ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 598 ขอบเขตแดนเหนือ
บทที่ 598 ขอบเขตแดนเหนือ
บทที่ 598 ขอบเขตแดนเหนือ
คณะเดินทางของลู่หยวนรุดหน้าอย่างรวดเร็ว เพียงครึ่งเดือน พวกเขาก็มาถึงเขตแดนของแดนเหนือแล้ว!
ยิ่งมุ่งหน้าเข้าไปทางเหนือมากเท่าไร จำนวนผู้คนก็ยิ่งร่อยหรอมากขึ้นเท่านั้น ทรายคละคลุ้ง สายลมโหมกระหน่ำ ทัศนวิสัยยากลำบาก ทั่วทุกหนแห่งล้วนเป็นซากปรักหักพัง
สำหรับทุกคนแล้ว ล้วนสามารถรับรู้ได้ว่าตั้งแต่ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ พวกเขาไม่พบเห็นผู้ใดอีกเลย มีเพียงสัตว์อสูรอันทรงพลังที่จ้องมองพวกเขามาจากทิศไกลแทน
เหล่าสัตว์อสูรเหล่านี้ช่างแปลกประหลาดยิ่ง พวกมันมีค่าชะตาอันยิ่งใหญ่ แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยเห็นสัตว์อสูรที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ค่อยจะปรากฏกายให้เห็นบ่อยนัก พวกมันเพียงเฝ้ามองจากระยะไกล ร่างกายหมอบราบราวกับกำลังหวาดกลัวต่อบางสิ่ง
แท้จริงแล้ว ผู้คนล้วนเดาออกได้ว่าสิ่งที่พวกมันหวาดกลัวนั้นเป็นผู้ใด นอกจากลู่หยวนแล้วยังจะเป็นผู้ใดไปได้อีก?
ตลอดเส้นทาง ลู่หยวนไม่เคยปกปิดความแข็งแกร่งในด้านการบ่มเพาะของตนเอง
สำหรับทุกคนแล้ว ล้วนไม่สามารถหยั่งรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของลู่หยวนได้ พวกเขารู้สึกเพียงว่าบุรุษผู้นี้แข็งแกร่งยิ่ง ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรได้!
ครู่ต่อมา คณะเดินทางของลู่หยวนก็ค้นพบว่าเส้นทางที่พวกเขายืนอยู่นั้นได้หายสิ้นไปแล้ว พายุทรายที่อยู่เบื้องหน้าก็สงบลงไปมาก สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาของพวกเขานั้นคือม่านกำแพงที่สูงเสียดฟ้า
ม่านกำแพงพุ่งขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ปกคลุมท้องฟ้าไว้ครึ่งหนึ่ง
ลู่หยวนใช้เท้าแตะพื้นเบา ๆ เขาก็มาถึงด้านข้างม่านกำแพง
เห็นได้ชัดว่าม่านกำแพงแห่งนี้ไร้ซึ่งอำนาจกดข่มใด ๆ แม้ลู่หยวนเองจะลองส่งปราณวิญญาณเข้าไปก็ตาม มันก็นิ่งสงบดุจสายน้ำที่ไหลลงสู่ทะเลขนาดใหญ่ ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้น
“นี่คือชายแดนทางเหนือ ไร้ซึ่งขอบเขต”
ลู่หยวนพึมพำเบา ๆ
ฮ่วนซิงไป๋ก็ก้าวเดินตามออกมาทันที และมายืนที่ข้าง ๆ ลู่หยวน สัมผัสม่านกำแพงนั้น ก่อนจะกล่าวว่า “นี่คืออีกเส้นทางหนึ่งที่จะเข้าไปยังเกาะสังหารเซียน”
ลู่หยวนพยักหน้า
ทั้งสองคนมีข้อมูลนำทาง จึงทำให้รู้ว่าหนทางสู่เกาะสังหารเซียนนั้นแท้จริงแล้วอยู่ในที่แห่งนี้
ตามที่ฮ่วนซิงไป๋เอ่ยไว้ว่าเป็นอีกเส้นทางหนึ่ง ชี้ให้เห็นว่าเขตแดนเหนือแห่งนี้ เป็นเพียงทางเข้าหนึ่งทางหนึ่งเท่านั้น ซึ่งยังมีทางเข้าอื่น ๆ อยู่ที่อื่นทั่วโลก
และเขตแดนของโลก คือทางเข้าสู่เกาะสังหารเซียน!
เขตแดนของแดนเหนือก็เป็นเช่นนี้ เขตแดนในทิศตะวันออก ตะวันตก และทิศใต้ก็คงเป็นเช่นนี้เช่นกัน!
