ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 595 กระบี่สังหารเซียน!
บทที่ 595 กระบี่สังหารเซียน!
บทที่ 595 กระบี่สังหารเซียน!
“กระบี่สังหารเซียนเชียวหรือ?”
แววตาของฮ่วนซิงไป๋เป็นประกาย แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ดีว่าสิ่งของที่ลู่หยวนมอบให้ล้วนแล้วแต่ไม่ธรรมดา!
ทว่า… กระบี่เล่มนี้ดูเผิน ๆ แล้ว ช่างธรรมดาสิ้นดี หรืออาจจะซ่อนความพิเศษที่เขายังมองไม่เห็นอยู่กระมัง?
ลู่หยวนยื่นกระบี่ในมือออกไปข้างหน้าเป็นเชิงให้ฮ่วนซิงไป๋รับไป
จากนั้นฮ่วนซิงไป๋ก็ยื่นมือไปรับกระบี่เล่มนั้นทันที
เสียงลู่หยวนยังคงดังก้อง “เขาว่ากันว่ากระบี่เล่มนี้ตีขึ้นมาจากเศษเหล็กของแดนสวรรค์ที่ตกลงมาตอนเซียนสิ้นชีพ กระบี่เล่มนี้ผ่านการหลอมโดย ช่างตีเหล็กสามชั่วอายุคนจึงจะสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง!”
ฮ่วนซิงไป๋พยักหน้า จากนั้นกระบี่ก็ตกไปอยู่ในมือของฮ่วนซิงไป๋ในที่สุด
ทันทีที่รับมา สีหน้าของฮ่วนซิงไป๋ก็เปลี่ยนไปในบัดดล!
ช่างหนักอะไรเช่นนี้!
เดิมทีเขาตั้งใจจะใช้เพียงมือขวารับไว้ แต่เมื่อได้กระบี่มาในมือกลับต้องใช้สองมือจับไว้แทน แต่ถึงกระนั้นกระบี่ก็ยังหนักอึ้งจนยกไม่ขึ้น!
ฮ่วนซิงไป๋ตกใจยิ่งนัก เขารีบรวบรวมลมปราณทั้งมวลถ่ายเทเข้าสู่กระบี่อย่างสุดกำลัง ทำให้กระบี่เล่มนั้นสั่นสะเทือน!
ซึ่งพอจะยกกระบี่ขึ้นพ้นพื้นดินได้เล็กน้อย
ทว่าไม่กี่อึดใจต่อมา บนหน้าผากของฮ่วนซิงไป๋ก็มีเหงื่อผุดขึ้นมาประปราย และกระแสกระบี่ที่โชยอยู่รอบกายฮ่วนซิงไป๋ซึ่งเป็นของกู่อี้เจี้ยนก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและแผ่กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง!
“ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ กระบี่เล่มนี้…”
ฮ่วนซิงไป๋มองลู่หยวนด้วยความไม่แน่ใจนัก ตั้งแต่รับกระบี่มาไว้ในมือ เขาก็รู้แล้วว่ากระบี่เล่มนี้ไม่เหมือนกับกระบี่สะสมเล่มอื่น ๆ ของเขา
มิเช่นนั้นตระกูลลู่คงไม่เก็บรักษาเอาไว้ในสุสานบรรพชนหรอก
แต่ความรู้สึกหนักหน่วงที่รับรู้ได้ก็ยังบอกกับฮ่วนซิงไป๋ว่ากระบี่เล่มนี้ใช้การได้ไม่ง่ายนัก!
ลู่หยวนกลับยืนเอามือเท้าเอวอยู่เฉย ๆ พร้อมกับเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า “ฮ่วนซิงไป๋ พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางกันแล้ว วันนี้เจ้าต้องฝึกใช้กระบี่เล่มนี้ให้เชี่ยวชาญให้ได้”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของฮ่วนซิงไป๋ก็ปรากฏความกังวลใจขึ้นมา “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ ท่านคิดจริงหรือว่าข้าจะฝึกฝนกระบี่เล่มนี้จนเชี่ยวชาญได้ในวันเดียว?”
