ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 563 คลี่คลายได้ยังไง
บทที่ 563 คลี่คลายได้ยังไง
บทที่ 563 คลี่คลายได้ยังไง
หลังวางสาย ทุกคนในห้องประชุมก็ยังคงมึนงง พวกเขาไม่ทราบว่าเพราะอะไรถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เมื่อวานอีกฝ่ายยืนยันชัดเจนแล้วว่าจะไม่ร่วมมือกับบริษัทของตระกูลเกิ่งอีกต่อไป แต่ผ่านพ้นไปหนึ่งวัน ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล ไม่เพียงเป็นฝ่ายขออภัยและขอความร่วมมือทางการค้าอีกครั้ง แต่ยังเสนอเงื่อนไขมอบผลกำไรเพิ่มขึ้นให้ด้วย
และไม่นาน สายโทรเข้าก็ดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางกลุ่มคนที่ยังสับสนงงงวย
โทรศัพท์พ่อของเกิ่งหย่าเฟยยังคงดังต่อเนื่อง จนทุกคนได้สติและต้องมองเพราะมันยังคงอยู่บนโต๊ะ ชื่อของผู้ที่โทรเข้ามาเป็นลูกค้ารายใหญ่อีกคนหนึ่งของบริษัทตระกูลเกิ่ง
ด้วยเหตุผลบางประการ ขณะพ่อของเกิ่งหย่าเฟย พ่อของหลี่ปิง และเหล่าผู้ถือหุ้นที่เห็นผู้โทรเป็นบริษัทลูกค้า ในใจของพวกเขาถึงกับเต้นรัวเร็ว พร้อมกับเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมา
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยไม่รอช้า ตอนนี้รีบรับสายโทร ทว่ามือลื่นจนเผลอไปกดเสียงออกลำโพง
ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ จึงเป็นเหตุให้ทุกคนได้ยินคำขอโทษจากปลายสาย จากนั้นจึงเอ่ยขอร่วมมือทางการค้ากับบริษัทตระกูลเกิ่งอีกครั้ง รวมถึงตัดสินใจมอบผลกำไรที่เพิ่มมากขึ้นเป็นการแสดงความจริงใจ
เนื้อหาเหมือนกับสายโทรก่อนหน้านี้ไม่มีผิดเพี้ยน!
เมื่อวางสายไปอีกครั้ง ทุกคนก็เหม่อมองขณะจิตใจเริ่มครุ่นคิดไปไกล
ช่วงสิบนาทีถัดมา โทรศัพท์พ่อของเกิ่งหย่าเฟยยังคงดังไม่ขาด ทุกสายเป็นทั้งลูกค้าและผู้ผลิตที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธร่วมมือกับบริษัท จุดประสงค์ที่พวกเขาโทรมาครั้งนี้ล้วนเหมือนกันทั้งหมด นั่นคือการขออภัยพ่อของเกิ่งหย่าเฟย และขอให้กลับมาร่วมมือกันอีกครั้งหนึ่ง
ทุกสายโทรที่พ่อของเกิ่งหย่าเฟยรับต่างก็เปิดเสียงออกลำโพง ดังนั้นทุกคนจึงได้ยินเนื้อหาทุกการโทรอย่างชัดเจน
“นี่มัน… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลังวางสายจากลูกค้าอีกคนหนึ่ง พ่อของเกิ่งหย่าเฟยก็อดไม่ได้จนต้องอุทานออกมา
มันเป็นประเด็นที่ทุกคนในที่นี้ต่างเกิดความสงสัย พวกเขาที่อยู่ที่นี่ต่างก็ทราบดีว่าบริษัทตระกูลเกิ่งกำลังเผชิญกับวิกฤติอะไร ดังนั้นพวกเขาจึงฉงนใจว่าเพราะอะไรเวลานี้ถึงเกิดความเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันอีกครั้ง
“พ่อ อู๋ฝานเพิ่งบอก…” เกิ่งหย่าเฟยที่ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยขึ้นมา
ตอนนี้เองที่ทุกคนเกิดนึกถึงตอนที่อู๋ฝานโทรหาเกิ่งหย่าเฟยก่อนหน้านี้ และกล่าวว่าจัดการเรื่องราวเรียบร้อยแล้ว ครั้งนั้นไม่มีใครเชื่อ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนี้คงไม่อาจหาคำอธิบายอื่นใดได้อีกแล้ว
การที่คนเหล่านั้นเปลี่ยนแปลงท่าทีอย่างมหาศาล ทั้งหมดเป็นเพราะอู๋ฝาน?
