ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 599 น่านน้ำรอบนอก
บทที่ 599 น่านน้ำรอบนอก
เมื่อผู้คนทั้งหมดได้เข้าไปแล้ว อุโมงค์แสงขนาดใหญ่ก็ได้หมุนไปอีกหลายครั้ง แล้วจึงหายวับไปจากปฐพีราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น
เหล่าสัตว์อสูรที่หลบหนีไปยังที่อื่นก็ค่อย ๆ ปรากฏกายขึ้น และแผ่ขยายไปทั่วเขตแดนเหนืออีกครั้ง
นับตั้งแต่ขบวนผู้กล้าของลู่หยวนได้เข้าไปในอุโมงค์แสง พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าช่างเลือนลางเหลือเกิน ผู้คนต่างก็ลืมตาขึ้นเพื่อดูสถานการณ์เบื้องหน้าให้ชัดเจน
รอบข้างมีแรงปะทะเข้ามาเป็นระลอก มันเคลื่อนผ่านไปทั่วร่างกายของพวกเขา ทุกคนต่างก็เตรียมรับมืออย่างระมัดระวังโดยสัญชาตญาณ
ลู่หยวนหรี่ตาลง สองดวงตาวิเศษของเขาเปิดออก แต่ก็เห็นเพียงแสงเจ็ดสีสาดส่องผ่านไปตลอดเวลา
หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ แสงสว่างเหล่านั้นก็อันตรธานหายไปสิ้น
แรงปะทะที่แปรปรวนเหล่านั้นก็พลันหายไปในเวลาเดียวกัน
“เรามาถึงแล้ว”
เสียงของลู่หยวนดังขึ้นจากกลุ่มคนด้านหน้า และทุกคนก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
สิ่งที่พวกเขาเห็นคือผืนน้ำอันกว้างใหญ่ น้ำในทะเลสาบสีดำมืดโอบล้อมพวกเขาไว้แน่นหนา ในขณะที่พวกเขายืนอยู่บนแท่นเล็ก ๆ บนผืนน้ำสุดลูกหูลูกตานั้น
แท่นนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ก็เพียงพอให้พวกเขาหลายสิบคนยืนอยู่ได้
กู้ชิงหรัน ฮ่วนซิงไป๋ และคนอื่น ๆ ย่อมพอมีความรู้กันอยู่บ้าง เมื่อได้เห็นภาพเหตุการณ์เช่นนี้ จึงเพียงแค่กำอาวุธของตนเองไว้แน่น ๆ และคอยสัมผัสสิ่งรอบข้างอย่างเฉียบคม ในขณะเดียวกันก็ปล่อยเทวะจิตออกไปเพื่อสำรวจว่ามีศัตรูปรากฏตัวหรือไม่
ที่นี่คือเกาะสังหารเซียน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีตัวแปรมากมาย ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจดูแคลนสถานที่แห่งนี้ได้
เมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ ย่อมรู้ดีว่ามีเหล่าผู้แข็งแกร่งในตระกูลครั้งอดีตมากมายที่ได้มาเหยียบย่างที่แห่งนี้ หลังจากนั้นก็ไร้ซึ่งข่าวคราว ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
วันนี้พวกเขามาถึงพร้อมกับลู่หยวน เท่ากับว่าโอกาสรอดชีวิตก็เพิ่มขึ้นมาก และโอกาสที่จะตายย่อมไม่ใช่ศูนย์!
ทุกคนล้วนตั้งสติอย่างเต็มที่ เฝ้าสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมเอาไว้
ลู่หยวนเพียงแค่เหลือบมองไปรอบ ๆ แล้วสายตาเขาก็จดจ้องไปใต้น้ำลึกสีดำนั้น
แต่ลู่หยวนรู้ดีว่าภายใต้ดวงตาวิเศษของเขา ผืนน้ำทั้งหมดได้แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า มีเพียงสัตว์ประหลาดตัวเขื่องที่ขนาดเทียบเท่าผืนน้ำอันกว้างใหญ่แห่งนี้ กำลังว่ายวนอยู่ใต้แท่นของพวกเขา
ร่างขนาดใหญ่ของมันวนเวียนอยู่ใต้แท่นอย่างเงียบงัน โดยไม่ก่อให้เกิดคลื่นแม้แต่น้อย
สัตว์ประหลาดตนนี้แข็งแกร่งถึงขั้นจ้าวยุทธ์เลยทีเดียว!
