ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 600 ขยับเพียงนิ้วเดียวสังหารนับล้าน
บทที่ 600 ขยับเพียงนิ้วเดียวสังหารนับล้าน
“แต่ไม่ต้องกังวลไป หากพวกเจ้าเหาะข้ามไปไม่ได้ ก็ขึ้นขี่สิ่งนี้ข้ามไปได้”
ลู่หยวนลดสายตาลงอีกครั้ง พลางมองไปยังผืนน้ำอันสงบนิ่ง แล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้น
ทุกคนต่างก็ลดสายตาลงเช่นกัน
เห็นเพียงผืนน้ำสีดำขลับไร้คลื่น ไม่สามารถแลเห็นสิ่งใดได้
“มานั่นแล้ว”
ลู่หยวนเอ่ยขึ้นทันใด เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วยืนอยู่ที่ขอบแท่นหิน มือขวายื่นออกไปข้างหลังเล็กน้อย ราวกับว่าจะเตรียมออกแรงพุ่ง
“ปัง!”
มีเพียงเสียงกระแทกดังสนั่นดังมาจากก้นทะเลสาบสีดำมืดมัว คลื่นยักษ์สูงเสียดฟ้า พุ่งขึ้นสู่ท้องนภา!
ม่านน้ำสีดำขนาดใหญ่ห่อหุ้มโลกที่คนทั่วไปไม่อาจมองเห็นได้
เมื่อมวลน้ำสีดำพุ่งขึ้น ก็มีร่างขนาดใหญ่ปรากฏ ร่างของมันใหญ่โตมโหฬารจนบดบังท้องฟ้าเสียแทบมิด
ร่างร่างนั้นมีรูปร่างคล้ายมังกร แต่ไม่มีกรงเล็บสี่ข้าง ลำตัวโผล่พ้นน้ำเป็นบางส่วน ผิวหนังที่โผล่พ้นน้ำนั้นขรุขระราวกับหิน ดูแปลกประหลาดยิ่งนัก
“โฮก!”
สัตว์ประหลาดตัวนั้นคำรามเสียงดัง พื้นที่โดยรอบพลันสั่นสะเทือนตามเสียงนั้น คลื่นเสียงแผ่กระจายไป ทำให้ปราณวิญญาณรอบข้างสลายไปหมด!
กู้ชิงหรัน ฮ่วนซิงไป๋ เซียวเทียน และลู่เทียนเฟิ่งมีวิชาอยู่บ้าง จึงยังยืนหยัดอยู่ในพื้นที่ที่มีปราณวิญญาณบางเบาเช่นนี้ได้ แม้แต่พลังการต่อสู้ก็ยังคงเหลืออยู่บ้าง!
ส่วนคนอื่น ๆ ราวกับสูญเสียที่พึ่งพิงโดยสิ้นเชิง มีเพียงปราณวิญญาณที่ยังคงเหลืออยู่เท่านั้นที่ห่อหุ้มหูเอาไว้ ป้องกันมิให้หูอื้อเพราะเสียงคำรามนั้น
ร่างขนาดมหึมานั้นพุ่งขึ้นจากผืนน้ำแล้วหมุนกลับลงมาอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าหาที่ยืนของลู่หยวน
ร่างนั้นใหญ่โตเหลือเกิน ราวกับท้องฟ้าครึ่งหนึ่ง บรรดาผู้ที่คนยืนอยู่บนแท่นหินเล็ก ๆ เพียงแห่งเดียว ใต้ร่างเงาขนาดมหึมานั้นราวกับเม็ดทรายในมหาสมุทร ไร้ซึ่งความสำคัญใด ๆ!
ร่างนั้นพุ่งลงมาแรงราวกับท้องฟ้าถล่มทลาย!
พวกโจรกระจอกจากดินแดนเหนือและหุบเขาลึกลับ ต่างก็หวาดกลัวเสียจนขาอ่อน
กู้ชิงหรัน ฮ่วนซิงไป๋ และเซียวเทียนทั้งสามตอบสนองได้เร็วที่สุด อาวุธในมือสั่นสะเทือน เรียกปราณวิญญาณที่เหลืออยู่ในร่างออกมาอย่างรวดเร็ว โจมตีใส่เคล็ดวิชาเฉพาะตัว รอจังหวะโจมตี!
