ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 556 ช่วยเหลือ
บทที่ 556 ช่วยเหลือ
บทที่ 556 ช่วยเหลือ
“ฮ่า!”
“ฆ่า!”
“ตึง!”
…
ที่ลานกว้างของวังเมฆาสีชาดปรากฏเพียงเสียงการปะทะระหว่างหม่าฉางหมิงและทหารราชสำนัก เหล่าศิษย์ของวังเมฆาสีชาดต่างมองด้วยท่าทีเงียบงันและสีหน้าตื่นตะลึง
ทางด้านเมิ่งข่ายก็เช่นกัน!
ไม่มีใครคาดคิดว่าหม่าฉางหมิงหนึ่งในห้าผู้อาวุโสสำนักในแห่งวังเมฆาสีชาดจะไม่อาจเอาชนะ ‘ลูกน้อง’ ที่อู๋ฝานเรียกออกมาได้ ไม่เพียงไม่อาจเอาชนะ แต่ขณะต่อสู้ หม่าฉางหมิงเริ่มเชื่องช้าลงจนเสียเปรียบ และสุดท้ายถูกคู่ต่อสู้สยบเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์
มันเป็นไปได้ยังไง?!
ชายชราคือผู้อาวุโสสำนักใน ทั้งสำนักมีเพียงห้าคน คนหนึ่งต่อสู้จนบาดเจ็บหนักและนอนอยู่บนพื้นให้ได้เห็น แล้วทางด้านอู๋ฝานเล่า? ลูกน้องที่อีกฝ่ายเรียกเหล่านี้ยังมีอีกถึงสิบเก้าคน!
หากทุกคนแข็งแกร่งทัดเทียมคนที่กำลังต่อสู้กับหม่าฉางหมิง เช่นนั้นกำลังรบโดยรวมจะน่าสะพรึงถึงเพียงใด?
เมิ่งข่ายเริ่มขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้แม้รู้สึกว่าออร่าของคนเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะถึงขนาดหม่าฉางหมิงไม่อาจเอาชนะได้ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรชายชราก็เป็นยอดฝีมือแห่งสำนักคนหนึ่ง หากลูกน้องที่อู๋ฝานเรียกมาราวไม่ได้มีค่าอะไรยังไม่อาจเอาชนะ มันก็ออกจะเป็นเรื่องที่เกินไปมาก
เรื่องที่เมิ่งข่ายคิดไม่ได้เกิดขึ้น เพราะที่ปรากฏให้เห็นในเวลานี้คือหม่าฉางหมิงที่กำลังโดนอีกฝ่ายสยบ ในความเห็นของเมิ่งข่าย หม่าฉางหมิงจะพ่ายแพ้เมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
อู๋ฝานเป็นใครกันแน่? เพราะอะไรข้างกายถึงมียอดฝีมืออยู่มากมายขนาดนี้?
สายตาแห่งความสงสัยของเมิ่งข่ายไปหยุดอยู่ที่ร่างของอู๋ฝาน ชายหนุ่มคนที่เขาไม่ได้ใส่ใจในตอนแรก ขณะนี้กลับเผยความแข็งแกร่งเกินกว่าที่คาดเอาไว้ออกมา
จำเป็นต้องลงมือเองอย่างนั้นเหรอ?
ตอนนี้หม่าฉางหมิงก็ตื่นตระหนกตกใจไม่แพ้ผู้ใด กระทั่งว่าเมื่อประสบกับตนเองจึงตื่นตระหนกตกใจเสียยิ่งกว่าผู้อื่นซะด้วยซ้ำ เป้าหมายเดิมของเขาคือการสังหารอู๋ฝาน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ แม้แต่ลูกน้องของอีกฝ่ายเขายังไม่อาจเอาชนะ มันนับเป็นความเสื่อมเสีย หลังนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ที่ดูแคลนอีกฝ่ายและมองเรื่องราวในปัจจุบัน มันกลายเป็นตนซะเองที่อวดดีไม่รู้ความ
หม่าฉางหมิงผู้กำลังต่อสู้ย่อมเห็นสีหน้าของผู้อาวุโสสวีที่นอนอยู่กับพื้นผ่านปลายสายตา อีกฝ่ายกำลังเผยท่าทียิ้มเยาะมองมาอย่างไม่คิดปิดบัง
‘ไอ้สารเลวคนนั้นเห็นฉันเป็นตัวตลก! ตอนนี้มันคงดีใจมากเลยสินะ!’ หม่าฉางหมิงครุ่นคิดอยู่ในใจ และยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น
ทหารประจำราชสำนักแห่งอาณาจักรเหยียนเฟิงผู้กำลังต่อสู้กับหม่าฉางหมิง เมื่อเห็นอีกฝ่ายเสียสมาธิจึงเผยประกายในดวงตา ชั่วพริบตาอาศัยช่องโหว่ที่เกิดขึ้นแทงหอกออกไป ผลลัพธ์ที่ได้คือคู่ต่อสู้ไม่ทันตั้งตัวจนต้องเร่งร้อนถอย ปลายหอกนั้นแทงเข้าใส่บริเวณหัวไหล่
“ตึง!”
