ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 617 วางแผน
บทที่ 617 วางแผน
บทที่ 617 วางแผน
“เด็กน้อย เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าพูดแล้วก็ทำตามนะ”
วิถีโบราณกล่าว ข้างกายมีอาวุธเทพยี่สิบกว่าชิ้นตั้งตระหง่านอยู่ แต่ละชิ้นปลดปล่อยพลังเฉพาะตัวออกมา สั่นสะเทือนเบา ๆ กดดันพื้นที่โดยรอบอย่างต่อเนื่อง
เพียงแค่อาวุธเทพเหล่านี้ตั้งอยู่ตรงนั้นก็สามารถกดดันห้วงอวกาศได้แล้ว ราวกับห้วงอวกาศกำลังจะแตกสลาย หากฟาดฟันออกไปสักครั้ง กลัวว่าจะสามารถผ่าห้วงอวกาศให้แตกสลายได้ในทันที ทำให้สวรรค์และโลกนี้ไม่อาจต้านทาน ถล่มทลายลงในพริบตา
ลู่หยวนเห็นอาวุธเทพเหล่านี้แล้วสัมผัสได้ว่าวิถีโบราณไม่ได้หลอกลวง จึงพยักหน้าอย่างพอใจ
“ดีมาก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ลบร่องรอยบนอาวุธเทพเหล่านี้ออกไปเถิด ทำให้พวกมันกลายเป็นสภาพไร้เจ้าของ สำหรับท่านแล้ว คงไม่ใช่เรื่องยาก”
วิถีโบราณก็หัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าทำได้ ขอเพียงเจ้ากำจัดซ่งชิงได้ แค่เรื่องพวกนี้เล็กน้อยมาก”
พูดจบ วิถีโบราณก็ลบล้างพลังของเหล่าจักรพรรดิที่ประทับอยู่บนอาวุธเทพจนหมดสิ้น
คำพูดเหล่านี้ส่งผ่านการจารึกที่เหล่าจักรพรรดิทิ้งไว้บนอาวุธเทพกลับไปยังห้องโถงใหญ่ในแดนเซียน
เสียงพูดดังชัดเจนก้องอยู่ในห้องโถงใหญ่เป็นเวลานาน ไม่อาจสงบลง
เมื่อคำพูดจบลง มือข้างหนึ่งก็โบกไปมาแล้วพลังของวิถีโบราณก็กดทับลงมาทันใด หลังจากนั้นเงาร่างที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเหล่าจักรพรรดิก็จมหายไป ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย
นับแต่นี้ อาวุธของพวกเขาไม่มีพลังใด ๆ อีกต่อไปแล้ว ราวกับตัดขาดจากโลกนี้ไป ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาอีก
ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ เงียบสงัดจนได้ยินเสียงเข็มตก
เก้าจักรพรรดิต่างมีความคิดในใจ เงียบไม่พูดจา ดูเหมือนครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
มหาจักรพรรดิหมิงตี้ปะปนอยู่ในนั้นด้วย แม้จะแสร้งทำท่าครุ่นคิด แต่ก็ยังแอบมองซ้ายขวาเล็กน้อย สังเกตสีหน้าของเหล่าจักรพรรดิ
การกระทำของวิถีโบราณครั้งนี้ น่าจะยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้เหล่าจักรพรรดิมากขึ้น
ตลอดหลายปีมานี้ ไม่ว่าวิถีสวรรค์จะปฏิบัติต่อเหล่าจักรพรรดิอย่างไร แต่สีหน้าพวกเขาก็ยังสุภาพอยู่ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น การไม่ทำตามความเห็นของพวกเขา แล้วไปยึดเอาอาวุธเทพที่หวงแหนที่สุดมา นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
แต่วิถีโบราณผู้นี้กับพวกเขา ไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กันแม้แต่น้อย การปรากฏตัวครั้งนี้ก็บังคับเอาของของพวกเขาไป อีกทั้งยังลบล้างร่องรอยที่เหล่าจักรพรรดิจารึกไว้บนอาวุธเทพเหล่านี้ ทำให้อาวุธเทพกลายเป็นสภาพไร้เจ้าของ!
นี่ถือเป็นการท้าทายต่อเกียรติศักดิ์ศรีของเหล่าจักรพรรดิ!
มหาจักรพรรดิหมิงตี้หัวเราะเยาะในใจไม่หยุด วันนี้ เหล่าจักรพรรดิคงไม่มีผู้ใดคิดจะอยู่เฉย ๆ อีกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทพ สิ่งที่หวงแหนที่สุดก็คือผลประโยชน์ของตัวเอง!
