ราชันมังกรแห่งสงคราม - ตอนที่ 29
ฉินเสี่ยวมองไปที่เจียงเป่ยเฉินด้วยความตกใจกับวิธีการในการตรวจจับชีพจรของเขา
“ไม่คิดว่านายจะรู้จัก ฉงหยาง ด้วย นายเป็นปรมาจารย์แพทย์จริงๆสินะ!”
คนอื่นๆต่างตกใจเป็นอย่างมากกับคำว่า ‘ปรมาจารย์’ ที่ฉินเสี่ยวนั้นพูดออกมา
จากนั้นเจียงเป่ยเฉินยื่นมือไปทางเธอ
“มีอะไร”
“เข็มเงิน!”
“อ้อ!”
ฉินเสี่ยวรีบเปิดกระเป๋าของเธออย่างรวดเร็ว
เจียงเป่ยเฉิยรับมาแล้วคลี่กระเป๋าในเล็กออกพึงเข็มเงินทั้ง 8 เล่มออกมาในคราวเดียว เขาคีดเข็มไว้และเริ่มลงมือทันที เข็มเงินราวกับมีชีวิตทุดเข็มจัดเรียงละฝังลงได้อย่างสวยงามมันปักลงไปทุกจุกอย่างพร้อมเพียงกัน ทันทีที่เข็มปักลงตรงส่วนหัวของหญิงชราร่างกายของเธอก็พลันสั่นสะท้าน.
“ นี่มัน ปิดผนึกประตูทั้งแปด”
ฉินเสี่ยวอุทานออกมา
นี่คือเทคนิคลับเฉพาะของจูกัดหนานหมอเต๋าจินใต้ในตำนาน
เธอเคยเห็นมันในหนังสือแพทย์โบราณและหนังสือแพทย์เล่มนั้นตกทอดโดยตระกูลฉินจากรุ่นสู่รุ่น เธอคิดว่ามันจะสูญหายไปแล้ว เธอแปลกใจเป็นอย่างมากที่เจียงเป่ยเฉินสามารถใช้เทคนิคนี้ได้
เจียงเป่ยเฉินมองไปที่เธอแล้วกล่าว “เธอกล่าวผิดแล้ว!”
หลังจากนั้นเขาก็หยิบเข็มเงินออกมาอีก 5 เล็มจากกระเป๋าและเริ่มลงเข็มอีกครั้งไปที่จุดหลังศรีษะและด้านหลังคอของหญิงชรา! “นี่มัน…. แปดบวกห้า มะ มันคือ 13 เข็มทะลวงวิญญาณอย่างงั้นหรอ!”
ร่างกายของฉินเสี่ยวสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เธอไม่คิดว่าเจียงเป่ยเฉินจะมีเทคนิคฝังเข็มที่สูญหายไปทั้งหมดได้ เขาสามารถทำมันได้อย่างไร นี่มันน่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก! หลังจากที่เจียงเป่ยเฉินลงเข็มทั้ง 13 เล่มเสร็จที่มุมปากของหญิงชราก็พลันปรากฏเลือดสีดำไหลออกมาจากมุมปากของเธอ เวลาต่อมาใบหน้าของเธอก็พลันผ่อนคลายลงอย่างมากการหายใจของเธอเองก็กลับมาสม่ำเสมออีกครั้ง
“นี่เป็นใบสั่งยาไปซื้อและนำมันไปต้มในหม้อเป็นเวลา 45 นาที ให้เธอดื่มวันละครั้ง”
เจียงเป่ยเฉินดึงเข็มเงินออกมาและเก็บข้าไปในกระเป๋า
เวลานี้สายตาของฉินเสี่ยวที่มองเจียงเป่ยเฉินเปลี่ยนไปอย่างมากแววตาของเธอที่มองเขาในเวลานี้ดูเป็นประกายอย่างมาก หวังเสี่ยวหวู่ที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นฉากนั้นเข้าเธอก็รู้สึกหึงอยู่ในใจ
“ คุณย่าคุณฟื้นแล้ว?”
ในเวลานี้หญิงชราค่อยๆลืมตาขึ้นหวังซูก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและจับมือหญิงชราและร่ำร้องออกมา “คุณย่าผมไม่ได้ตั้งใจให้คุณเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจทำร้ายคุณย่า! “
“โอเคหยุดร้องไห้แล้ว ฉันยังไม่ตายสักหน่อย!”
