ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก - บทที่ 550 รอเดี๋ยว
บทที่ 550 รอเดี๋ยว
บทที่ 550 รอเดี๋ยว
“หย่าเฟย พ่อของฉันกับพวกคุณลุงต่างก็หวังดีกับบริษัทกันทั้งนั้น อย่าเข้าใจเจตนาของผู้หวังดีผิดไปล่ะ” หลี่ปิงแสร้งทำเป็นห่วงและกล่าวกับเกิ่งหย่าเฟย
วันนี้หลี่ปิงเองก็มาด้วย วันดีเช่นนี้เขาย่อมไม่พลาด
“ไปให้พ้น!” เกิ่งหย่าเฟยตอบกลับอย่างโกรธเคือง
ก่อนหน้านี้เกิ่งหย่าเฟยยังพอเห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเกิ่งและตระกูลหลี่ จึงยอมอดกลั้นกับหลี่ปิงเรื่อยมา แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว การที่ตระกูลเกิ่งเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ พ่อของหลี่ปิงจะต้องมีบทบาทครั้งใหญ่ในแผนการด้วยอย่างแน่นอน
เกิ่งหย่าเฟยตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า หลี่ปิงถึงกับเผยสีหน้าเหยเกออกมา รอยยิ้มที่เคยมีเลือนหายไป ก่อนจะชี้หน้าเกิ่งหย่าเฟยพร้อมเอ่ยอย่างโหดร้าย “เกิ่งหย่าเฟย ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นซะเถอะ ตอนนี้เธอเป็นคนไม่เหลืออะไรแล้ว คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเกิ่งอะไรนั่นไม่มีอีกต่อไป ตระกูลเกิ่งของเธอไม่เหลืออะไรแล้วทั้งนั้น! ทางที่ดีควรตอบกลับคำพูดของฉันให้สุภาพกว่านี้ ไม่งั้นอย่าคิดว่าตระกูลเกิ่งจะเหลือที่ยืนในเจียงโจว!”
ในอดีตหลี่ปิงมักจะเห็นแก่หน้าเกิ่งหย่าเฟยเสมอมา เพราะตอนนั้นตระกูลเกิ่งยังมีอำนาจเหนือกว่าตระกูลหลี่ หลี่ปิงจึงคิดที่จะครอบครองเธอเพื่อยึดทรัพย์สมบัติของตระกูลเกิ่ง ดังนั้นจึงยอมอดกลั้นแม้จะถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม
แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ตระกูลหลี่ฉวยโอกาสจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นและเข้ามาแทนที่ตระกูลเกิ่ง ดังนั้นหลี่ปิงจึงไม่จำเป็นต้องเห็นเกิ่งหย่าเฟยอยู่ในสายตาอีกต่อไป กระทั่งในมุมมองของเขาขณะนี้ หญิงสาวก็เปรียบเสมือนเหยื่อที่รอถูกเชือด ไม่มีความจำเป็นต้องเกรงใจแต่อย่างใด
เกิ่งหย่าเฟยมองหลี่ปิงพร้อมหายใจอย่างรุนแรงด้วยความโกรธ ทว่าไม่ได้เอ่ยคำใดต่อ
คำพูดของหลี่ปิงทำให้หญิงสาวหน้าชา แม้เธอจะโกรธ แต่ก็ทราบดีว่าตระกูลเกิ่งในเวลานี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ต่อให้ตนไม่คิดถึงตัวเองแค่ไหน ทว่าก็ยังจำเป็นต้องคิดถึงผู้เป็นพ่อและแม่
หลี่ปิงที่เห็นจึงยิ่งเผยท่าทีภูมิใจออกมา เพราะเกิ่งหย่าเฟยกำลังโกรธจัดแต่ไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้ ความทุกข์ที่เขาเคยต้องแบกรับ ขณะนี้กำลังผลักมันคืนไปให้เกิ่งหย่าเฟย
“ลูกพี่เกิ่งอย่าเสียเวลาอีกเลยครับ ลงนามในสัญญานี้ซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ลงนามเสร็จเมื่อไหร่ก็กลับไปใช้ชีวิตเกษียณอย่างสงบใจต่อ บอกตามตรง ผมล่ะนึกอิจฉาด้วยซ้ำที่จะได้ใช้ช่วงเวลาอันแสนสงบอยู่ที่บ้าน แต่พวกเราที่เป็นกระดูกแก่รุ่นสองยังคงต้องแบกรับงานกันต่อไป เรื่องของบริษัทลูกพี่ไม่ต้องกังวล” พ่อของหลี่ปิงเอ่ยกับพ่อของเกิ่งหย่าเฟย
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยเมินเฉยคำหวังดีทว่าแฝงความเย้ยหยันของอีกฝ่าย ขณะนี้เขาหยิบสัญญาขึ้นมาอ่านทวนเป็นครั้งสุดท้าย แน่นอนว่าอีกฝ่ายเสนอราคามาอย่างต่ำเตี้ย เป็นเพียงหนึ่งในสิบของมูลค่าที่ควรจะเป็น มันแทบไม่ต่างกับการเอาปืนมาจ่อปล้น
แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“ฉันจะเซ็น!” พ่อของเกิ่งหย่าเฟยคว้าปากกาขึ้นมาพร้อมเอ่ยคำอย่างหนักแน่น
พ่อของเกิ่งหย่าเฟยตบไหล่ลูกสาวเป็นการปลอบ ก่อนจะลงนามสัญญาฉบับนี้เขาก็ทราบดีอยู่แล้ว ทว่ามันเป็นสัญญาที่จะช่วยลูกสาวและครอบครัวเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่เหลือทางเลือกอื่นอีกต่อไปแล้ว
พ่อของหลี่ปิงและบรรดาหุ้นส่วนใหญ่ต่างมองด้วยอาการตื่นเต้น อีกเพียงอึดใจทรัพย์สินของพวกเขาก็กำลังจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เรื่องราวประหนึ่งเจอของลดราคาสุดแสนจะถูกในห้างสรรพสินค้าเช่นนี้ จิ้งจอกเฒ่าเช่นพวกเขาไม่อาจอดใจปิดซ่อนความรู้สึกได้ไหว
“รอเดี๋ยว!”
ขณะพ่อของเกิ่งหย่าเฟยกำลังจรดปากกาภายใต้สายตาเฝ้ามองของพ่อของหลี่ปิงและพรรคพวก ประตูห้องประชุมกลับถูกเปิดออกจากภายนอกอย่างรุนแรง พร้อมกับชายคนหนึ่งและหญิงสาวอีกสองคนที่เดินเข้ามา โดยฝ่ายชายเป็นผู้ที่เอ่ยขึ้น
“รอก่อน” อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“อู๋ฝาน คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?“
“อู๋ฝาน แกมาทำอะไร?”
เมื่อเกิ่งหย่าเฟยและหลี่ปิงเห็นบุคคลที่โผล่เข้ามา ทั้งสองก็เอ่ยถามขึ้นพร้อมกัน สีหน้าและท่าทีเวลานี้คือประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คาดคิดถึงเรื่องที่อู๋ฝานจะมาปรากฏตัวเพื่อขัดขวางอย่างกะทันหันเช่นตอนนี้
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะผม ดังนั้นผมถึงต้องมาครับ” อู๋ฝานมองเกิ่งหย่าเฟยพร้อมยิ้มบาง ๆ ให้ “เมื่อคืนคุณควรบอกให้ผมรู้นะครับ”
ส่วนทางด้านหลี่ปิง อู๋ฝานเมินเฉยประหนึ่งอากาศธาตุ
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณค่ะ” เกิ่งหย่าเฟยตอบกลับ “ทั้งหมดเป็นการตัดสินใจของฉันเองที่เลือกไปทานอาหารที่ร้านของคุณ ฉันไม่คิดว่าวังเมฆาสีชาดจะโหดเหี้ยมและไร้ยางอายถึงขนาดนี้ ดังนั้นคุณไม่ต้องรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะ”
“นายคืออู๋ฝาน?” พ่อของหลี่ปิงมองชายหนุ่มด้วยความสงสัยพลางถาม
เพราะการปรากฏตัวอย่างไม่ได้รับเชิญและไม่คาดฝัน ทำให้ทุกคนในห้องประชุมต่างมุ่งความสนใจมองมา อย่างไรแม้เกิ่งหย่าเฟยจะไม่ได้มีเจตนากล่าวโทษ แต่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นก็เพราะอู๋ฝาน ดังนั้นไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคนต้นเรื่อง
“ใช่” อู๋ฝานพยักหน้าตอบ
“อู๋ฝาน ลำพังตัวแกเองยังปกป้องไม่ได้ วังเมฆาสีชาดไม่มีทางปล่อยแกให้รอดชีวิตไป ตอนนี้คิดเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวของที่นี่อีกงั้นเหรอ?” หลี่ปิงเอ่ยคำถามขึ้นมาอย่างนึกเหยียดหยัน “ถ้ามีเวลา เอาเวลาที่มีไปคิดรับมือกับผู้อาวุโสจานเฮ่อก่อนเถอะ”
หลี่ปิงไม่ทราบ คนอื่นก็ยังไม่ทราบถึงความตายของหวงถิงเฟิงและจานเฮ่อ พวกเขาคงไม่คาดคิดด้วยซ้ำว่าจานเฮ่อจะตายอย่างกะทันหัน อีกทั้งความสนใจของพวกเขาต่างก็มุ่งมาที่บริษัทของตระกูลเกิ่งเพียงอย่างเดียว
“จานเฮ่อ?” อู๋ฝานหันไปมองหลี่ปิงพลางตอบกลับ “กำลังพูดถึงจานเฮ่อที่เป็นผู้อาวุโสของวังเมฆาสีชาดเหรอ ไอ้คนที่ตายไร้ค่าข้างถนนนั่นใช่ไหม?”