ฮ่วนซิงไป๋ถอยหลังหนึ่งก้าว หยิบกระบี่สังหารเซียนออกมาถือไว้ในมือ และเตรียมพร้อมที่จะก้าวเข้าไป “ขอให้ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ลงมือเถิด!”
คนอื่น ๆ ก็หยิบอาวุธออกมาพร้อมตั้งท่าระมัดระวังยิ่ง!
จากรายงานที่ส่งกลับมา ชี้ให้เห็นว่าเพียงแค่ทำลายม่านกำแพงนี้ ก็จะสามารถหาเส้นทางเข้าไปสู่เกาะสังหารเซียนได้แล้ว
สำหรับทุกคนแล้วล้วนรับรู้กันดีว่าลู่หยวนเป็นคนเดียวที่มีระดับการบ่มเพาะสูงที่สุดในขณะนี้ ในเมื่อมันแจ่มชัดเช่นนี้ ก็ย่อมต้องให้ลู่หยวนลงมือทำ
ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเขาลองลงมือเองแล้วใช้ความพยายามอย่างเต็มที่แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นนั้นจะมิใช่การทำให้ตนเองขายหน้าเปล่า ๆ หรือ?
ลู่หยวนเข้าใจความคิดของพวกเขาดี จึงยืดมือขวาออกมา พบว่ามีอักขระโบราณอันซับซ้อนปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ บนฝ่ามือของเขา จากนั้นก็พุ่งออกไปอย่างรุนแรง เพื่อเปร่งแสงไปยังครึ่งหนึ่งของม่านกำแพง
เห็นได้ชัดว่ามีแสงสีทองปรากฏบนอักขระโบราณนั้น หากมองอย่างละเอียดก็จะรู้ว่ามีแสงสว่างที่ส่องประกายออกมาถึงเก้าแห่ง มันเปล่งประกายราวกับดวงดาวเก้าดวงในคืนอันมืดมิด
ลู่หยวนเปิดปากและเปล่งเสียงออกมาทีละคำ “ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม!”
นี่คือตราประทับที่ลู่หยวนและซ่งชิงต่างแย่งชิงกัน!
นี่คือครั้งแรกที่ลู่หยวนใช้ตราประทับนี้ หลังจากที่เขาฝึกฝนจนสำเร็จ!
ดวงดาวทั้งเก้าเปล่งประกายอย่างฉับพลัน เสียงพวกมันกระทบกันดังก้องขึ้นพร้อมกัน สะเทือนไปชั้นบรรยากาศ พื้นที่โดยรอบก็พลอยสั่นสะเทือนไปด้วย!
ทุกคนล้วนยกมือขึ้นปิดหูในเร็วพลัน เสียงก้องกังวานยังคงดังอยู่รอบข้างราวกับจะทะลุแก้วหูของพวกเขา
ทันใดนั้น เสียงก้องกังวานทั้งหมดก็หยุดลงพร้อมกัน ในเวลานี้ อักขระในมือของลู่หยวนได้แผ่คลุมไปทั่วม่านกำแพง พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
แสงดาวสาดส่อง บนม่านกำแพงเปล่งประกายราวกับภาพวาดอันงดงาม
“ตูม!”
เกิดเสียงดังสนั่น ม่านกำแพงทั้งหมดก็สั่นไหวอย่างรุนแรง!
คลื่นกระแทกแผ่ขยายออกไป สร้างผลกระทบในทุกทิศทาง!
ผู้คนล้วนนำเอาความสามารถพิเศษของตนออกมาใช้ จึงรอดชีวิตจากคลื่นกระแทก
ในขณะที่สภาพภูมิประเทศโดยรอบไม่สามารถทนทานต่อแรงกระแทกนี้ได้อีกต่อไป จึงพังทลายหายไปในหุบเหว!
แสงดาวพลันมลายหายไปในพริบตา ลู่หยวนหดมือขวาของตนกลับมา
ม่านกำแพงนั้นแตกสลายลงกลายเป็นละอองดาวแล้วกระจายไปในหมู่คน
ในขณะเดียวกัน พื้นที่ด้านหลังเกราะป้องกัน จู่ ๆ ก็กลายเป็นโพรงขนาดใหญ่ ทุกอย่างว่างเปล่าและเลือนรางราวกับภาพมายา
โพรงขนาดใหญ่ดูดกลืนทุกสิ่ง เม็ดทรายปลิวว่อนไปทั่วและม้วนเข้าสู่โพรงที่มองไม่เห็นก้นบึ้งนี้
ถึงแม้แรงดูดจะมหาศาล แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะดูดผู้คนในที่นี้เข้าไปได้
เสื้อคลุมของพวกเขาปลิวไสว ต่างจับจ้องอยู่ที่ลู่หยวนเพียงคนเดียว
แต่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะเป็นผู้นำเข้าไป
ทั้งตระกูลลู่และคนจากแดนมัชฌิมมีความหวาดกลัวอยู่บ้าง เพราะไม่มีผู้ใดสามารถมีชีวิตกลับออกมาจากเกาะสังหารเซียนได้เลย พวกเขานำข่าวสารกลับมาได้ก็ด้วยการใช้แผ่นยันต์ที่พกเข้าไปเท่านั้น
หากพวกเขาเป็นผู้นำเข้าไปสำรวจ ก็มีโอกาสสิ้นชีพสูงมากเช่นกัน!
