ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 573 ปรมาจารย์หงกวง
บทที่ 573 ปรมาจารย์หงกวง
บทที่ 573 ปรมาจารย์หงกวง
ป้ายที่จักรพรรดิชรามอบให้เจ้าฉีย่อมเป็นประหนึ่งของวิเศษ ไม่ว่าจะเป็นตอนออกจากเมืองหรือว่าเข้าไปยังสวนด้านหลังของวัด มันถึงขั้นไม่มีใครกล้าขัดขวาง
ภายใต้การนำทางของนักบวชคนเดิม ทุกคนจึงได้เดินชมสวนด้านหลังจนกระทั่งมาถึงบริเวณข้างห้องแห่งหนึ่ง
“กึก กึก กึก!” นักบวชรูปนั้นเคาะประตูอยู่หลายครั้ง
“เจ้าอาวาส แขกผู้มีเกียรติเหล่านี้มาที่นี่เพื่อขอพบปรมาจารย์หงกวงขอรับ” นักบวชคนนั้นยืนหน้าประตูพร้อมเอ่ยอย่างนอบน้อม
ภายในห้องเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง จากนั้นน้ำเสียงที่สงบนิ่งจึงตอบกลับมา
“เชิญพวกเขาเข้ามา”
นักบวชรูปนั้นเปิดประตูก่อนจะบอกกับกลุ่มคน “ขอเชิญทุกท่านด้านใน”
อู๋ฝานและคณะเดินเข้าไปข้างใน
เมื่อเข้ามาในห้อง พวกอู๋ฝานจึงได้พบสองชายชราในชุดนักบวชสีเทานั่งขัดสมาธิบนแผ่นรองนั่ง สายตาของทั้งสองกำลังมองมายังกลุ่มคน
“คารวะเจ้าอาวาสและปรมาจารย์หงกวง” เจ้าฉีทักทายคนทั้งสอง
พวกอู๋ฝานจึงต้องร่วมทำความเคารพตามไปด้วย
“ท่านนี่เอง” หนึ่งในชายชรามองเจ้าฉีก่อนจะเผยยิ้มออกมา “หลายปีก่อนข้าเคยพบท่านในวัง ไม่นึกว่าวันนี้จะได้เจอที่นี่อีกครั้ง”
“ปรมาจารย์หงกวงจดจำผู้น้อยได้ด้วยหรือ?” เจ้าฉีเผยความยินดีแสดงออกมา
“ข้าย่อมจำได้” ชายชราตอบรับ “เหตุใดวันนี้จึงมาพบข้ากัน?”
“ข้าต้องการขอให้ท่านปลุกเสกเทวรูปเพื่อ… เพื่อนำไปสักการะให้บิดาข้า เมื่อได้ยินว่าวันนี้ปรมาจารย์อยู่ที่นี่ ข้าจึงต้องการรบกวนท่านปรมาจารย์” เจ้าฉีตอบกลับ
ชายชราที่ได้ยินคำพูดของเจ้าฉีราวกับประหลาดใจไปชั่วครู่ จากนั้นจึงมองทางด้านอู๋ฝานและคณะจนราวกับเข้าใจเรื่องราวขึ้นมา
แต่เมื่อมองไปยังอู๋ฝาน ชายชรากลับต้องชะงัก สีหน้าท่าทีในยามนี้ทั้งสับสนระคนประหลาดใจ
“ข้าได้ยินเรื่องบิดาของท่านแล้ว เรื่องการปลุกเสกเทวรูปไม่ใช่ปัญหาแต่ประการใด” ชายชราถอนสายตาจากอู๋ฝานก่อนจะไปกล่าวกับเจ้าฉี
“ขอบคุณปรมาจารย์หงกวงขอรับ” เจ้าฉีเอ่ยด้วยความยินดี
ด้านหลังชายชรา หรือก็คือเจ้าอาวาสตามที่เจ้าฉีเรียก เขาขอให้นักบวชรูปหนึ่งนำเทวรูปมาให้ จากนั้นภายใต้สายตาของอู๋ฝานและคณะ เขาจึงเริ่มบริกรรมคาถาเพื่อปลุกเสกเทวรูป
หลังบริกรรมคาถาปลุกเสก ปรมาจารย์หงกวงจึงส่งเทวรูปให้กับเจ้าฉี
“ขอขอบคุณท่านปรมาจารย์ขอรับ” เจ้าฉีตอบรับด้วยความนอบน้อม
เมื่อได้รับเทวรูป อู๋ฝานและคณะเตรียมจะเดินทางกลับ แต่ตอนนี้เองที่ปรมาจารย์หงกวงมองอู๋ฝานพร้อมเอ่ยขึ้น “ข้าขอสอบถามนามของผู้ศรัทธาท่านนี้ได้หรือไม่?”
