละมุนเหมาะอย่างยิ่งกับผู้สูงอายุ
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ผู้ช่วยของหลี่หมิงหยวนก็เดินเข้ามาพร้อมกับกล่องไม้
“คุณหลี่อาจารย์เหลียวส่งเศียรพระพุทธรูปที่คุณชอบมาแล้ว!” ผู้ช่วยหญิงสูง 1.7 เมตรเอวเล็กบางการพูดการจอล้วนอ่อนหวาน หลี่หมิงหยวนยิ้มกล่าว “เสี่ยวลี่วางไว้บนโต๊ะเลย ให้คุณเจียงได้ดูสักหน่อย!”
“คุณเจียงนี่คือเศียรพระพุทธรูปที่ผมได้มาจากงานประมูล หยุนซาน นี่เป็นเศียรพระพุทธรูปในถ้ำมั่วเกา ผมลงเงินไป 20 ล้าน ผมจะเอาไปโชว์ในนิทรรศการงานประชุมประจำปี! ” หลี่หมิงหยวนกล่าวพร้อมกับร้อยยิ้มบนใบหน้า
“โอ้วว เศียรพระพุทธจากถ้ำมั่วเกางั้นหรอ” เจียงเป่ยเฉินกล่าวต่อ ” เอาล่ะ มาลองเปิดดูกัน! “
มีของไม่มาที่มาจากถ้ำมั่วเกาของในสมัยราชวงศ์ชิงส่วนใหญ่ถูกส่งออกไปต่างประเทศ ในช่วงหลายปีมานี้หากมีของเหล่านั้นปรากฏออกมาจะสร้างความฮือฮืเป็นอย่างมากในแวดวงวัตถุโบราณ ก่อนหน้านี้ก็มีการประมูลในประเทศมาเลเซียซึ่งสามารถทำรายได้หลายร้อนล้านหยวน!
ผู้ช่วยเสี่ยวหลี่เดินไปด้านหน้าและเปิดฝาออกมา ทันใดนั้นเศียรพระพุทธรูปสีขาวก็ปรากฏต่อหน้าพวกเขา
หลี่หมิงหยวนตื่นเต้นเป็นอย่างมากเขารีบหยิบแว่นขยายออกมาแล้วส่องไปที่เศียรพระพุทธรูปทันที่ นอกจากธุรกิจของเขาแล้วเขายังมีงานอดิเรกเป็นการสะสมเศียรพระพุทธรูปอีกด้วย และเศียรพระพุทธรูปชิ้นนี้นั้นถือเป็นสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์เลยทีเดียว!
“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม! คุณเจียงทำไมคุณไม่มาดูสักหน่อยละ!”
หลี่หมิงหยวนมองไปที่เจียงเป่ยเฉินและยื่นแว่นขยายให้เขา เจียงเป่ยเฉินโบกมือ”อย่าเลยคุณหลี่ คุณอย่าตำหนิผมเลยที่ผมจะพูดตรงๆออกไปแบบนี้ คุณอย่าได้นำของชิ้นนี้ไปแสดงในการประชุมเลยดีกว่า!”
รอยยิ้มของหลี่หมิงหยวนกลายเป็นแข็งค้างในทันที “คุณเจียงคุณหมายความว่า… ”
“ของปลอม!” เจียงเป่ยเฉินกล่าวสองคำนี้ออกมาทันที เขาสามารถระบุได้ทันทีที่เห็นเพราะเนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเคยทำการปราบปรามพวกลักลวบค้าของเก่า เขาได้เห็นทั้งของจริงและของปลอมมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
“ คุณเจียงคุณแน่ใจเหรอ?” หลี่หมิงหยวนรู้สึกสงสัย แต่ในขณะเดียวกันเขาก็รู้ได้ว่าด้วยฐานะของเจียงเป่ยเฉินหากเขาบอกว่ามันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่
“แน่นอน!”