“หย่าเฟย ไว้เดี๋ยวติดต่อหาอู๋ฝานและถามเขาว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น ถ้าเรื่องนี้เป็นฝีมือของเขาจริง พวกเราก็ควรต้องขอบคุณเขาให้เรียบร้อย” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยเอ่ยขึ้นมา
“ได้เลยค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยพยักหน้ารับ
“คะ… คุณลุง โทรศัพท์ครับ” ตอนนี้เองที่หลี่ปิงผู้ซึ่งชิงโทรศัพท์มาวางบนโต๊ะตอนแรก กำลังเผยสีหน้าลำบากใจและประหม่าส่งโทรศัพท์กลับคืนให้พ่อของเกิ่งหย่าเฟย
“เหอะ!” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยแค่นเสียงตอบคำกลับ “อย่ามาเรียกฉันว่าลุง ฉันไม่มีหลานอย่างแก!”
สีหน้าและท่าทีอับอายของหลี่ปิงยิ่งหนักหนาขึ้นไปอีก เขาไม่คาดมาก่อนว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ ดังนั้นปัจจุบันจึงรู้สึกเสียใจแทบตาย
“ลูกพี่เกิ่ง ผม…” พ่อของหลี่ปิงอ้าปากคิดจะคลี่คลายความสัมพันธ์ที่แตกร้าวไปก่อนหน้านี้
“ไม่ ฉันไม่มีน้องอย่างแก!” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยตอบกลับ “ฉันคนนี้อยู่มานานขนาดนี้แล้วจะมองอะไรดีชั่วไม่ออกเลยรึยังไง? ตอนตระกูลเกิ่งของฉันประสบปัญหา พวกแกเคยทำอะไรบ้างไหม?”
แม้จะยังไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าวิกฤติได้รับการคลี่คลายแล้ว ขณะนี้พ่อของเกิ่งหย่าเฟยสามารถหายใจได้ทั่วท้องและโล่งอก ไม่แปลกหากจะเกิดความเกลียดชังต่อกลุ่มคนที่ทรยศตนเองในยามคับขัน
“ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ” พ่อของหลี่ปิงตอบกลับมาอย่างกระดากใจ
“ฉันไม่ใช่คนโง่ที่ตามืดบอด!” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยตอบกลับ “ออกไปกันได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกแก”
“แก!…” พ่อของหลี่ปิงพลันเกิดโทสะ “พวกเราเองก็เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท จะมาไล่กันอย่างนี้ไม่ได้!”
“พวกแกทุกคนรวมกันยังมีหุ้นไม่เท่าฉันด้วยซ้ำไป” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยตอบกลับ “ฉันคือคนที่มีอำนาจที่สุด!”
พ่อของหลี่ปิงและคนอื่นต่างพูดไม่ออกและไม่อาจปฏิเสธ เพราะมันคือเรื่องจริง
“คนแซ่เกิ่ง รอก่อนเถอะ เรื่องนี้มันไม่จบแค่นี้แน่!” พ่อของหลี่ปิงหยุดเสแสร้ง เขาทราบดีว่าเพราะเรื่องราวก่อนหน้า ความสัมพันธ์ที่เคยมีตลอดหลายปีกับพ่อของเกิ่งหย่าเฟยได้ขาดสะบั้นลงแล้ว ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดสุภาพหรือหยาบคายก็ไม่ต่างกัน
พ่อของหลี่ปิงและพรรคพวกออกจากบริษัทกันไป
นอกบริษัท กลุ่มผู้ถือหุ้นกำลังมารายล้อมพ่อของหลี่ปิง
“กรรมการหลี่ ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงกันดี? มีความคิดอะไรไหม!”
“ใช่แล้วกรรมการหลี่ พวกเรามาเพราะเชื่อคำที่คุณชี้แนะนะ ตอนนี้เรื่องเป็นแบบนี้คุณต้องรับผิดชอบ!”