“อู๋ฝานขอรับ” อู๋ฝานแม้สับสนทว่าก็ยังตอบรับ เนื่องจากไม่ทราบว่าปรมาจารย์ผู้นี้มีเรื่องใดต้องการสนทนา
“ผู้ศรัทธาอู๋ต้องการเทวรูปด้วยหรือไม่?” ปรมาจารย์หงกวงเอ่ยถาม
อู๋ฝานพลันรู้สึกประหนึ่งเจอเซลส์แมนขายตรงที่หน้าประตูบ้าน เนื่องจากเขาไม่ได้เชื่อถืออะไรในปรมาจารย์คนนี้ ดังนั้นเขาจึงมองว่าอีกฝ่ายไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาผู้หนึ่ง
“ไม่ขอรับ” อู๋ฝานปฏิเสธไปตามตรง
“ข้า…” ขณะอู๋ฝานกำลังจะบอกว่าตนเองแน่ใจ แต่ทันใดนี้เองที่เกิดนึกถึงระบบศรัทธาที่เพิ่งเปิดทำงานเมื่อไม่นานมานี้ ที่ดินศักดินาของเขาจำเป็นต้องมีเทวรูปเพื่อรับการสักการะบูชาไม่ใช่หรือ?
เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนใจ “ข้าขอเทวรูปองค์หนึ่งด้วยขอรับ”
“ข้าจะทำให้ผู้ศรัทธารูปหนึ่งก็แล้วกัน” ปรมาจารย์หงกวงตอบกลับ
ทำให้?
เดิมตอนที่ปรมาจารย์หงกวงเอ่ยถึงเรื่องเทวรูปขึ้นมา อู๋ฝานคิดว่าอีกฝ่ายพยายามจะขายตรงหรืออะไรทำนองนั้น แต่ตอนนี้เหมือนว่าจะไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว
แต่สิ่งที่ทำอู๋ฝาน เจ้าฉี และคนอื่นต้องประหลาดใจ คือการที่หลังปรมาจารย์หงกวงเอ่ยคำจบ อีกฝ่ายกลับไม่ได้ขอให้นักบวชรูปอื่นนำเทวรูปมาปลุกเสก แต่นำเอามีดแกะสลักออกมาพร้อมไม้ท่อนหนึ่ง
“สิ่งที่เรียกว่าการแกะสลักคืองานฝีมือที่ต้องใช้เวลาและกลั่นกรองออกมาจากใจ…” ปรมาจารย์หงกวงเมินเฉยสายตาประหลาดใจของผู้คน ขณะเริ่มใช้มีดแกะสลักทำการแกะสลักไม้ในมือพลางบริกรรมคาถาไปด้วย
เจ้าฉีและผู้อื่นไม่อาจเข้าใจว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับปรมาจารย์หงกวง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายกล่าวแล้วพวกเขาก็ทำได้เพียงแค่รับฟัง
แต่ไม่ใช่กับอู๋ฝาน!
เพราะตอนที่ปรมาจารย์หงกวงเริ่มแกะสลักและบอกเล่าออกมา เสียงจักรกลอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง
[ขอแสดงความยินดีที่ท่านได้รับวิชาจากปรมาจารย์หงกวง ผู้เป็นปรมาจารย์แห่งการแกะสลัก ท่านได้เรียนรู้วิชาแกะสลัก ระดับวิชาแกะสลักของท่านพัฒนาขึ้นเป็นระดับสูง]
เรียนรู้ทักษะใหม่กันตรงนี้เลยงั้นเหรอ?