ในเมื่อวันนี้ วิถีโบราณสามารถทำเช่นนี้ได้ พรุ่งนี้ หากวิถีโบราณไม่สนใจชีวิตของพวกเขาอีก ปล่อยให้ตายอนาถในโลกนี้ แล้วจะทำอย่างไรเล่า?!
เหล่าจักรพรรดิล้วนผ่านการต่อสู้ดิ้นรนมาทั้งนั้น ผู้ใดบ้างที่ไม่ได้เดินทางขึ้นมาจากชั้นล่างทีละก้าว จากการถูกวิถีสวรรค์ควบคุม จนก้าวพ้นออกมานอกวิถีสวรรค์ได้ กลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนของตัวเอง?
การสะสมทีละเล็กละน้อยเช่นนี้ ทุกสิ่งที่เป็นของพวกเขาถือเป็นของต้องห้ามมานานแล้ว ผู้ใดบังอาจแย่งชิงสิ่งเหล่านี้ไปก็ถือว่าเป็นศัตรู!
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เก้าจักรพรรดิแห่งสวรรค์จึงค่อย ๆ ถอนหายใจออกมา
เขากระโดดขึ้นไปยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่
“ท่านทั้งหลาย”
เก้าจักรพรรดิแห่งสวรรค์กวาดตามองไปรอบ ๆ ความตั้งใจต่อสู้ปรากฏขึ้นในดวงตา
“เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ พวกท่านคงมีความคิดของตัวเองแล้วกระมัง วันนี้พวกท่านก็เห็นชัดแล้ว พวกเราเก้าคน รุ่งเรืองมาด้วยกัน เสื่อมถอยด้วยกัน”
“เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะพูดว่ามีผู้อยากจะหลีกหนีหรือไม่อยากมีเรื่องอันใดเพราะต้องการเฝ้าดูแลที่ของตนเองอย่างสงบ ใช้ชีวิตอย่างอิสระ”
ทุกคนต่างมองไป ในดวงตามีความรู้สึกลึกซึ้งปรากฏอยู่
มหาจักรพรรดินีเหยาจีเอ่ยขึ้นว่า “สิ่งเหล่านี้ข้าเองก็ย่อมรู้ เจ้าพูดมาตรง ๆ เถิด ตั้งใจจะทำอย่างไร?”
มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนกล่าวว่า “ตอนนี้ที่วางอยู่ตรงหน้าก็มีแค่สามทางเท่านั้น หนึ่ง เลือกลู่หยวน”
เมื่อคำพูดนี้เอ่ยออกมา บรรดาจักรพรรดิทั้งหลายต่างขมวดคิ้ว
มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนสังเกตเห็นสีหน้าเหล่านั้น จึงพูดต่อว่า “แต่หากเลือกลู่หยวน เกรงว่าพวกท่านคงไม่อยากเลือกแล้วล่ะ”
“เบื้องหลังลู่หยวน คือ วิถีโบราณ เขาเป็นคนเช่นไร พวกท่านก็ได้เห็นแล้ว ตอนนี้พวกเรามหาจักรพรรดิตกอยู่ในสายตาของเขา เกรงว่าแม้แต่ขี้หมาก็ไม่เป็นได้”
“เช่นนั้นก็คือตัวเลือกที่สอง เลือกซ่งชิง”
มหาจักรพรรดิเหลยอวี้จึงเอ่ยขึ้น “วิถีสวรรค์กับวิถีโบราณมอบจุดจบให้ทั้งสองคนคือ ลู่หยวนชนะ เลือกซ่งชิงก็คือสถานการณ์ที่ต้องแพ้แน่นอน”
แต่มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนกลับยิ้มแล้วส่ายหน้า ” เหลยอวี้ข้าขอถามเจ้า หากตอนนี้กำลังฝึกฝนของเจ้าต่อสู้กับลู่หยวน ผู้ใดจะชนะ?”
มหาจักรพรรดิเหลยอวี้ไม่รู้ว่าเหตุใดมหาจักรพรรดิจิ่วเทียนถึงถามเช่นนี้ แต่ก็พูดอย่างมั่นใจว่า “ย่อมเป็นข้า! เขาเป็นแค่คนจากโลกต่ำต้อย ถึงแม้จะทะลุขีดจำกัดของโลกนั้นไปแล้ว แต่หากอยู่ใน อมตยุทธ์ก็เป็นได้แค่มดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น! หากข้าไม่สามารถฆ่ามดปลวกได้ ก็ไม่สมควรนั่งอยู่ในตำแหน่งมหาจักรพรรดินี้ สู้ฆ่าตัวตายเสียดีกว่า!”
มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนถามต่อ “หากเขามีพลังของวิถีโบราณและสามารถควบคุมอาวุธวิเศษของพวกท่านทั้งหมดได้เล่า เจ้าจะยังมั่นใจว่าจะสังหารเขาได้หรือไม่?”
สีหน้าของมหาจักรพรรดิเหลยอวี้ที่เพิ่งดูถูกเหยียบหยามนั้นเปลี่ยนไปในทันที
หากเป็นแค่ลู่หยวนเขาย่อมถือว่าเป็นมดปลวก แต่หากลู่หยวนมีพลังของวิถีโบราณรวมกับอาวุธวิเศษของพวกเขาอีกยี่สิบกว่าชิ้น มหาจักรพรรดิเหลยอวี้ไม่กล้าพูดว่าตนมีความมั่นใจที่จะสังหารอีกฝ่ายได้!
เห็นมหาจักรพรรดิเหลยอวี้ลังเล มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “หากพวกข้าทั้งเก้าคนร่วมมือกัน จะสังหารได้หรือไม่?”
มหาจักรพรรดิเหลยอวี้และจักรพรรดิคนอื่น ๆ ต่างมองตากัน ในดวงตาปรากฏความรู้สึกผันผวน
“ความหมายของท่านคือ…”
จักรพรรดินีเหยาจีเอ่ยด้วยปากสีแดงระเรื่อ ในดวงตามีความลังเลอยู่ไม่น้อย “แต่หากพวกข้าทั้งหมดลงมือ ถึงแม้วิถีสวรรค์จะไม่ขยับวิถีโบราณ ก็จะลงมือต่อสู้ เมื่อถึงเวลานั้นหากวิถีโบราณใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเพื่อสังหารพวกเราจะทำอย่างไร?”
มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนหัวเราะเยาะ แต่คำพูดที่เปล่งออกมากลับหนักแน่นอย่างยิ่ง “เช่นนั้นก็สู้! ท่านทั้งหลาย หากอยากจะแก้ปัญหาได้อย่างถาวร ไม่ให้พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกบีบบังคับเช่นวันนี้อีก ก็ต้องกล้าเสี่ยง!”
“พวกเราเหนือกว่ากฎ แต่กลับถูกจำกัดด้วยกฎ แต่หากเรากลายเป็นกฎเสียเอง เรื่องเช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก! ไม่ว่าวิถีสวรรค์หรือวิถีโบราณอะไรนั่น จะวางแผนอย่างไร ก็ไม่กล้าล่วงเกินพวกเราได้!”
มหาจักรพรรดินีเหยาจียังคงขมวดคิ้ว ในใจไม่ค่อยมั่นใจนัก
เปิดศึกกับวิถีโบราณอย่างนั้นหรือ?
หึ! หากพวกเขามีกำลังเช่นนั้น พวกเขาจะมานั่งปรึกษากันที่นี่หรือ
คงจะหยิบอาวุธขึ้นมาแล้วออกไปต่อสู้แล้ว!
มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนพูดง่ายดายนัก เพียงแค่ริมฝีปากบนล่างแตะกัน ลมปราณก็พุ่งขึ้นมาแล้ว แต่ความจริงเล่า
ความจริงก็คือ แค่เพียงพวกเขาเก้าคน ก็ไม่มีโอกาสชนะเลยสักนิด!
มหาจักรพรรดิจิ่วเทียนเหมือนจะสังเกตเห็นความคิดของมหาจักรพรรดินีเหยาจีจึงพูดว่า “เหยาจี ข้าจำได้ว่า เทพธิดาสงครามกำลังจะตื่นขึ้นมาแล้ว”
คิ้วงามของจักรพรรดินีเหยาจีเลิกขึ้นเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ เสียงของมหาจักรพรรดิจิ่วเทียนยังคงดังต่อข้างหูของนาง
“ข้าจำได้ว่า ครั้งนี้ที่เทธิดาสงครามตื่นขึ้นก็เพราะโอกาสที่จะทำให้กฎแห่งสวรรค์และโลกสั่นคลอน ภายใต้โอกาสเช่นนี้ กฎจะถูกจำกัด ในขณะที่พวกเรากลับจะมีกำลังฝึกฝนพุ่งทะยาน!”
“หากพวกเราไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ จะพูดถึงอนาคตได้อย่างไร?”