ราชันมังกรแห่งสงคราม - ตอนที่ 28
“ โสมตะวันโลหิตและโสมแดงต่างก็เป็นโสมเหมือนกัน แต่ทว่าผลของมันต้างกันมาก โสมตะวันโลหิตเติมโตบนที่ราบสูงที่มีอากาศหนาวเย็นช่วยในการทะลวงเส้นเลือดอุดตัน โสมแดงเป็นยาบำรุงคนที่เป็นโรคหลอกเลือดในสมองไม่ควรกินถ้ากินเข้าไปก็เท่ากันฆ่าตัวตาย!”
ฉินเสี่ยวเป็นกังวลและโกรธอย่างมากเธอพูดจบพลางถอนหายใจมองไปทางหวังซูอย่างเย็นชา
ใครที่พอมีความรู้เรื่องยาจีนสักหน่อยก็จะทราบว่าไม่ควรกินยาสุ่มสี่สุ่มห้ามิฉะนั้นอาจจะตายได้!
“ พี่ใหญ่! นายทำไมถึงทำร้ายคุณยา!”
หวังเฉินและสมาชิกคนอื่นๆในตระกูล จ้องมองไปที่หวังซูการที่เขากล้าที่จะบังคับคุณย่าแบบนี้อาจจะเป็นไปได้ที่เข้าจะทำอย่างอื่นอีก บางทีนี่อาจจะเป็นการจงใจฆ่าหญิงชราก็เป็นได้!
“ฉะ ฉะ ฉันซื้อมันมาจากร้านขายข้างนอกหลายๆคนที่ซื้อไปก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันคือโสมตะวันโลหิต ฉันไม่รู้จริงๆว่ามันเป็นโสมแดง!”
หวังซูร้องไห้ออกมาทันทีเขารู้แล้วว่าตอนนี้เขานั้นโดนหลอก
“หมอฉิน คุณต้องช่วยคุณยายให้ได้นะไม่งั้นฉันคงไม่สามารถอภัยให้ตัวเองได้เลย!”
หวังซูตะโกนอย่างเป็นกังวล
หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอในตอนนี้เกรงว่าตำแหน่งทายาทสำหรับเขาก็คงจะหมดหวังตามไปด้วย
ฉินเสี่ยวขมวดคิ้วและส่ายหัว “ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด!”
ไม่ชักช้าฉินเสี่ยวหยึบหอผ้าของเธอที่เธอนำออกมาก่อนหน้านี้แล้วหยิบโสมที่เธอเพิ่งเก็บลงไปออกมาทำให้หลายคนที่เห็นตะลึงเป็นอย่างมาก
“ เธอเอายาขยาะมาทำอะไร”
“เธออยากได้ยาอะไรก็บอกฉัน ฉันจะซื้อมาให้! “
หวังซูถาม
ฉินเสี่ยวมองเขาอย่างเย็นชา“ ฉันต้องการโสมตะวันโลหิตนายสามารถหามาได้?
โสมตะวันโลหิตเป็นของดีแต่นายกลับโยนมันลงไปบนพื้น แล้วโสมแดงนายกลับเอาให้คุณย่ากิน ฉันไม่เข้าใจพวกนายเลยจริงๆ! “
เมื่อคนในตระกูลได้ยินเธอพูดเช่นนั้นพวกเขาก็ทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว เนื่องจากคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นเข้าใจได้ไม่ยาก โสมที่เจียงเป่ยเฉินนำมาให้นั้นเป็นของจริง “เสี่ยวเอ๋อเธอว่ายังไงนะ?”
หวังซูไม่อยากจะเชื่อ
คำพูดและการกระทำที่เขาเคยทำกับเจียงเป่ยเฉินเหมือนมันย้อนกลับมาตบหน้าเขาในขณะนี้ หวังเสี่ยวหวู่บัดนี้เธอทำได้เพียงกัดริมฝีปากของเธอเบาๆความรู้สึกของเธอสับสน ใบหน้าของคนอื่นๆในตระกูลที่เคยว่าร้ายเจียงเป่ยเฉินตอนนี้กลับกลายเป็นน่าเกลียด ไม่มีใครคาดคิดว่าของที่เขานำมามอบให้หญิงชรานั้นจะเป็นโสมตะวันโลหิต! ต่อมาฉินเสี่ยวได้บดโสมและนำไปให้หญิงชรากินจากนั้นเธอก็นำกระเป๋าฝังเข็มออกมาเพื่อทำการรักษา
หลัวจากนั้นผ่านไปยี่สิบนาทีหญิงชราก็ยังไม่รู้สึกตัว
หลายคนเป็นกังวลจนเหงื่อตกเมื่อเห็นแบบนั้น
“หมอฉินคุณย่า … “
ฉินเสี่ยวถอนหายใจ: “แม้ว่าโสมตะวันสีเลือดจะเป็นยาศักดิ์สิทธิ์แต่ก็สามารถระงับอาการได้ชั่วคราวเท่านั้น ฉันทำได้เพียงเท่านี้!”