“ไม่เป็นไร”
เสียงราบเรียบของลู่หยวนดังขึ้น ปลอบโยนคนทั้งสามคน
เห็นได้ชัดว่าลู่หยวนดันมือขวาไปข้างหลังสุดแล้ว ไม่มีปราณวิญญาณหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ความน่าเกรงขามก็ยังไม่มี
ลู่หยวนในเวลานี้ ราวกับสูญสิ้นการบ่มเพาะวิชาทั้งหมด กลายเป็นคนธรรมดาที่สุดในโลก
ลู่หยวนชกหมัดออกไป ความเร็วนี้ไม่ว่าจะตกอยู่ในสายตาของผู้ใดก็ถือว่าช้ามาก
เอ่ยตามตรงก็คือ ช้ากว่าหญิงแก่วัยแปดสิบที่หน้าหมู่บ้านเสียอีก!
ทว่ากู้ชิงหรันและคนอื่น ๆ กลับชะลอการเคลื่อนไหวลง ลมปราณและความน่าเกรงขามทั้งมวลในร่างกายก็พลันหายไป
เมื่อลู่หยวนได้ลงมือแล้ว ผลลัพธ์ก็เป็นที่แน่นอน!
ร่างใหญ่ยักษ์นั้น ก็พุ่งลงมาอย่างบ้าคลั่ง ในเวลานี้ปากใหญ่ ๆ กลืนกินสวรรค์อ้าออกอย่างกว้างขวาง แทบจะกลืนแท่นนี้เข้าไปในท้องให้สิ้นซาก!
ในขณะเดียวกัน ลู่หยวนก็ส่งพลังหมัดของเขาไปจนสุด!
“ตู้ม!”
ทันทีที่หมัดของลู่หยวนหยุดนิ่ง เสียงกึกก้องก็ดังไปทั่วท้องฟ้าและแผ่นดิน
คลื่นแสงที่ลู่หยวนมองเห็นเพียงผู้เดียวแผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และขยายไปโดยรอบ!
จากนั้นฟ้าดินก็มืดมิดไปทั้งหมดในเสี้ยวลมหายใจนั้น ทั่วทุกหนแห่งก็กลายเป็นสีขาวดำ
ร่างยักษ์ใหญ่ก็หยุดนิ่งกลางอากาศ
สัตว์ประหลาดตัวนี้มีหัวคล้ายวัว แต่มีเขาแปดอัน ลำตัวลื่นเหมือนวาฬ มีบางอย่างที่ดูคล้ายหินฝังกระจายอยู่ทั่ว
ลู่หยวนหยุดมือ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ประสานสายตากับสัตว์ประหลาดตัวนั้น
ความกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนเกิดขึ้นในใจของมัน
ตอนนี้มันเพียงอยากหมอบราบอยู่แทบเท้าของลู่หยวน ไม่กล้าหายใจแรงเสียด้วยซ้ำ!
มันรู้ดีว่านี่คือการกดขี่จากผู้แข็งแกร่งที่สุด!
การกดขี่เช่นนี้ แข็งแกร่งกว่าประมุขโลกที่มันเคยพบเห็นโดยบังเอิญในอดีตเสียอีก!
ทว่า…
ชายหนุ่มที่ดูอ่อนเยาว์ผู้นี้ รังสีที่แผ่อออกมาเมื่อครู่ก็มิได้มากมายนัก แต่ตอนนี้กลับแผ่ปราณอันยิ่งใหญ่ออกมาได้อย่างไรกัน?!
สัตว์ประหลาดนี้ก็มีสติปัญญาอยู่บ้าง คิดอยู่นานก็พอจะรู้ว่าลู่หยวนต้องการสิ่งใด
แผ่ปราณอันทรงพลังออกมา แต่กลับไม่ฆ่ามันเสียตอนนี้ เกรงว่าคงต้องการใช้ประโยชน์จากมันเป็นแน่
ลู่หยวนได้คลายการควบคุมเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ลงเล็กน้อย
สัตว์ประหลาดจึงเอ่ยขึ้นในทันที “ปราณของท่านไร้เทียมทาน ข้าขอน้อมนำทางท่านไปยังเกาะแห่งนั้น!”
