ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 139
ตอนที่ 139 จําเป็นต้องมีเขา
ปัจจุบันจึงเหลือกู้จวินคนเดียวที่ยังหนุ่มแน่น และมีพลังการผ่าตัด ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีข้อมือที่ทรงพลังขนาดไหน
และลุงต้านเองก็ไม่ได้หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีจนคนไข้ได้รับอันตราย ที่จริงลุงต้านเองก็ไม่รังเกียจที่จะให้คนรุ่นหลังได้เห็นว่าเขาอ่อนแอแค่ไหน…และเป็นการส่งเสริมให้เหล่าเด็กรุ่นใหม่ได้เห็นด้วยว่าการทํางานแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
ท้ายที่สุดเขาต้องยอมรับความพ่ายแพ้ต่อการทําลายล้างของกาลเวลา…วัยของเขามันใกล้ถึงคราวเกษียณอย่างแท้จริง และสมาชิกของหน่วยนักล่าอสูรนั้นก็มีความคุ้นเคยกับบุคลิกของลุงต้านแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แปลกใจกับเรื่องนี้
“ตกลง! ได้ครับ” กู้จวินไม่คิดมากอยู่แล้ว เป้าหมายเขาคือภารกิจ..เขายังแอบคิดอยู่เลยว่าถ้าลุงต้านจะผ่าให้ได้เขาจะกรรโชกภารกิจกลับมายังไงดี แต่ตอนนี้โชคได้เข้าข้างแล้ว!
เขารับเลื่อยเส้นมาจากจางฮ่าวฮ่าวและรีบติดเลื่อยโลหะหยักสองมิลลิเมตรเข้ากับมัน เขาจดจ่อความสนใจการงานที่อยู่ตรงหน้าและตัดความรู้สึกให้หมด
จากนั้นตัวเขาเองก็เริ่มลดระดับการถือเลื่อยลงจนสัมผัสโคนขาของหลินม่อ จากนั้นเลื่อยถูกดึงไปมาด้วยแรงที่เท่าเทียมกัน แรงและความเร็วค่อยๆเพิ่มขึ้นและเมื่อถึงจุดสงสุด ความแรงและเร็วก็อยู่ในระดับที่คงที่ เสียงเลื่อยกระดูกดังออกมาสู่หูของทุกคนอย่างชัดเจน
“ อา” หลินม่อคร่ําครวญด้วยความหวาดเสียวแต่มันไม่ได้เจ็บปวดมากนัก แต่ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็ห่อหุ้มด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นกู้จวินถือเลื่อยไว้เหนือร่างกายส่วนล่างของเขา
“ ส่วนใหญ่แล้วคนที่ทําอาชีพแพทย์จําเป็นต้องมีกระเพาะอาหารที่แข็งแรง…ตอนแรกฉันนึกว่าเพราะหมอยุ่งจนไม่เวลาพักจึงต้องหมั่นกินข้าว! แต่ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว! เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่พะอืดพะอมแบบฉันไง” หลูเสี่ยวหนิงกระซิบเบาๆ มันไม่ยากอะไรสําหรับเธอที่จะฆ่าสัตว์ประหลาด แต่เมื่อเห็นพันธมิตรของเธอเองถูกเลื่อยกระดูกจากระยะไกลหัวใจของเธอก็สั่นไหวด้วยความเจ็บปวด
“ เสี่ยวหนิง…เธอแค่ตั้งสติแล้วคิดว่าพวกเขาทํางานเป็นช่างไม้สิ เพราะยังไงนักศัลยกรรมกระ ดูกส่วนใหญ่มักจะเป็นนักตกแต่งภายในอยู่แล้ว”
เสวี่ยป้ายิงมุกตลกที่ไม่ตลกปลอบใจเพื่อนร่วมทีม แต่เขาก็มองกูจวินที่กําลังผ่าตัดด้วยความประทับใจใจอย่างมาก ยิ่งมองมากเท่าไหร่ความประทับใจก็ยิ่งลึกลงไปเท่านั้น