ฉินเสี่ยววางของลงอย่างช้าๆ เมื่อคนอื่นๆได้ยินที่เธอพูดก็เข้าใจได้ทันทีว่าตอนนี้หญิงชราอาจจะต้องเสียชีวิตลง! “หมอฉินคุณปู่ของคุณไม่สามารถช่วยได้หรอ?”
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกน
อย่างไรก็ตามปู่ของเธอก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีน
บางทีอาจช่วยชีวิตหญิงชราไว้ได้
“ขอโทษคุณย่าในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนักแม้ว่าจะเชิญปู่ของฉันมาก็ทำอะไรไม่ได้ การที่จะช่วยเธอเป็นไปไม่ได้หรอกพวกคุณทำใจดีกว่า!”
ฉินเสี่ยวกล่าวอย่างเรียบๆ
เมื่อหวังซูได้ยินดังนั้นเขาก็ทรุดตัวลงกับพื้น
นั้นเท่ากับว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเขา! ที่คุณย่าต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะเขามีจะเป็นตราบาปของเขาไปชั่วชีวิตและไม่สามารถที่จะแก้ไขได้เลย
ในเวลานี้ไม่มีใครสักคนที่ตำหนิเขา ความรู้สึกของทุกคนในตระกูลเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
“บางทีอาจจะมีใครบางคนที่ช่วยได้ถ้าพวกคุณไปเชิญเขามา!”
ฉินเสี่ยวลังเลอยู่ชั่วครู่และกล่าวว่า
ภายในใจของทุกคนพลันมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“หมอฉิน คุณบอกมาเถอะเขาเป็นใครผมจะรีบไปเชิญเขามาทันที!”
หวังซูได้ยินว่าคุณย่ายังมีความหวังเขารีบลุกขึ้นและกล่าว
ฉินเสี่ยวเหลือบมองไปที่หวังเสี่ยวหวู่และพูดว่า “ผู้ชายคนนั้นเป็นสามีของเธอ ฉันไม่สามารถหยั่งถึงทักษะทางการแพทย์ของเขาได้บางทีเขาอาจจะช่วยได้ถ้าให้เขาได้ลองดู!”
หาา! ทันใดคนอื่นๆพลันตกใจ แต่พวกเขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเจียวเป่ยเฉินเคยช่วยหญิงชรามาก่อน
หวังเสี่ยวหวู่เองก็ตกใจมากเห็นดังนั้นหวังซูจึงวิ่งไปหาเธอและเขย่าไหล่เธออย่างรวดเร็วและกล่าว “เสี่ยวหวู่รีบไปตามสามีของเธอกลับมาเร็วเข้า!”
หวังเสี่ยวหวู่ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็รีบวิ่งออกไป
“เจียงเป่ยเฉินนายอยู่ไหน “
“ฉันอยู่นี่!”
ไม่ไกลจากตรงนั้นมากนัก Rolls-Royce Phantom จอดอยู่อย่างเงียบๆ ราวกับว่ากำลังรออยู่ ในตอนนั้นเจียงเป่ยเฉินกำลังกดโทรศัพท์ในมือของเขาอยู่
หวังเสี่ยวหวู่รีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว “เป่ยเฉิน … ”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดหญิงชรากินโสมแดงแล้วล้มป่วยอาการหนักใช่หรือเปล่า!”
เจียเป่ยเฉินกล่าว
“แล้วหมอฉินก็มาช่วยเธอด้วยโสมของฉันงั้นสินะ?”
“นายรู้ได้ไง”
หวังเสี่ยวหวู่รู้สึกประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเจียงเป่ยเฉินจะรู้เหตุการณ์ราวกับเห็นด้วยตาตัวเอง
“นายไปกับฉัน ไปช่วยคุณย่าเร็ว!”
หวังเสี่ยวหวู่ตะโกน
แต่ทว่าเจียงเป่ยเฉินยังคงนั่งอยู่ในรถอย่างสบายๆ
“เธอเป็นย่าของคุณไม่ใช่ย่าของฉันนิทำไมฉันต้องช่วย”
เจียงเป่ยเฉินกล่าว
หวังเสี่ยวหวู่ตะลึงไปชั่วครู่และกล่าวด้วยความเขินอาย: “เจียงเป่ยเฉินนายหมายความว่าไงคุณย่าของฉันก็เหมือนเป็นคุณย่าของนายไม่ใช่หรอ?”