และนี่ก็ยังเป็นเพียงแค่พื้นที่แรกที่ได้เข้ามาในเกาะสังหารเซียนเท่านั้น
ลู่หยวนละสายตาและกล่าวกับฮ่วนซิงไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “แผนที่เกาะสังหารเซียนอยู่ที่ใด”
ฮ่วนซิงไป๋ได้ยินดังนั้นจึงรีบหยิบแผนที่ออกมาส่งให้ลู่หยวน
ชายหนุ่มรับมาและเปิดดู เห็นว่าแผนที่นี้วาดไว้ได้อย่างรวบรัดมาก ทว่าข้อมูลหลัก ๆ ก็มีการระบุไว้อย่างชัดเจน
ตามที่วาดไว้ในแผนที่นี้ ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้เข้าไปในเกาะสังหารเซียนเลยด้วยซ้ำ!
พวกเขายังอยู่เพียงแค่ในน่านน้ำรอบนอก!
น่านน้ำแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลมากซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของเกาะสังหารเซียนไปด้วย
ท่ามกลางผืนน้ำอันกว้างใหญ่นั้น มีเพียงเเท่นหินสี่แท่นที่ตั้งตระหง่านอยู่เท่านั้น
ในยามนี้ลู่หยวนต้องตัดสินใจอย่างเเน่วเเน่แล้ว
เเท่นหินทั้งสี่นั้นอาจจะสอดคล้องกับขอบเขตทั้งสี่ทิศของเเผ่นดินหยวนหง
เมื่อข้ามผ่านน่านน้ำไป ก็จะสามารถขึ้นไปยังเกาะสังหารเซียนได้ในฉับพลัน!
เกาะสังหารเซียนนั้นจะเเบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้เเก่ ด้านนอก ตรงกลาง เเละด้านใน
ซึ่งการบรรยายส่วนของรอบนอกนั้นมีรายละเอียดมากมาย เเม้เเต่ข้อมูลของยอดฝีมือคู่เเข่งก็ยังให้มาอย่างครบถ้วน
เเต่ในส่วนตรงกลางกลับมีข้อมูลน้อยมาก มีเพียงไม่กี่ประโยค และทำเพียงขีดวงไว้เท่านั้น โดยไม่มีคำบรรยายใด ๆ ทั้งสิ้น
ลู่หยวนเก็บม้วนแผนที่ลงเเล้วหันไปมองทางด้านหน้า
ดูเหมือนว่าหลายปีมานี้ ความพยายามทั้งมวลของเเผ่นดินหยวนหงจะผลักดันการสำรวจไปถึงเเค่บริเวณตรงกลางเท่านั้น เเต่ก็ยังไม่มีข้อมูลใด ๆ
ก่อนหน้านี้ ซิงไป๋ได้กล่าวถึงซากศพของเหล่าเทพ ซึ่งก็ได้ค้นพบที่บริเวณตรงกลางเช่นกัน
เเละลู่หยวนก็เพิ่งเห็นอย่างชัดเจนว่าบนแผนที่ได้มีการทำเครื่องหมายไว้ว่า ในบริเวณตรงกลางนั้น มีผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะที่เทียบเท่ากับอมตยุทธ์ของเเผ่นดินหยวนหง
จะเห็นได้ว่า หากเข้าไปในบริเวณด้านใน สิ่งที่ปรากฏออกมาจะต้องทรงพลังอย่างมากเป็นเเน่!
ลู่หยวนเหลือบสายตาไปด้านข้าง เเละลดเสียงลงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกับซิงไป๋ว่า “พวกเจ้า เเดนมัชฌิมยังคงสร้างอาณาเขตอยู่หรือไม่?”
ซิงไป๋ได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้นทันที “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านรู้ได้อย่างไร! ข้ายังมิได้บอกท่านเลย! ข้ายังตั้งใจว่าจะรอให้เราไปถึงรอบนอกก่อน จากนั้นจึงค่อยเเนะนำให้ท่านรู้จักอยู่เลย!”