และภาพของเทพแห่งการผ่าตัดก็ดําเนินต่อไป.กู้จวินทําการเลื่อยขาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าเขากําลังทํางานในเคสที่ยากเป็นพิเศษแล้วต้องใช้ทักษะสูงในการทํา เขารีบเลื่อยขาอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงของเลื่อยที่แสนบาดหูบาดใจยังคงดังต่อไปชั่วขณะหนึ่งก่อนที่มันจะจบลงอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดโคนขาก็ถูกตัดขาด และในขณะที่กู้จวินหยุดลง ลุงต้านที่รอคอยมานานก็ยกขาด้วนของหลินม่อทันที เขาวางมันลงบนผ้าสีเขียวเข้มที่ปูไว้ด้านข้าง สมาชิกคนอื่นๆก็ห่อมันอย่างดีและเตรียมตัวเอาไปเผา เพราะขาที่ขาดข้างนี้ ท้ายที่สุดมันยังคงเป็นที่อยู่ของปรสิตที่สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ ดังนั้นพวกเขาต้องกําจัดอย่างเด็ดขาด
ในขณะเดียวกันที่ทุกคนรีบเอาขาไปเผา…กู้จวินและลุงต้านยังคงจัดการกับการผ่าตัดต่อแม้จะตัดขาไปแล้วก็ตาม…เพราะถ้าไม่รีบห้ามเลือดและทําความสะอาดต่องานช้างจะต้องตามมาภายหลังแน่
จริงๆ หากพวกเขามีถุงเลือดและยาที่เพียงพอต่อการรักษาเหมือนในอาคารแพทย์ปกติ พวกเขาคงจะเลือกใช้การตัดขาแบบเปิดไปแล้ว ซึ่งปัญหาเละผลข้างเคียงก็จะไม่มีทั้งสิ้น แม้แต่อัตราติดเชื้อก็ต่ําถึงเลขศูนย์
แต่น่าเสียดายว่าที่นี่คือ หน้างาน!
โอกาสในการติดเชื้อหลังการผ่าตัดสําหรับหลินม่อตอนนี้นั้นค่อนข้างสูง น่าเสียดายที่ตอนนี้พวกเขาขาดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นยาหรืออุปกรณ์
หลังจากที่พวกเขาจัดการกับแผลผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เย็บผนังของกล้ามเนื้อกลับ เข้าไปที่ด้านหลังของโคนขาเข้าด้วยกัน จากนั้นก็เย็บเอ็นกล้ามเนื้อและหนังกําพร้าให้เข้ารูป จากนั้นพวกเขาก็ห่อบริเวณที่ผ่าตัดด้วยผ้ากอซอย่างดี และเมื่อทุกอย่างพร้อมในที่สุดการผ่าตัดก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ
“ เสร็จแล้ว! เสร็จแล้วววว!” ในที่สุดลุงต้านก็ถอดถุงมือได้ เขาปาดเหงื่อออกจากหน้าผากตนเองทันที “ อาม่อ…ถ้าเธอรู้สึกไม่สบายให้รีบแจ้งนะ หากไม่มีการติดเชื้อร้ายแรงและไม่มีร่องรอยของปรสิตหลงเหลืออยู่เธอก็น่าจะรอดจากการผ่าตัดครั้งนี้
และอีกอย่าง…ฉันเป็นคนที่ยุติธรรมมาก สําหรับการผ่าตัดครั้งนี้ฉันไม่อายเลยที่จะยอมรับว่าอาจวิ้นมีส่วนร่วมในการผ่าตัดมากกว่าที่ฉันทํา”
“ อืม..ลุงต้าน กู้จวิน ขอบคุณมาก” หลินม่อกล่าวอย่างชื่นชม แม้ว่าเขาและชายหนุ่มจะยังไม่รู้จักกัน แต่ทุกคนก็พยายามอย่างเต็มที่
ทุกคนรู้ว่าลุงต้านนั้นพูดความจริงแน่นอน ไม่ได้ชื่นชมส่งๆแต่ประการใด ถ้าไม่ใช่เพราะกู้จวินหลินม่อจะต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไปอย่างแน่นอน จากนั้นทัศนคติและความประทับใจของหน่วยนักล่าอสูรที่มีต่อกู้จวินก็เปลี่ยนไป ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทําไมเฟคต้าถึงให้ความสําคัญกับสมาชิกใหม่คนนี้มาก
“ หน่วยนักล่าอสูรต้องมีเขา” ลู่เสี่ยวหนิงบอกกับเสี่ยป้าด้วยท่าที่จริงจัง “ ลุงต้านแก่เกินไปสําหรับเรื่องนี้”
“ เฮ่!! คุณลู่ คุณรู้ว่าฉันได้ยินคุณพูดใช่มั้ย!!?” ลุงต้านยืนบ่นอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร สิ่งนี้ทําให้คนที่เหลือหัวเราะและทํางานไปพร้อมกัน
“ ลุงต้านครับ น้องสาวหนิงกําลังพูดความจริงนะ!”