ลู่หยวนยิ้มมุมปาก “เจ้าก็ฉลาดเหมือนกันนิ”
เมื่อเอ่ยจบลง สัตว์ประหลาดก็รู้ว่าชีวิตน้อย ๆ ของมันในวันนี้ได้รอดจากความตายแล้ว เมื่อได้ทีก็ประจบสอพลออย่างรวดเร็ว
“ท่านผู้ทรงเกียรติ หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ระหว่างทางเต็มไปด้วยสัตว์กีดขวางทางอย่างข้า รวมไปถึงสัตว์ป่าที่ดุร้ายที่ไร้สติ ท่านสามารถนั่งบนหลังของข้าอย่างสบายใจได้ ทุกสิ่งทั้งปวงข้าจะเป็นผู้สะสางให้ท่านเอง”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ สัตว์ประหลาดก็ยังไม่ลืมที่จะเอ่ยประโยคเสริม
“เมื่อท่านถึงฝั่งแล้ว ข้าจะรอท่านอยู่ที่นั่น หากท่านกลับมา ข้าจะพาท่านกลับมาที่เดิม”
เมื่อเอ่ยเช่นนี้ก็เท่ากับยืดอายุขัยของมันออกไปอีกมาก
ขอแค่ลู่หยวนต้องการให้มันพาข้ามไป ก็มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะสามารถกลับมาได้
แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่มีสักคนที่กลับมาได้
ลู่หยวนหัวเราะ จากนั้นผู้คนด้านหลังก็ได้รับอิสรภาพในเขตอาณาเขตของลู่หยวนอีกครั้ง
ในขบวนพวกเขามีหลายคนที่เข้ามาในเขตอาณาเขตของลู่หยวนเป็นครั้งแรก
หลังจากฟื้นจิตเทวะแล้ว ความสับสนก็บังเกิด ทว่าเมื่อมองไปโดยรอบ กลับพบว่าทุกอย่างนั้นไร้ซึ่งชีวิตชีวา ราวกับก้าวเข้าสู่แดนแห่งความตาย ความตกใจหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
ลู่เทียนเฟิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน จ้องมองแผ่นหลังของลู่หยวน สีหน้าสลับซับซ้อนสองมือที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมกว้างเคลื่อนไหวอยู่ตลอดไม่รู้ว่ากำลังทำสิ่งใด
และสิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในสายตาของกู้ชิงหรัน นางเก็บสีหน้าลงเล็กน้อย ลอบผ่อนลมปราณที่แผ่ซ่านไปทั่วลู่เทียนเฟิ่ง
ลู่เทียนเฟิ่งผู้นี้ตัวปัญหาจริง ๆ…
“ไม่รู้ว่าท่านผู้ทรงเกียรติมีความเห็นอย่างไร?”
อสูรนั้นถามขึ้นด้วยเสียงต่ำ
ลู่หยวนพยักหน้าตอบรับอย่างนิ่งเรียบ “จริงอยู่ ข้าจำเป็นต้องให้เจ้าพาไป เพียงแต่ระหว่างทาง…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ลู่หยวน ก็มองไปยังที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่งของน่านน้ำ นั่นคือทิศทางของเกาะสังหารเซียน
“ท่านไม่ต้องกังวล เมื่อข้าอยู่ตรงนี้ แม้ว่าสัตว์อสูรเลือดจะมีจำนวนมาก แต่ก็ไม่สามารถก่ออันตรายได้ ย่อมจะต้อง…”
ทันใดนั้น ลู่หยวนก็ยกมือขวาขึ้น ประสานนิ้วสองนิ้วเข้าหากัน ราวกับว่าถือกระบี่ไว้ในมือ ฟาดฟันไปในทิศทางที่เขาจ้องมองด้วยท่าทางสบาย ๆ
ในตอนแรก ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม
ราวสามลมหายใจ จากทิศทางที่ลู่หยวนเพิ่งชี้ไป ผืนน้ำสีดำก็เริ่มลอยขึ้นทีละน้อย ซากศพจำนวนมาก ขนาดไม่เล็กจนเกินไป ก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากก้นทะเลสาบ
“สัตว์อสูรเลือด?”
อสูรที่ยังคงลอยตัวอยู่ในอากาศเปล่งเสียงออกมาอย่างตะลึง
เพียงสิบลมหายใจต่อมา ทิศทางที่ลู่หยวนชี้ก็ถูกศพของสัตว์อสูรเลือดปกคลุมจนเต็มพื้นที่!
น้ำสีดำชุ่มไปด้วยเลือด ศพนับไม่ถ้วนล้มตาย!