หญิงชราพูดอย่างอ่อนแรงจากนั้นก็เหลือบมองไปที่เจียงเป่ยเฉิน “เป็นเป่ยเฉินใช่ไหมที่ช่วยฉัน”
แม้ว่าเธอจะอยู่ในอาการที่รุนแรง แต่มว่าเธอก็ยังพอมีสติและจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างเลือนราง
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เจียงเป่ยเฉินได้ช่วยเธอ
แม้ว่าหลานเขยของเธอคนนี้จะไม่มีอะไรที่โดนเด่น แต่เธอก็ไม่คาดว่าเขาจะมีเทคนิคการแพทย์ที่สุดยอดขนาดนี้
“คุณย่าคุณเพิ่งจะฟื้นขึ้นมาเพราะงั้นอย่าพยายามคิดมากเลยเดียวอาการจะกำเริบอีก แต่ว่าผมขอพูดอะไรหน่อยคุณควรจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันทุกคนไม่ควรลำเอียงมากเกินไปมันจึงจะเหมาะสมกับวิสัยทัศน์ของผู้นำ!”
เจียงเป่ยเฉินกล่าว
“แกไม่มีความเคารพเลย! แกคิดว่าแค่เพิ่งช่วยให้คุณย่าได้สติแล้วจะพูดแบบนี้ได้หรอ!”
ใบหน้าของหวังเฉินแสดงออกถึงความโกรธ
“ใช่สิ! แกมันก็มีดีแค่รู้วิธีการรักษาการปรุงยาเฉยๆนิ? แต่ว่ายังไงมันก็ไม่สามารถลบความจริงที่บอกว่าแกเป็นขยะออกไปได้! “
หวังซูกล่าวด้วยเยาะเย้ย
ในเวลานั้นนิ้วที่เรียวสวยก็นิ้วหนึ่งก็พลันชี้ไปที่คนของตระกูลหวัง
“หึ คนของตระกูลหวังปฏิบัติต่อหมอแบบนี้นะหรอ?”
ในเวลานี้ฉินเสี่ยวไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป เจียงเป่ยเฉินเป็นคนช่วยชีวิตขิงหญิงชราคนนี้ แต่เธอกลับไม่คาดว่าคนพวกนี้กลับข้ามแม่น้ำรื้อสะพาน นี่มันแย่ที่สุดเลยจริงๆ
“ฉินเสี่ยว ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น… ” หวังซูกลายเป็นลำบากใจอย่างมาก เขากำลังจะอธิบายแต่ก็ถูกฉินเสี่ยวขัดขึ้น
ฉินเสี่ยวกล่าวอย่างเย็นชา“นายไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอ? ฉันฉินเสี่ยวนอกจากความรู้ทางการแพทย์แล้วนั้นก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว หากว่าเจียงเป่ยเฉินเป็นขยะงั้นฉันก็คงเป็นยิ่งกว่าขยะสินะ!””
“นี่… ” หวังซูหน้าแดงเป็นก้นลิงนี่มันทำให้เขาพูดไม่ออกจริงๆ
หวังเสี่ยวหวู่ กัดริมฝีปากของเธอ เดินทีแล้วเธอต้องการที่จะพูดออกไปแบบนั้นเช่นกันแต่ว่า เธอกลับไม่คาดคิดว่าฉินเสี่ยวจะเป็นคนที่เปิดปากพูดมันทำให้เธอรู้สึกแปลกเป็นอย่างมาก หรือว่าบางทีแล้วฉินเสี่ยวอาจจะรู้สึกสนใจเจียงเป่ยเฉินกัน ‘บ้าจริงนี่ฉันคิดอะไรอยู่เนี้ย!’
หวังเสี่ยวหวู่ตั้งสติได้เธอก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้องและความหึงหวงก็ปรากฏขึ้นมาในแววตาของเธอ
เจียงเป่ยเฉินไม่ได้พูดอะไร เขาชินกับการกระทำของตระกูลหวังแล้ว อะไรที่ควรพูดเขาก็พูดไปหมดแล้ว เขาลุกขึ้นและเตรียมที่จะเดินจากไป
เมื่อเห็นแบบนั้นฉินเสี่ยวพลันรีบเดินตามเขาไปทันที
“นายเจียงรอก่อน!!”
“ มีอะไร?”
เจียงเป่ยเฉินขมวดคิ้วหยุดยืนห่างไปสามเมตร
ฉินเสี่ยว กัดริมฝีปากของเธอ เธอรู้สึกว่าระยะห่างขอเธอกับเขาเริ่มสั้นลงมาบางแล้ว แต่กระนั้นเธอก็กล่าวถามออกไปด้วยความสงสัย: “ฉันอยากถามว่ารูปแบบที่นายใช้ก่อนหน้านี้มันใช่ 13 เข็มทะลวงวิญญาณในตำนานหรอเปล่า? “
“ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดถึงอะไร!”