“ พวกคุณอย่ากดดันลุงต้านสิ! เห็นไหมเขาทําได้ดีขนาดไหน?”
“ มันก็แค่เรื่องความโชคดีที่ฉันมีประสบการณ์ในการผ่าตัดแบบนี้” กู้จวินหัวเราะและพูดจาอย่างเจียมตัว เขาเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าอย่าหยิ่งผยองเกินไป “ ถ้าไม่ใช่เพราะการกระทําที่มั่นใจของลุงต้านและการจัดการที่ชัดเจนในแต่ละขั้นตอนการผ่าตัด ฉันคงไม่ทําแบบนี้ถ้าไม่มีเขา”
“ พวกคุณได้ยินไหม?” ลุงต้านหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็เดินไปที่กําแพงและนั่งลงเงียบๆ “ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดฉันจะไม่โต้เถียงกับเด็กๆอย่างพวกคุณหรอกนะ ฉันอยากพักผ่อน เด็กอมมือทั้งหลายทําเอาฉันลําบากมาหลายวัน”
คนอื่นพักในขณะที่จางฮ่าวฮาวยังคงไปจัดการทําความสะอาดเครื่องมือ ส่วนที่เหลือเงียบลง เพื่อให้หลินม่อ ลุงต้านและกู้จวินได้พักผ่อน จากนั้นกู้จวินก็ถอดถุงมือและหมวกออก เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจและการผ่าตัดแล้วเขาก็คลิกเปิดระบบในใจ เพื่อดูรายงานการผ่าตัดอีกครั้งในรายการงานศัลยกรรมของเขา
“ผ่าตัดต้นขา [สองดาว] สําเร็จ! ผลงานส่วนตัว 55% / อันดับ 1
ผลงานส่วนตัวของเขาสําหรับการผ่าตัดทั้งสองครั้งคือห้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ซึ่งรวมสูงถึงร้อยสิบเปอร์เซ็นต์
เขาอยู่ห่างเพียงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของผลจากการทําภารกิจระดับยาก เขาหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป แต่ตอนนี้กู้จวินไม่ต้องการเผชิญกับการผ่าตัดอีกในสามวันข้างหน้าเพราะนั่นจะหมายถึงอันตรายและความตายที่เป็นไปได้มากขึ้นเท่านั้น
แต่มันเป็นเหตุผลสําหรับเขาที่จําจะยอมรับภารกิจ เพราะทุกอย่างอาจเกิดขึ้นได้อยู่แล้วเขาหยุดมันไม่ได้ แต่เขาจะแก้ไข..พร้อมรางวัลที่ภารกิจมอบให้อย่างเต็มใจ
มีดผ่าตัดคาร์ลอต? มันจะแตกต่างจากมีดผ่าตัดทั่วไปอย่างไร? บางทีมันอาจทําให้เกิดภาพนิมิตอีกรอบใช่ไหม?