อู๋ฝานมองปรมาจารย์หงกวงด้วยสายตาประหลาดใจ เมื่อครู่เขายังคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะขายตรงให้ตนเองด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับต้องเปลี่ยนแปลงความคิดเสียใหม่
อีกฝ่ายไม่เพียงเข้าถึงคุณธรรมและเมตตาธรรมแห่งศาสนา แต่ยังเป็นถึงปรมาจารย์แกะสลัก มันไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาทั่วไปจะก้าวไปถึงได้ง่าย ๆ
ทว่าที่ทำอู๋ฝานประหลาดใจ คือการที่อีกฝ่ายและตัวเขาคือคนแปลกหน้าต่อกัน กระนั้นอีกฝ่ายกลับเสนอตัวสอนวิชาให้แก่เขาราวกับตั้งใจเอาไว้แล้ว
จนกระทั่งเกือบหนึ่งเค่อให้หลัง ปรมาจารย์หงกวงจึงแกะสลักเสร็จสิ้น จากท่อนไม้ธรรมดา ตอนนี้ได้กลายเป็นรูปมนุษย์ขึ้นมา
“นี่อู๋ฝาน มันดูเหมือนเจ้าเลยนะ” เจ้าฉีมองรูปสลักในมือของปรมาจารย์หงกวงพลางเอ่ยออกมา
“เหมือนในความหมายของเจ้าคืออะไร? นั่นมันข้าแล้ว” อู๋ฝานถึงกับพูดไม่ออก แม้ไม่ทราบว่าเพราะอะไรปรมาจารย์หงกวงถึงแกะสลักรูปของตนเองขึ้นมา แต่เขามั่นใจว่ารูปสลักนั้นคือตนเองไม่มีผิดเพี้ยน
“ผู้ศรัทธาคิดเห็นอย่างไร?” ปรมาจารย์หงกวงส่งรูปสลักให้อู๋ฝานพลางถาม
“ฝีมือของปรมาจารย์ยอดเยี่ยมขอรับ รูปสลักนี้เหมือนมีชีวิตไม่มีผิด” อู๋ฝานตอบกลับ ผลงานของตัวตนระดับปรมาจารย์มีหรือจะใช่ของที่จบแค่คำว่ายอดเยี่ยม?
“แต่ …ปรมาจารย์บอกว่าจะให้เทวรูปแก่ข้าไม่ใช่หรือขอรับ? ไฉน…” ชายหนุ่มที่รับรูปสลักมาแล้วยังอดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัย
“เทวรูปไม่เหมาะกับตัวท่าน นี่จึงเป็นของที่ท่านต้องการ” ปรมาจารย์หงกวงตอบรับด้วยอาการสงบ
ขณะนี้เองที่อู๋ฝานรู้สึกว่าปรมาจารย์หงกวงช่างมีท่าทีคล้ายคลึงกับชายชราที่มากินอาหารมื้อใหญ่จากร้านของเขา จนสุดท้ายทำให้ตัวเขาได้มาเยือนยังโลกแห่งนี้ มันให้ความรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นเทพเซียนอย่างไรอย่างนั้น
“หงกวง ยังมีคนอีกมากรอจะพบเจ้าเพื่อรับฟังคำสั่งสอน ไปกันเถอะ” ขณะนี้เองที่เจ้าอาวาสแห่งวัดหงอวี่เอ่ยกับปรมาจารย์หงกวง
“ทราบแล้วขอรับ” ปรมาจารย์หงกวงพยักหน้าตอบและลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงกล่าวกับอู๋ฝานอีกครั้ง “ผู้ศรัทธา ข้าเชื่อว่าพวกเรามีโชคชะตาที่จะได้พบกันอีกครั้ง”
“ยินดีที่ได้พบปรมาจารย์ขอรับ” อู๋ฝานตอบรับอย่างนอบน้อม
“พวกเราก็กลับกันดีกว่า” หลังเจ้าอาวาสและปรมาจารย์หงกวงออกไปแล้ว เจ้าฉีจึงเอ่ยขึ้น
“ไปกัน” อู๋ฝานพยักหน้ารับ
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงเดินกลับจากสวนด้านหลังเพื่อออกไปยังนอกวัด
ขณะอู๋ฝานใช้วิชาตรวจสอบกับรูปสลักที่ได้รับมา มันถึงขั้นทำให้เขาต้องประหลาดใจอย่างล้นเหลือ
[รูปสลักนิรนาม ระดับอำพัน รูปสลักที่ปรมาจารย์แกะสลักหงกวงทำขึ้น มีผลในการเพิ่มสมาธิและความสงบของจิตใจ ทักษะประจำไอเทม : คงกระพัน หลังใช้งานจะสามารถต้านทานการโจมตีใดก็ตามที่ไม่สูงเกินกว่าตนเองสองขอบเขต ระยะเวลาส่งผลสิบวินาที]
มันถึงขั้นเป็นไอเทมระดับอำพัน!
อู๋ฝานตื่นตกใจ เพราะไม่คาดว่ารูปสลักที่อีกฝ่ายให้มาไม่เพียงจะเป็นของใช้งาน แต่ยังเป็นถึงไอเทมระดับอำพัน แม้เป็นของที่มีทักษะติดมาเพียงแค่หนึ่งรายการ แต่มันกลับเป็นทักษะอันยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าสามารถช่วยชีวิตในยามคับขันได้
‘สมกับเป็นปรมาจารย์แกะสลัก’ อู๋ฝานถึงกับต้องลอบถอนหายใจอยู่ในใจ