“แกร๊ก!”
หอกในมือทหารราชสำนักช่วงชิงความได้เปรียบในช่วงที่หม่าฉางหมิงเสียสมาธิ สุดท้ายก็เล่นงานอย่างหนักหน่วง ทุกคนในที่นี้ต่างได้ยินเสียงกระดูกแตกหักอย่างชัดเจน
“อ๊าก!”
หม่าฉางหมิงแผดเสียงร้องออกมา สีหน้าเริ่มซีดเผือด ย่างก้าวเริ่มยุ่งเหยิง กระทั่งว่าแทบไม่อาจถือกระบี่ไว้ในมือได้
หม่าฉางหมิงที่เดิมก็เสียเปรียบอยู่แล้ว ตอนนี้เกิดเรื่องผิดพลาดจึงยิ่งทำให้อับอาย
เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ หม่าฉางหมิงได้รับบาดแผลมากมายเต็มทั่วร่างกาย
“หยุด!”
เมื่อเห็นสถานการณ์ เมิ่งข่ายจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมา เห็นได้ชัดว่าหากยังปล่อยสถานการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ หม่าฉางหมิงคงตายด้วยคมหอกของคู่ต่อสู้
แต่คำพูดของเมิ่งข่ายไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ทหารราชสำนักราวกับไม่ได้ยินและยังคงโจมตีหม่าฉางหมิงด้วยหอกอย่างหนักมือและต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าไม่คิดเปิดโอกาสให้แม้แต่จะพักหายใจ
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เมิ่งข่ายตะโกนอีกครั้ง และครั้งนี้มันทั้งดังและทรงอำนาจยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้า
“อั่ก!”
ทว่าแทนที่จะหยุด ทหารราชสำนักกลับใช้โอกาสที่เกิดขึ้นแทงแขนของหม่าฉางหมิง ฝากบาดแผลที่ลึกจนเห็นถึงกระดูกไว้
“เจ้าวังเมิ่งอย่ารบกวนการต่อสู้เลย เขาจะไม่หยุดจนกว่าฉันจะเป็นคนออกปาก” อู๋ฝานบอกด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“บอกให้เขาหยุดเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้!” เมิ่งข่ายจ้องอู๋ฝานพร้อมพูดอย่างเย็นยะเยือก
“แล้วทำไมฉันต้องบอกล่ะ?” อู๋ฝานมองหม่าฉางหมิงพลางถามกลับ “ผู้อาวุโสหม่าคนนี้อยากจะเล่นงานฉัน คิดว่าเป็นเด็กเล่นกันรึไง? อยากจะเล่นก็เล่น อยากจะหยุดก็หยุดอย่างงั้นเหรอ?”
