รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 301
รักเล่ห์เร้นใจ – ตอนที่ 301 หลักฐาน
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ เพื่อนก็รีบส่งหลักฐานให้เธอทันที พอมีหลักฐานของเธอ หลินหว่านก็สามารถสู้กับไป๋เจี๋ยได้อย่างเต็มที่แล้ว!
แน่นอนว่าหลินหว่านรู้สึกขอบคุณเพื่อนมาก ขอบคุณเพื่อนแล้วเธอก็รีบออกจากร้านกาแฟ ขับรถกลับบริษัท
ตอนที่หลินหว่านอยู่ห่างจากบริษัทไม่กี่เมตรก็เห็นที่หน้าประตูบริษัทออเต็มไปด้วยนักข่าว จึงไม่กล้าเผยตัวให้นักข่าวพวกนั้นฮือกันเข้ามาหาเธอ หลินหว่านโทรหาเลขาให้เธอจัดคนมารับ
เลขาพอรับโทรศัพท์ก็รีบพูดว่า “ในที่สุดคุณกลับมาแล้ว ฉันจะรีบเรียกให้คนลงไปรับคุณนะคะ” พอกลับถึงออฟฟิศหลินหว่านก็เปิดดูหลักฐานรอบแล้วรอบเล่าอย่างคิดหนัก เธอจะอธิบายต่อหน้านักข่าวอย่างสมเหตุสมผลได้อย่างไรนะ พอได้เห็นคนในคลิปเป็นคนที่เธอเกลียดเข้ากระดูกดำ พวกเธอใส่ร้ายฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ฉันต้องตกที่นั่งลำบาก เธอกำหมัดทุบโต๊ะอย่างโมโห เหยียดยิ้มออกมา เลขาพอเห็นหลินหว่านเป็นเช่นนี้ก็พูดว่า “คุณมีแผนรับมือหรือยังคะ?” หลินหว่านสนิทกับเลขามาก แกล้งทำท่ากลัดกลุ้มเป็นกังวล พูดว่า “ยังเลย เฮ้อ ไม่รู้ว่าคราวนี้จะล้างมลทินได้รึเปล่าสิ” หยอกเย้าให้เลขาร้อนอกร้อนใจไปด้วย พอเห็นเลขาเป็นแบบนี้ เธอก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ เลขาน้อยที่น่ารักของฉัน ทำไมร้อนใจขนาดนี้นะ” หลินหว่านยิ้มหวานให้เลขาราวกับเด็กน้อยที่ได้กินขนมหวานอย่างนั้น
หลินหว่านเตรียมทุกอย่างพร้อมพรัก ก็เดินออกจากห้องทำงานอย่างสง่างาม พวกนักข่าวเห็นเข้าก็พากันฮือเข้ามาหาเธอ ถึงกับถามคำถามว่า “คลิปบนเน็ตบอกว่าคุณรังแกเด็กสาวทั้งยังทุบตีเธอด้วยเป็นความจริงหรือเปล่าคะ?” หลินหว่านยิ้ม ขณะนึกในใจว่า เรื่องแบบนี้ยังพูดกันไปจนถึงขั้นนี้ ฉันก็ไม่ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว… เธอยิ้มแล้วพูดว่า “บนเน็ตล้วนแต่เป็นคำเล่าลือไร้สาระขอให้ทุกคนอย่าได้เชื่อ!”
นักข่าวอีกคนถามว่า “อย่างนั้นคุณจะอธิบายเรื่องคลิปอย่างไรคะ ในคลิปดูเหมือนจะเป็นคุณที่กำลังรังแกเด็กสาวคนหนึ่งอยู่…”
หลินหว่านพูด “เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงขอให้พวกคุณอย่าเชื่อเด็ดขาด”
“ในเมื่อคุณบอกว่าเรื่องคำเล่าลือบนเน็ตไม่เป็นจริง คุณมีหลักฐานหรือเปล่าครับ หรือว่าคุณจะแก้ข่าวนี้อย่างไรบ้าง?”