“หืมม เธอพูดแบบนี้นี่เท่ากับว่าเธอยอมรับฉันเป็นสามีของเธอแล้ว? “
“นายย! ก็ได้ โอเคฉันยอมรับนายเป็นสามีของฉันเพราะงั้นได้โปรดไปช่วยคุณย่าของฉันด้วย!”
หวังเสี่ยวหวู่พูดออกมาด้วยความเขินอาย
“ถ้าเธอสัญญากับฉันข้อหนึ่งฉันจะไปช่วย!”
จู่ๆเจียงเป่ยเฉินก็เสนอเงื่อนไขขึ้นมา
“นายบอกมาเถอะ!”
หวังเสี่ยวหวู่ไม่ปฏิเสธ
“จากนี้ไปเธอต้องไม่พูดคำว่า หย่า กับฉัน”
เจียงเป่ยเฉินกล่าว
“นาย! อย่าได้มากเกินไปนะ!”
หวังเสี่ยวหวู่เธอรู้สึกละอายใจเธอไม่คิดว่าเขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อร้องขอแบบนี้! บรึ๊นน! เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นและรถกำลังจะเคลื่อนตัวจากไป
หวังเสี่ยวหวู่รู้สึกกังวลเธอกัดฟังและกล่าวออกไป “โอเคได้ ฉันสัญญากับนายถ้านายช่วยคุณย่าได้ ฉันจะไม่พูดถึงเรื่องการหย่ากับนายอีกเลยนับจากนี้!”
เจียงเป่ยเฉินดับเครื่องและลงจากรถจากนั้นรีบคว้ามือของหวังเสี่ยวหวู่และรีบพาเธอไปที่ห้องจัดเลี้ยงอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงที่ห้องจัดเลี้ยงเขาก็เห็นผู้คนมากมายที่กำลังวิ่งวุ่นไปรอบๆ
เฉินจื่อเฉ่าที่เห็นเจียงเป่ยเฉินจับมือของหวังเสี่ยวหวู่ก็พลันเกิดโทสะจะตะโกนออกไป
“ปล่อยมือของแกออกจากเธอสะ!”
เจียงเป่ยเฉินเดินไปหาเขาแล้วตบไปที่ใบหน้าเขาอย่างจัง
“แกคิดว่าแกเป็นใคร ฉันจะจับมือภรรยาของฉันแกมาเกี่ยวอะไรด้วย ไสหัวไป!”
“ ไอเวร แกกล้าตบหน้าฉันหรอ”
เฉินจื่อเฉ่าปิดหน้าและตะโกนใส่เขาด้วยความโกรธ: “ฉันยื่นขอเสนอให้กับคุณย่าไปแล้ว หวังเสี่ยวหวู่จะเป็นของฉันในไม่ช้าแน่นอน!”
“นายอยากได้ภรรยาฉัน?”
“ฉันยกให้นายตั้งแต่เมื่อไร? “
เจียงเป่ยเฉินเตรียมจะลงมืออีกครั้ง
“แก!”
เฉินจื่อเฉามองไปที่หวังเสี่ยวหวู่ด้วยสีหน้าตื่นตระหนกและพูด “เสี่ยวหวู่เธอจะอยู่กับขยะแบบนี้ไปตลอดชีวิตจริงๆหรอ”
หวังเสี่ยวหวู่รู้สึกผิดหวังมาก ขนาดสถานการณ์แบบนี้เขายังคิดถึงแต่เรื่องแต่งงานกับเธอ เธอจึงพูดกับเขาอย่างเย็นชา “ขอโทษด้วยคุณเฉิน คุณย่าของฉันกำลังอยู่ในอันตรายคุณออกไปเถอะฉันไม่รับขอเสนอของคุณ! และฉันก็จะไม่หย่ากับสามรของฉัน!”
หวังเสี่ยวหวู่มองไปที่เจียงเป่ยเฉินเวลานี้หน้าของเธอแดงขึ้นมากโดยที่เธอไม่รู้ตัว
“รองเฉินคุณย่าของพวกเราป่วยอยู่งานเลี้ยงเลิกแล้ว กรุณากลับไปด้วย!”
หวังเฉินกล่าว
เจียงเป่ยเฉินก้าวมาด้านหน้าและใช้นิ้วของเขาจับลงไปที่ข้อมือของหญิงชรา ท่วงท่าของเขาดูสง่างามเป็นอย่างมาก
ฉินเสี่ยวที่สังเกตุอยู่ด้านข้างเบิกตากว้างกับการกระทำของเขา”นี่มัน…..”