เมิ่งข่ายจ้องอู๋ฝาน ประกายโทสะในดวงตาของเขากำลังพลุ่งพล่าน
แต่ชายหนุ่มยังคงสงบนิ่งไม่ไหวติง สีหน้าก็สงบเหมือนตอนที่เพิ่งมาถึง
เมิ่งข่ายไม่มีทางเลือก เขาต้องส่งสัญญาณบอกให้ผู้อาวุโสที่เหลือต่อสู้ อย่างไรเขาก็เป็นเจ้าสำนัก เพราะสถานะตัวตนจึงไม่ยินดีจะลงมือกับลูกน้องของอู๋ฝานด้วยตนเอง
หลังได้รับสัญญาณจากเมิ่งข่าย หนึ่งในสามผู้อาวุโสที่ยังเหลือปรากฏตัวและพุ่งเข้าไปใจกลางพื้นที่ต่อสู้ ราวกับหวังว่าจะเข้าช่วยเหลือหม่าฉางหมิง
“คิดช่วยงั้นเหรอ? ฮ่า ฮ่า” หลังอู๋ฝานเห็นถึงกับต้องหลุดหัวเราะ
โดยไม่ต้องรอคอยคำสั่งของชายหนุ่ม หนึ่งในทหารราชสำนักสิบเก้าคนที่เหลือก็ทะยานออกมา เพื่อจัดการกับผู้อาวุโสสำนักในแห่งวังเมฆาสีชาดที่เพิ่งเข้าร่วมการต่อสู้
ทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้โรมรัน แม้ผู้อาวุโสคนนั้นจะยังไม่พ่ายแพ้ แต่การจะช่วยเหลือหม่าฉางหมิงนั้นไม่อาจเป็นไปได้
เมื่อเห็นดังนี้ ผู้อาวุโสสำนักในแห่งวังเมฆาสีชาดที่เหลืออีกสองคนจึงไม่กล้านิ่งเฉย ขณะนี้ต่างพร้อมใจกันบุกเข้าไป
ด้วยเหตุนี้ทหารราชสำนักทางฝั่งอู๋ฝานอีกสองคนจึงพุ่งตัวออกไปเข้าขัดขวางผู้อาวุโสทั้งสองที่เข้ามามีส่วนร่วม
สถานการณ์เริ่มคึกคักขึ้นมา ฝ่ายละสี่ สองฝ่ายรวมเป็นแปดจึงเริ่มต่อสู้กันอย่างหนักมือ เผชิญหน้าสถานการณ์นี้ เหล่าศิษย์ของวังเมฆาสีชาดต่างชะงักงันจนไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรดี
คนทั้งสี่ที่กำลังลงมืออยู่คือบรรดาผู้อาวุโสสำนักในแห่งวังเมฆาสีชาด ความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นรองเพียงแค่เจ้าวังเมิ่งข่าย ทว่าตอนนี้กลับกำลังต่อกรกับลูกน้องทั้งสี่จากทางฝั่งของอู๋ฝาน สภาพที่เห็นคือไม่ได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย มันเป็นอะไรที่พวกเขาไม่เคยนึกว่าจะได้เห็นมาก่อน
และที่ทำให้พวกเขายากจะยอมรับยิ่งกว่า คือการที่อู๋ฝานยังคงมีคนในชุดเกราะอีกสิบหกคนยืนหยัดเตรียมพร้อมลงมือ หากคนเหล่านี้มีกำลังทัดเทียมกับผู้ที่กำลังลงมือ เช่นนั้น…
อู๋ฝานไม่ได้ประหลาดใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ทหารประจำราชสำนักที่เรียกออกมาโดยป้ายอัญเชิญระดับอำพันแข็งแกร่งเทียบเท่าขอบเขตมืดขั้นสูงสุด หรืออาจจะสูงกว่าประมาณหนึ่งซะด้วยซ้ำ มันเทียบเท่ากับเหล่าผู้อาวุโสสำนักในแห่งวังเมฆาสีชาด และเพราะว่าเหล่าทหารประจำราชสำนักแข็งแกร่งเทียบเท่าจุดสูงสุดของขอบเขตมืดขั้นสูงสุด จนแทบจะแตะถึงขอบเขตแปรสภาพขั้นต้น เมื่อต่อสู้กับเหล่าผู้อาวุโสจะเกิดผลลัพธ์เช่นตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ
อู๋ฝานมองเมิ่งข่าย ตอนนี้สีหน้าของอีกฝ่ายกำลังเหยเกและดำมืด ราวกับความอดทนกำลังจะถึงขีดจำกัด
“ตึง!”
“อ๊าก!”
หม่าฉางหมิงที่ออกมาเป็นคนแรก ในที่สุดก็ไม่อาจทนต่ออาการบาดเจ็บที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นได้อีกต่อไป คู่ต่อสู้ของเขาลงมือจนทำให้ร่างล้มลงกับพื้นและยากจะลุกขึ้นได้อีก
“หยุด!”
ผู้ที่ตะโกนยังคงเป็นเมิ่งข่าย แต่ครั้งนี้ไม่ได้ทำเพียงตะโกน ทว่ายกกระบี่ของตนเองขึ้นหมายจะลงมือสังหาร