“รับผิดชอบ? จะให้ฉันรับผิดชอบอะไร!? ถ้าพวกแกไม่โลภมากมีเหรอจะยอมคล้อยตามมากับฉัน?!” พ่อของหลี่ปิงตอบโต้อย่างเดือดแค้น “หยุดรบกวนฉันได้แล้ว น่ารำคาญ คุยกับคนโลภอย่างพวกแกมีแต่จะเสียเวลา”
จบคำ พ่อของหลี่ปิงก็นำลูกชายเดินทางกลับไป
“กรรมการหลี่ คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”
“หยุดแล้วพูดมาให้ชัด อย่าคิดว่าจะปล่อยให้เรื่องค้างคาแบบนี้ได้!”
หุ้นส่วนอีกหลายคนไล่ตามไปถามความจากพ่อของหลี่ปิง ทว่าอีกฝ่ายกลับเอาแต่เดินนำไปด้วยฝีเท้าที่เร็วมากขึ้น
ในช่วงเย็น เกิ่งหย่าเฟยจึงได้พบอู๋ฝานที่ร้านโลกในแหวนอีกครั้ง ขณะเดียวกันนั้นหวังจื่อหมิงและคนอื่นก็อยู่ด้วย
ทุกคนในเจียงโจวค่อนข้างให้ความสนใจกับการที่อู๋ฝานเดินทางไปวังเมฆาสีชาดพร้อมกับสวีอี้ซาน และพวกเขากำลังรอข่าวคราวถัดไป ขณะนี้ชายหนุ่มกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว พวกหวังจื่อหมิงจึงรีบมาเจอถึงที่ทันที
“บอกฉันทีสิว่านายจัดการเรื่องนี้ได้ยังไง?” หลังหวังจื่อหมิงนั่งลงได้ไม่นานก็ไม่อาจอดใจรอถามได้
“ใช่แล้วอู๋ฝาน รีบบอกพวกเราเร็วเข้า!” เกิ่งหย่าเฟยร่วมด้วยช่วยเร่งเร้า
“ก็ไม่ได้มีอะไรมากครับ” อู๋ฝานเผยยิ้มบาง ๆ ตอบรับ “ผมไปยังที่ตั้งสำนักของวังเมฆาสีชาด เจอกับคนที่สามารถพูดคุยด้วยได้ บอกข้อเท็จจริงและเหตุผลให้พวกเขาฟัง สุดท้ายพวกเขาก็เข้าใจว่าทำผิดไป ตอนนี้ก็เลยกำลังทำให้มันถูกต้องตามที่ควรเป็น”
“ใครจะเชื่อ!” หวังจื่อหมิงตอบกลับ “วังเมฆาสีชาดมีนิสัยยังไง คิดว่าทุกคนในเจียงโจวไม่รู้งั้นเหรอ? คนอย่างพวกนั้นไม่มีทางแค่พูดคุยแล้วจบเรื่องแน่ บอกฉันมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
เกิ่งหย่าเฟย หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ และคนอื่นต่างก็แสดงออกว่าไม่เชื่อคำพูดของอู๋ฝาน
“ก็ได้ครับ” อู๋ฝานเผยยิ้มอย่างจนใจ “บอกตามตรง …มันก็เรียบง่าย เจ้าวังของพวกเขาตายแล้ว ผมเลยช่วยพวกเขาแต่งตั้งเจ้าวังคนใหม่ แค่นั้นเรื่องราวก็คลี่คลายแล้วครับ”
“…นี่คุณฆ่าเมิ่งข่าย?” หลิ่วเหยียนเอ๋อร์เอ่ยถาม
“ใช่ครับ” อู๋ฝานพยักหน้าตอบรับ “พูดให้ถูกต้องคือผมไม่ได้ฆ่าด้วยมือตัวเอง ผมไม่ได้ฆ่าใครในวังเมฆาสีชาดเลยด้วยซ้ำ”
ทุกคนกำลังสับสน พวกเขาไม่ทราบว่าอู๋ฝานหมายความว่าอะไร ทั้งที่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเดินทางไปวังเมฆาสีชาดเพียงลำพัง ทว่าเมิ่งข่ายไม่ได้ถูกเขาลงมือสังหาร แต่ว่าเป็นคนอื่น
แต่ก็เห็นได้ชัดว่าอู๋ฝานไม่มีความคิดอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก แม้ทุกคนสงสัย พวกเขาก็ยากจะทราบเรื่องราวอย่างละเอียด