เจียงเป่ยเฉินไม่ได้พูดอะไรมากมายนัก ส่วนหลี่หมิงหยวนจะเชื่อเขาหรือไม่นั้นก็อยู่ที่ตัวเขาเอง
หลี่หมิงหยวนลังเลอยู่พักหนึ่งและสุดท้ายเขาก็บอกกับเสี่ยวหลี่”โทรหาปรมาจารย์เหลียวให้เขามาที่นี่ทันที”
“คะ คุณหลี่!”
หลังจากเสี่ยวหลี่ออกไปหลี่หมิงหยวนก็พูดกับเจียงเป่ยเฉิน”คุณเจียงปรมาจารย์เหลียวอยู่กับผมมาหลายปีครั้งนี้เขาเสนอตัวไป หยุนซาน เพื่อนำเศียรพระพุทธรูปมาให้แม้ว่าเงิน 20 ล้านจะไม่ใช่จำนวนมากมายอะไร แต่เนื่อจจากคุณเจียงมีแววตาที่ยอดเยี่ยมผมขอร้องให้คุณช่วยตรวจสอบชายคนนี้ให้ผมหน่อยนะครับ อล้วผมจะตอบแทนคุณทีหลัง!”
หลี่หมิงหยวนวิงวอน เขาทำธุรกิจขายของเก่ามากมายภายใต้ชื่อของเขาซึ่งปกติแล้วเขาจะมอบหมายให้ปรมาจารย์เหลียวเป็นคนดูแล หากว่ามันเกิดมีปัญหาขึ้นมาเขาอาจจะต้องเสียหายอย่างมากแน่นอน จึงทำให้เขาต้องระวังตัวมาก
เจียงเป่ยเฉินพยักหน้า “ต่อใหญ่ยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ถูกทำลายลงได้ หากคุณสูญเสียในด้านธุรกิจคงมีปัญหาแน่ๆ คนๆนี้แท้จริงแล้วนับว่าเป็นปัญหาจริงๆนั้นแหละ!”
“ ขอบคุณครับ คุณเจียง!”หลี่หมิงหยวนกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่นาน ปรมาจารย์เหลียวก็มาถึงเขาเป็นชายวัยห้าสิบกว่าๆสวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวและแจ็คเก็ตแมนดารินหัวของเขาไม่มีผมเลยแม้แต่เส้นเดียว
“คุณหลี่ คุณเห็นเศียรพระพุทธรูปแล้วใช่ไหม มันคุณภาพนี้ดีที่สุดเท่าที่เคยปรากฏมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มันจะสามารถทำร้ายได้เพิ่มขึ้นอีกแน่นอนภายใน 2 ปีถ้าหากคุณขายต้อมูลค่าของมันน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 ล้วน!”
“คุณเหลียวขอบคุณที่ทำงานหนัก มานั่งเถอะ!”หลี่หมิงหยวนโบกมือ
“ขอบคุณคุณหลี่ นี่คือ… ” ปรมาจารย์เหลียวมองไปที่เจียงเป่ยเฉินและถามด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ว นี่เป็นเพื่อนของผมเองอยู่ในวงการของเก่าด้วยกัน เขามาที่นี่เพื่อช่วยผมดูของ”หลี่หมิงหยวนตัดสินใจปกปิดตัวตนของเจียงเป่ยเฉินไว้ก่อน
“หืมม?” นักประเมิน? “คิ้วของปรมาจารย์เหลียวขมวดแน่นดวงตาของเขาแสดงออกถึงความหวั่นวิตก เขากวาดตาสำรวจเจียงเป่ยเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่วนใหญ่แล้วนักประเมินวัตถุโบราณทั้งหลายจะต้องเป็นผู้มากประสบการณ์ที่สั่งสมมานับสิบปี แต่หมอนี่มันอายุเท่าไรเอง? เขาจะสามารถระบุของโบราณได้กี่ชิ้นกันเชียว?
ปรมาจารย์เหลียวยิ้มอย่างเย้ยหยันและนั่งลงทันที