เจียงเป่ยเฉินส่ายหัวและเดินจากไป
“นี่นาย!”
ก่อนที่ฉินเสี่ยวจะได้ทันพูดต่อเจียงเป่ยเฉินก็ขับรถของเขาออกไปแล้ว
ฉินเสี่ยวในเวลานี้เธอทำได้แค่กัดฟันและอดทน ผู้ชายคนนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก และเพราะอะไรเขาจริงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรแบบนี้ แต่ทว่าเมื่อคิดถึงการฝังเข็มของเขาเธอก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
… เจียงเป่ยเฉินขับรถกลับไปที่วิลล่า เขารีบมุ่งตรงไปที่ห้องน้ำถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำมันทีเขาเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก อันที่จริงเขาไม่ทราบว่าฉินเสี่ยวพูดถึงเรื่องอะไรเขาเพียงได้รับการถ่ายถอดทักษะทางการแพทย์มาจากปรมาจารย์ซวนชิงจือเท่านั้น ปรมาจารย์เป็นคนที่มีความรู้หลากหลายทักด้านศิลปะการต่อสู้และทักษะการแพทย์ การฝังเข็มที่เขาได้รับการถ่ายทอดมานั้นเป็นการผสมละหว่างวิทยายุทธ์กับทักษะทางการแพทย์มันเป็นเทคนิคที่เทียมสวรรค์เลยทีเดียวสำหรับคนทั่วไปอีกทั้งมันยังสามารถช่วยชีวิตคนจากความตายได้อีกด้วย
แต่มันก็กินพลังมากเกินไป หลังจากที่เขาฝั่งเข็มไปมากมายขนาดนั้นทำให้อาการบาดเจ็บของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วเขาก็กลับไปนั่งที่เตียงและเริ่มโคจรพลังเพื่อปรับการหายใจของตัวเอง
ในอีกด้านหนึ่งสำนักงานใหญ่ของตระกูลหวัวง หญิงชราถูกส่งกลับไปที่บ้านพักหลังจากอาการของเธอคงที่และสมาชิกคนอื่นๆในตระกูลก็พากันแยกย้ายจากไป
“เสี่ยวหวู่!”
เมื่อหวังเสี่ยวหวู่กำลังจะจากไปจู่ๆเฉินจื่อเฉ่าก็ขับรถมา
“ ทำไมนายยังอยู่อีก”
หวังเสี่ยวหวู่ขมวดคิ้ว แม้ว่าเธอจะรู้สึกดีกับสิ่งที่เฉินจื่อเฉ่าทำเพื่อเธอแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอนั้นจะรักเขา
“มิสเตอร์เฉิน ฉันคิดว่าฉันเคยพูดไว้ชัดเจนก่อนหน้านี้แล้วนะ ว่าฉันมีสามีแล้วคุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับฉัน!”
หวังเาสี่ยวหวู่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“เสี่ยวหวู่ผมรู้ว่าผมผิดไป แต่ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จริงๆ เมื่อผมเห็นขยะ… ”
“ตุณเฉิน ยังไงเขาเป็นสามีของฉัน ฉันหวังว่าคุณจะใช้คำพูดให้ดีด้วย!”
หวังเสี่ยวหวู่โกรธเป็นอย่างมากเธอเองยังแปลกใจที่ตัวของเธอเองนั้นเริ่มที่จะออกตัวปกป้องเจียงเป่ยเฉิน
เฉินจื่อเฉ่าตะลึงไปเล็กน้อยเขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้มันไม่เหมือนกันที่ผ่านๆมา มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดแล้วไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังพูดออกไป”เสี่ยวหวู่โอเคผมจะไม่พูดถึงเขาแล้วและผมจะไม่บังคับคุณอีก อย่างน้อยเราก็คงเป็นเพื่อนกันได้ มีหลายๆเรื่องเกิดขึ้นที่งานเลี้ยง คุณคงยังไม่ได้กินข้าวสินะทำไมไม่ให้ผมเลี้ยงคุณสักมื้อละ? “
“คุณจะไปทานอาหารกับผมได้ไหม?”
หวังเสี่ยวหวู่รู้สึกไม่ดี เฉินจื่อเฉ่าทำเพื่อเธอหลายอย่างถ้าเกิดว่าเธอไม่ตกลงก็คงจะเป็นอะไรที่ไม่สมควร เมื่อคิดแบบนั้นเธอก็เปิดประตูขึ้นรถไปกับเขาอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไรนัก
เวลานี้มุมปากของเฉินจื่อเฉ่ายกยิ้มขึ้นเล็กน้อยโดยที่เธอไม่สังเกตุเห็น เขารีสตาร์รถออกไปอย่างรวดเร็ว