ทางฝั่งของกลุ่มกู้จวินสถานการณ์ในอุโมงค์ใต้ดินได้เริ่มดีขึ้น ในขณะที่อีกด้านหนึ่งนั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะหน้าร้อนอันทรมานคงถึงเวลาที่จะผ่านไป..ทําให้ฝนนั้นถล่มเทกันดั่งนัดมา
วันนี้เมฆบนท้องฟ้าได้รวมตัวตกลงมากลายเป็นเมฆสีดําและทําให้ฝนตกหนัก การโปรยปรายของเม็ดฝนอย่างไม่หยุดยั้งทําให้ความเงียบของหมู่บ้านคู่หรงถูกพังทลายกลายเป็นหมู่บ้านที่ครึกครื้นแทน อย่างเม็ดฝนก็ช่วยทําความสะอาดล้างฝุ่นที่รวมตัวกันที่นั่น
และตอนนี้สัญญาณไร้สายของการสื่อสารอ่อนๆดังออกมาจากด้านในของต้นไทรที่พังทลาย ศูนย์บัญชาการได้แปลสิ่งนั้นเป็นสัญญาณเสียง
หลังจากการแปรเสียงเสร็จสิ้น บทสนทนาเกือบทั้งหมดก็ออกมาทําให้ทุกคนที่กองบัญชาการเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ด้วยคุณฝีมือของช่างเทคนิคที่อยู่ในศูนย์บัญชาการทําให้สามารถแยกได้แล้วว่าเสียงของใครเป็นเสียงของใคร ดังนั้นพอแยกเสียงระบุบุคคลกันได้ แม้ไม่เห็นภาพแต่พวกเขาก็สนุกกันทีเดียว
บทสนทนาที่ถูกอัดมาผ่านช่องการสื่อสารนั้น เต็มไปด้วยทุกขั้นตอนของการผ่าตัด และบรรยากาศในขณะนั้นถูกอธิบายเอาไว้อย่างดี นอกจากเสียงอันเรียบสงบของหัวหน้าเสวี่ยป้าลู่เสี่ยวหนิงดูเหมือนจะสามารถแสดงบทบาทและแสดงอารมณ์ออกมาได้ดีกว่าใครอื่นๆ ดังนั้นผู้บัญชาการที่นั่งฟังอยู่ พวกเขาก็รู้ทันทีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันมีสภาพเป็นอย่างไร
“กู้จวินคนนี้ได้ทําการผ่าตัด ทําความสะอาดปรสิตตัวหนอนที่ขานั่นแล้วจริงแล้วหรือ? จากนั้นก็ตามด้วยการผ่าตัด ตัดขา?”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยู่ที่นั่นพร้อมกับหน่วยนักล่าอสูร แต่หัวหน้าเสวี่ยป้าก็ให้ข้อมูลที่ อัปเดตแบบเรียลไทม์ภายในอุโมงค์ใต้ดินไปยังศูนย์บัญชาการอย่างต่อเนื่องตามคําสั่งที่ได้รับตั้งแต่ก่อนไป
และศูนย์บัญชาการพยายามส่งสัญญาณกลับเพื่อพยายามสื่อสารกับหน่วยนักล่าอสูรอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ไปเห็นสถานที่จริง ซึ่งก็เป็นเรื่องลําบากสําหรับเหล่าผู้บัญชาการที่จะวางแผนได้อย่างละเอียด และประเมินสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที
ดังนั้นทีมงานด้านเทคนิคจึงได้ใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียกจําลองแบบสามมิติขึ้นมา. จุดประสงค์ของการทําแบบนี้ก็คือการจําลองสถานการณ์ภายในอุโมงค์ขึ้นใหม่โดยอิงจากคําพูดของหัวหน้าเสวี่ย นอกจากนี้ยังมีการจําลองตําแหน่งของสมาชิกทุกคนในทีม…ใครไปไหนทําอะไรก็สามารถรู้ได้ด้วยกันทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้คนที่อยู่ในศูนย์บัญชาการจึงสามารถจินตนาการและวางตัวเองในสถานการณ์เลียนแบบนั้นได้อย่างง่ายดาย
แต่สําหรับคนที่มาจากกรมการแพทย์นั้นนิ่งงันเป็นพิเศษ นี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกเขาอย่างแท้จริง
“ อาวุโสฉิน คุณได้พบเพชรที่ขรุขระแล้ว” ผู้บัญชาการใหญ่เหยาซินเนียนกล่าวชมด้วยความอิจฉาตาร้อน เขาเองก็อิจฉาอาวุโสคนนี้อยู่เช่นกัน เพราะคนๆนี้ได้นําผู้ที่มีความสามารถทางด้านการแพทย์มากมายมาสั่งสอนและอบรมในตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แม้จะดํารงตําแหน่งเป็นผู้จัดหาผู้ทําการคัดเลือก ดังนั้นจึงมีเด็กหนุ่มเด็กสาวมากมายที่อยากถูกเลือกและถูกส่งไปฝึกวิชา ดังนั้นต่อให้ไม่ได้ตั้งใจแต่อํานาจของเขาก็เพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ ในที่สุดอํานาจนั้นก็ได้คับโรงเรียน