ลู่หยวนยิ้มมุมปากเเละไม่เอ่ยอะไร
เปล่าประโยชน์ พวกเขาสำรวจรอบนอกจนรู้หมดแล้ว กระทั่งจะต้องเดินไปทางไหนบ้าง ทางไหนที่เดินได้ ทางไหนที่ไม่ควรเดิน ที่ไหนมีสัตว์อะไรให้ล่าก็ยังบันทึกไว้อย่างละเอียดยิบเช่นนี้ หากไม่ใช่ว่าได้สร้างอาณาเขตของตนเองเอาไว้ แล้วจะเป็นแบบใดไปได้
ลู่หยวนจึงเอ่ยว่า “เมื่อไปถึงรอบนอกแล้ว ให้พาคนเหล่านี้ออกไปเสีย ขืนอยู่ไปก็เเค่เป็นภาระ”
คนที่ลู่หยวนเอ่ยถึงก็คือคนอื่น ๆ นอกเหนือจากพวกเขาเหล่าผู้เเข็งเเกร่งทั้งหลาย ทั้งเเดนมัชฌิมเเละเเดนเหนือได้ผู้ติดตามมาค่อนข้างมาก หากให้อยู่ในรอบนอกยังพอได้ เเต่หากเข้าไปตรงกลาง ก็เท่ากับเป็นการนำพาความตายมาให้เลยทีเดียว
ซิงไป๋พยักหน้า เขาก็มีความคิดเช่นนี้อยู่เเล้ว เเต่ก็ยังอดถามไม่ได้ว่า “เช่นนั้น จะพาลุงเฟิ่งไปด้วยหรือไม่”
ความสามารถของลู่เทียนเฟิ่งนั้นมิได้เเข็งเเกร่งมากนัก เเม้ว่าจะฝืนยกระดับการบ่มเพาะของตนเองขึ้นมา เเต่เขาคงยังไม่สามารถต่อสู้บริเวณตรงกลางเกาะสังการเซียนได้ดีนัก จะพาไปหรือไม่ย่อมทั้งได้ทั้งสิ้น
ดังนั้นซิงไป๋จึงได้ถามคำถามนี้ขึ้นมา
ลู่หยวนเหลือบมองไปยังลู่เทียนเฟิ่งที่กำลังมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย มุมปากของเขาก็ยิ่งมีรอยยิ้มมากขึ้น “ให้เขาตามมาเถิด เเม้ว่าข้าจะเข้าไปด้านใน ข้าก็จะให้เขาตามมาด้วย ขอเพียงแค่สามารถตามมาได้ทันก็พอ”
เมื่อซิงไป๋เห็นสีหน้าเช่นนี้ของลู่หยวน ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวเย็นขึ้นมา
เมื่อหลายเดือนก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างลู่หยวนกับลู่เทียนเฟิ่งนั้น ซิงไป๋ได้ประจักษ์ด้วยตาตนเองแล้ว!
อาเเละหลานคู่นี้ก็ถือว่าสนิทสนมกันดีใช้ได้
ลู่เทียนเฟิ่งที่เข้าใจว่าลู่หยวนตายไปแล้วนั้น ก็ถึงขั้นคลุ้มคลั่งไปเลยทีเดียว
เเต่เมื่อได้พบกันในครั้งนี้ ลู่หยวนก็ยังคงเป็นลู่หยวนคนเดิม เเต่ลู่เทียนเฟิ่งกลับดูมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งซิงไป๋เองก็อธิบายไม่ถูกเช่นกันว่าเปลี่ยนเเปลงไปอย่างไร
เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากันเเน่!
ซิงไป๋ส่ายหัวพยายามไม่คิดสิ่งใดต่อ
ทั้งสองคนคุยกันไม่กี่คำ ก็ตัดสินใจเรื่องการเข้าไปยังรอบนอกของเกาะได้แล้ว
ฮ่วนซิงไป๋ถือกระบี่ “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ น่านน้ำแห่งนี้กว้างใหญ่นัก พวกเราจะเหาะข้ามไปเลยหรือไม่”
ด้วยความสามารถของทุกคนแล้ว การเหาะข้ามไปยังเกาะสังหารเซียนนั้นมิใช่เรื่องยาก
แต่ลู่หยวนกลับส่ายหัว เขาเหยียดมือขวาออกไปกลางอากาศ จากนั้นอักขระยันต์ประหลาดสีแดงก็ปรากฏขึ้นมา
อักขระยันต์เหล่านั้นกระจายออกไป มันมากมายจนดูอัดแน่นไปหมด และครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้!
ทุกคนต่างไม่เคยเห็นอักขระยันต์เหล่านี้มาก่อน
“นี่คืออักขระยันต์ชะลอการลอยตัว”
ลู่หยวนเอ่ยช้า ๆ อักขระยันต์เหล่านั้นก็หายลับไปพร้อมกับที่เขาชักมือกลับ
“ตัวข้ายังทนทานต่อมันได้ แต่พวกเจ้า ไม่มีผู้ใดข้ามไปได้แม้แต่คนเดียว”
คำกล่าวของลู่หยวนนั้นเรียบเฉย แต่ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น
แต่เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น ต่างก็กะพริบตาปริบ ๆ
ช่างน่าแปลก คนที่มีพลังแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ไม่มีอะไรขวางกั้น อย่างพวกเขา แค่เหาะข้ามไปยังลำบากเลยอย่างนั้นหรือ?
ตอนแรกพวกเขายังคิดว่าการมาที่นี่อาจจะช่วยลู่หยวนได้บ้าง ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนตนเองมาเป็นภาระเสียมากกว่า หากไม่มีพวกเขา ลู่หยวนก็คงไปถึงเกาะสังหารเซียนเสียตั้งนานแล้ว