“ว่าอะไรนะ? ผู้อาวุโสจานเฮ่อตายแล้วเหรอ?” หลี่ปิงถามกลับด้วยอาการแตกตื่น ทุกคนในที่นี้ต่างแสดงอาการตระหนกตกใจกันออกมา
“ถ้าพูดถึงจานเฮ่อคนนั้น ก็คงต้องบอกว่าได้ยินไม่ผิด” อู๋ฝานตอบกลับเสียงเบา “มันตายแล้ว”
“นี่มัน!…”
ทุกคนในที่นี้ต่างเผยสีหน้าราวกับไม่คิดเชื่อสิ่งที่ได้ยิน หลี่ปิงตัดสินใจชี้หน้าอู๋ฝานพร้อมตะโกนขึ้น “เป็นไปไม่ได้! มันเป็นไปไม่ได้! ผู้อาวุโสจานเฮ่อจะตายได้ยังไง? แกต้องโกหกแน่!”
“คิดว่าโกหกรึเปล่า โทรไปถามใครสักคนก็รู้แล้ว” อู๋ฝานตอบกลับ “คิดว่าเรื่องนี้คงกำลังแพร่กระจายออกไปแล้วละมั้ง”
โดยไม่รั้งรอ พ่อของหลี่ปิงคว้าโทรศัพท์ออกมาต่อสายไปสอบถามเรื่องราว
ไม่นานพ่อของหลี่ปิงก็ต้องวางสายด้วยท่าทีงุนงง สายตามองอู๋ฝานด้วยความประหลาดใจและสับสน กระทั่งเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา
“พ่อ ว่ายังไงบ้างครับ? มันโกหกใช่ไหม?” หลี่ปิงเร่งร้อนถาม
“ไม่ …ที่เขาบอกออกมาคือความจริง” พ่อของหลี่ปิงตอบกลับเสียงแหบแห้ง “จานเฮ่อตายแล้ว หวงถิงเฟิงก็ตายแล้วเหมือนกัน!”
“อะไรนะ?!”
ทุกคนในที่นี้ต่างต้องตื่นตะลึงกันอีกครั้ง อู๋ฝานบอกว่าจานเฮ่อตายแล้ว ตอนแรกทุกคนยังเกิดข้อสงสัยและเคลือบแคลง แต่ขณะนี้เมื่อพ่อของหลี่ปิงยืนยันคำเดียวกันออกมาจึงไม่มีใครคิดสงสัยอีกต่อไป เพราะเขาคือคนที่ไม่มีเหตุผลให้ต้องโกหก
จานเฮ่อที่เป็นถึงผู้อาวุโสนอกสำนักของวังเมฆาสีชาดตายอย่างกะทันหัน? ไม่ว่าจะมองเรื่องนี้ยังไงก็ยากจะเชื่อ เพราะอีกฝ่ายคือผู้อาวุโสจากสำนักชั้นสอง เป็นบุคคลมีสถานะสูงส่งในเจียงโจว เพราะอะไรถึงตายอย่างกะทันหัน?
หลังทุกคนในที่นี้ตื่นตระหนก พวกเขาต่างก็หันมองทางอู๋ฝาน
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคือผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับความตายอย่างกะทันหันของจานเฮ่อ!