กู้ชิงหรัน ฮ่วนซิงไป๋ และเซียวเทียน ทั้งสามคนไม่มีความคิดเช่นนี้
ที่พวกเขายังไม่รีบเข้าไปเพราะลู่หยวนคือผู้นำต่างหาก!
การเข้าสู่เกาะสังหารเซียนครั้งนี้ อาจต้องค้นหาบางสิ่งบางอย่าง และด้วยนิสัยของลู่หยวนแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาที่นี่เพียงเพื่อต่อสู้กับซ่งชิงเท่านั้น!
หากลู่หยวนต้องการ เกาะสังหารเซียนอาจต้องตกเป็นของเขาก็เป็นได้!
และการที่ลู่หยวนต้องเป็นคนแรกที่ก้าวเข้ามายังบริเวณนี้จึงมีความหมายอย่างมาก!
ลู่หยวนยืนกอดอกมองไปทางเขตแดนสุดท้ายของแดนเหนือ
เหล่าสัตว์อสูรที่กำลังมองพวกเขาอยู่ต่างก็วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตทันทีที่ม่านกำแพงเปิดออก ราวกับว่าพวกมันได้พบเห็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก!
“ไปกันเถิด ตามข้าไปดูเกาะสังหารเซียนว่าเป็นอย่างไร!”
เมื่อลู่หยวนเอ่ยจบ ทุกคนก็รีบตอบรับ “รับทราบ!”
เพียงชั่วพริบตาที่ลู่หยวนกระโดดขึ้น ก็กลายเป็นแสงรุ้งพุ่งทะยานตรงไปยังอุโมงค์แสงนั้น!
ทุกคนต่างก็ตามเข้าไป!
มีเพียงลู่เทียนเฟิ่งที่อยู่ท้ายสุดของขบวนเฝ้าดูทุกคนเข้าไปในอุโมงค์นั้น
กู้ชิงหรันรู้สึกตัวขึ้นมาได้อย่างเฉียบคม ขณะที่ร่างที่กำลังจะเคลื่อนไหวกลับชะงักลงในทันที แล้วแสร้งทำเป็นถามลู่เทียนเฟิ่งอย่างกะทันหัน “ท่านลุงไม่เข้าไปหรือ”
ลู่เทียนเฟิ่งตกใจราวกับไม่คิดว่ากู้ชิงหรันจะถามคำถามนี้ขึ้นมาทันใด เขากำยันต์ในมือไว้แน่น มือที่อยู่ในผ้าคลุมสีดำนั้นก็ยิ่งกำแน่นขึ้น เพราะยังคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไร กู้ชิงหรันก็ยกยิ้มมุมปาก “ท่านลุง ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ”
กล่าวจบ กู้ชิงหรันก็วูบหายเข้าไปในอุโมงค์แสง
เมื่อเห็นว่ากู้ชิงหรันเข้าไปในอุโมงค์แล้ว คนที่เหลือก็มิได้สนใจเขาอีก ลู่เทียนเฟิ่งที่เมื่อครู่ยังตัวเกร็งอยู่ก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
สายตาของเขาจ้องไปยังอุโมงค์แสงราวกับครุ่นคิด
หรือว่าเด็กสาวผู้นั้นจะดูออก?
ลู่เทียนเฟิ่งกำยันต์ในมือไว้แน่น รอให้ทุกคนเข้าไปในอุโมงค์หมดแล้ว จึงคลายมือออก ปล่อยให้มันหายวับไปในความว่างเปล่า!
และที่หน้าผากของเขา ก็มีแสงสีแดงเข้มส่องวาบขึ้น
สัมผัสเทวะของลู่เทียนเฟิ่งตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กลับคืนสู่สภาพปกติในทันที แล้วจึงก้าวเข้าไปในอุโมงค์แสงโดยพลัน!
ยันต์เคลื่อนที่ในความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว เข้าไปยังเกาะเมฆาของตระกูลลู่!