หลินหว่านพูด “หลักฐานนั้นมีแน่ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่พูดว่านี่คลิปที่ทำขึ้นหรอก เรื่องที่ฉันหลินหว่านไม่ได้ทำ จะไม่ยอมรับเด็ดขาด ถ้าหากมีคนใส่ร้ายฉันก็จะไม่ปล่อยไปด้วยเช่นกัน! หลักฐานฉันมีให้พวกคุณ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ขอให้พวกคุณรอถึงพรุ่งนี้ได้ไหม ฉันจะจัดงานแถลงข่าว เพื่อชี้แจงเรื่องที่ถูกใส่ร้ายในวันพรุ่งนี้ค่ะ”
บรรดานักข่าวพอฟังหลินหว่านพูดเช่นนั้นก็พากันพูดว่า “ในเมื่อคุณหลินพูดแบบนี้แล้วพวกเราก็จะรอคุณจัดงานแถลงข่าววันพรุ่งนี้” จากนั้นพวกนักข่าวก็ทยอยกันจากไป
พอถึงวันรุ่งขึ้น หลินหว่านเชิญให้ไป๋เจี๋ยมาร่วมชมละครฉากเด็ดนี้ด้วย ไป๋เจี๋ยนึกในใจว่า “อยากรู้นักว่าเธอจะเอาหลักฐานอะไรออกมาได้ เธอต้องหน้าแตกหมอไม่รับเย็บแน่” แต่ไป๋เจี๋ยนึกไม่ถึงเลยว่าหลินหว่านได้หลักฐานมาจริงๆ ให้เธอได้ใจไปก่อนเถอะ…
งานแถลงข่าวเริ่มแล้ว นักข่าวพากันพูดถึงเรื่องเมื่อวานที่ว่าจะอธิบายคลิปที่สร้างข่าวลือบนเน็ตอย่างไร? หลินหว่านหยิบมือถือจากกระเป๋าออกมาช้าๆ ภาพคนในคลิปบนหน้าจอใหญ่เห็นชัดถนัดตา คนที่มีผิวขาวสะอาดนั้นไม่ใช่หลินหว่านแต่เป็นอี้อวิ๋นฉัง แถมเสียงในคลิปก็ยิ่งร้ายกาจ! พอเรื่องแดงขึ้นมา ไป๋เจี๋ยก็ถูกชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยถึงเจตนาในการกระทำของเธอ ส่วนอี้อวิ๋นฉังยิ่งชื่อเสียงย่อยยับถูกคนด่าว่าทำตัวเป็นแม่บัวขาวแสนบริสุทธิ์
บนเน็ตเริ่มมีคำครหาถึงความประพฤติของไป๋เจี๋ย เธอถูกผู้คนตั้งข้องสงสัยเรื่องจริยธรรม คนในกองถ่ายที่เธอร่วมงานด้วยยิ่งพากันติฉินนินทา หนังที่ไป๋เจี๋ยกำลังจะแสดงก็ถูกยกเลิก ผู้กำกับเห็นข่าวฉาวของเธอบนเน็ตแล้วก็ยิ่งโมโห เรียกตัวเธอมาถามว่า “เธอนี่มันดังผิดที่ผิดทางหรือเปล่า? กองถ่ายเรายอมรับเธออีกไม่ได้แล้ว ออกไปซะเถอะ!”
วันรุ่งขึ้นไป๋เจี๋ยยังกลับไปที่กองถ่ายอีก! ผู้กำกับสงสัยมาก เขาไล่เธอออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังด้านหน้ามาอีก? คนในกองถ่ายยิ่งคิดไม่ถึงว่าเธอยังกลับมาอีก? หรือว่าเรื่องนี้ยังฉาวโฉ่ไม่พอรึไง? ยังจะอยู่ในกองถ่ายต่อไป? อย่างนี้มิพลอยทำให้กองถ่ายแปดเปื้อนไปด้วยรึไง…
ไป๋เจี๋ยแอบนึกหัวเราะในใจ คิดไม่ถึงว่าฉันยังกลับมาอีกสินะ? พวกแกคอยดูไปเถอะ! ความอัปยศที่พวกแกหัวเราะเยาะฉันแบบนี้ฉันจะให้พวกแกชดใช้กลับคืนเป็นทวีคูณแน่!
เซียวจิ่งสืออยู่บนรถมองดูคนพวกนี้วิจารณ์ไป๋เจี๋ย ดูเหมือนไม่ค่อยสนใจฟังที่พวกเขาพูดคุยกัน ลงจากรถตรงไปหาผู้กำกับ ส่วนผู้กำกับพอเห็นว่าเป็นท่านประธานเซียวก็เข้ามาถามอย่างประจบ “ไม่ทราบท่านประธานเซียวมานี่มีธุระอะไรหรือครับ?” เซียวจิ่งสือก็พูดอย่างไม่วกวนอ้อมค้อมอีก “ผมอยากให้ไป๋เจี๋ยอยู่ต่อ คุณคงไม่ถือสากระมัง?”
ผู้กำกับแอบเหงื่อตก! นึกในใจว่า เขาคงไม่กล้าขัดใจท่านประธานเซียว ได้แต่พูดตามน้ำว่าในเมื่อท่านประธานเซียวพูดเช่นนี้ เขาก็คงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก เกรงว่าให้เธออยู่ต่อจะถูกคนติฉินนินทาเอาได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดจะให้เธออยู่ต่อ แต่สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ก็ไม่ชวนให้คนมีความประทับใจที่ดีสักเท่าไรนี่นา แถมเรื่องนั้นเข้าอีก! เกรงว่า…
เรื่องนี้คุณไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้ คุณแค่ให้ไป๋เจี๋ยอยู่ต่อก็พอเรื่องอื่นผมรับผิดชอบเอง ถึงตอนนี้ผู้กำกับก็เข้าใจแล้ว นึกในใจว่าที่แท้ไป๋เจี๋ยก็ยอมเป็นเมียเก็บนี่เอง! เธอกลับเข้ากองถ่าย มีหลายคนพูดลับหลังเธอว่า “เป็นเด็กเส้นมันจะแน่แค่ไหนกัน? ไม่รู้จักสำนึกว่าตัวเองทำเรื่องอะไรไว้บ้าง…”
ผู้กำกับก็ได้ยินคำพูดนินทาของคนพวกนี้ จึงเรียกพวกเขามาสั่งสอนให้พวกเขาพูดน้อยๆ หน่อย ถึงยังไงคนที่หนุนเธอก็เป็นหนึ่งในผู้ลงทุนหนังเรื่องนี้ เป็นคนที่จะล่วงเกินไม่ได้เลย
ไป๋เจี๋ยพอมีคนหนุนหลังก็ทำตามแต่ใจตัว ถึงขนาดข่มขู่ผู้กำกับให้ปรับแก้บทของเธอ ถ้าไม่แก้จะฟ้องท่านประธานเซียว
ผู้กำกับก็จำยอม ต้องทำเพื่อรักษาชามข้าวตัวเอง ไม่กล้าล่วงเกินไป๋เจี๋ยจึงยอมตามใจเธอ บทหนังเดิมไม่เหมาะกับบุคลิกเธอ และเธอก็สวมบทได้ไม่ค่อยดีนัก ได้แต่แข็งใจแสดงเท่านั้น อีกทั้งเรื่องที่มีข้อพิรุธจุดบกพร่องมากมายนี้ช่างทำความลำบากใจให้ผู้กำกับนัก แต่พอนึกถึงคนหนุนหลังเธอก็ไม่กล้าล่วงเกิน…ได้แต่ปรับแล้วปรับอีกจนมั่วไปหมด สุดท้ายเธอรำคาญขึ้นมา กลับคิดจะประท้วงซะงั้น! บอกว่าไม่แสดงแล้ว ช่างสร้างปัญหาหนักให้กองถ่ายซะจริง! บทที่เธอเสนอให้ปรับนั้นเป็นแค่เรื่องล้อกันเล่นสนุกๆ? ผู้กำกับนึกอย่างเยาะหยัน…
ผู้กำกับนึกในใจว่า เจอเข้ากับคนแบบนี้ เขาช่างซวยซับซวยซ้อนอภิมหาซวยเลย! ทนๆ เอาเถอะ ผู้กำกับบากหน้าไปง้อไป๋เจี๋ยกลับมาถ่ายต่อ ถึงยังไงก็ถ่ายมาครึ่งทางแล้ว จะแก้อีกคงเข้าฉายไม่ทันกำหนดการเดิมแน่ ความเสียหายนี้อะไรก็ชดเชยไม่ได้
ไป๋เจี๋ยยิ่งหลงระเริง เข้าใจว่าตัวเองมีคนหนุนหลังยิ่งใหญ่ จึงสร้างปัญหาน่าปวดหัวให้ผู้กำกับและคนในกองถ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่บอกว่าตัวเองไม่สบายก็บอกว่ามีปัญหานั่นนี่ขอผัดผ่อนเลื่อนการถ่ายทำ แต่ผู้กำกับรอไม่ได้แล้ว เพราะต้องปิดกล้องให้เสร็จทันกำหนดฉาย สุดท้ายผู้กำกับทนไม่ไหวโทรหาท่านประธานเซียว…
“สวัสดีครับ” “ท่านประธานเซียวหรือครับ?” ผู้กำกับไม่สนใจฟังเสียงตอบรับจากปลายสาย เขาพูดโพล่งออกมาอย่างโมโหว่า เด็กของคุณกองถ่ายเราเอาไว้ไม่ไหวแล้ว! เลขาวางสายไปโดยไม่ได้พูดอะไรเลย
เลขายิ้มออกมา อย่างไม่คิดอะไรมาก เข้าใจว่าผู้กำกับแค่พูดล้อเล่นจึงไม่ได้แจ้งเรื่องกับเซียวจิ่งสือทันที แต่รอจนเขาประชุมเสร็จแล้วค่อยบอกเรื่องนี้กับเขา พอเขาบอกว่าไป๋เจี๋ยก่อเรื่องแล้ว ทำให้ผู้กำกับโกรธมาก เซียวจิ่งสือให้โทรกลับไปบอกว่า ทางเราไม่มีปัญหาอะไร พวกคุณจะทำอะไรก็ตามใจเลย…