ลู่หยวนก็ตอบราวกับเป็นเรื่องธรรมดา “มิใช่เจ้าแล้วจะเป็นผู้ใด?”
“กระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งหาใดเปรียบ ความสามารถที่ซ่อนอยู่ในนั้นไม่มีที่สิ้นสุด หากเจ้าฝึกฝนกระบี่เล่มนี้จนเชี่ยวชาญได้สำเร็จ เมื่อผสานกับลมปราณของเทพที่ลี้ภัยในร่างของเจ้าแล้ว แม้แต่เทพเจ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าก็ยังพอจะต่อสู้ได้!”
เมื่อได้ฟังคำพูดของลู่หยวน ฮ่วนซิงไป๋จึงเริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาบ้าง เขาพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “รับทราบ! ข้าจะไม่ทำให้ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ผิดหวังเป็นแน่!”
กล่าวจบ ฮ่วนซิงไป๋ก็หาที่บริเวณนั้นแล้วหลบไปฝึกตน!
เหล่าสมาชิกตระกูลลู่ เมื่อเห็นลู่หยวนมอบกระบี่สังหารเซียนที่ตระกูลเก็บรักษาไว้มาช้านานให้ผู้อื่นเช่นนี้ พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ชอบด้วยกฎเกณฑ์ แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากทัดทาน
เพราะแม้แต่ลู่เทียนเฟิง ผู้รักษาการประมุข ยังไม่กล่าวอันใด พวกเขาจะกล้าเอ่ยกระไรได้?
ขณะที่ลู่เทียนเฟิงเองก็ได้แต่มองจากระยะไกล แล้วก็สั่งให้คนจัดเตรียมที่พักให้กับผู้มาเยือนจากแดนมัชฌิม ทั้งยังมีน้ำใจมอบยาและเครื่องรางให้กับเขาเหล่านั้นอีกด้วย
ทำให้ผู้คนจากแดนมัชฌิมต่างมีความรู้สึกอันดีต่อลู่เทียนเฟิงเป็นอย่างมาก
และยามราตรีก็มาเยือน
ในโถงใหญ่ของตำหนักตระกูลลู่ ลู่หยวนนั่งอยู่กับกู้ชิงหรัน
หลายวันมานี้ ลู่หยวนก็ได้ศึกษาฝักกระบี่ไท่อีไปบ้างแล้ว ปราณในนั้นไม่สามารถให้ระบบดึงออกมาโดยตรงได้ แม้กระทั่งเมื่อถามถึงเรื่องนี้ ระบบก็ไม่ตอบ
ลู่หยวนจึงต้องอาศัยตัวเขาเองในการค่อย ๆ ศึกษาค้นคว้า
กู้ชิงหรันเป็นผู้เอ่ยปากก่อน “ผู้คนที่เดินทางมาจากแดนมัชฌิม นอกจากฮ่วนซิงไป๋กับเซียวเทียนแล้ว คนอื่น ๆ ก็ดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ เจ้าจะพาคนพวกนี้ไปจริง ๆ หรือ”
ลู่หยวนเข้าใจในสิ่งที่กู้ชิงหรันเอ่ย
คราวนี้ที่จะเดินทางไปยังเกาะสังหารเซียน ไม่ต้องเอ่ยถึงความยากลำบากและอุปสรรคมากมายที่อยู่ภายในนั้น ที่นั่นมีร่างของเทพยังคงหลงเหลืออยู่ บางทีอาจจะมีสิ่งมีชีวิตลึกลับบางอย่างที่โลกใบนี้ไม่เคยพบเห็นอยู่ก็เป็นได้!
แม้ว่าในเวลานี้ลู่หยวนจะก้าวเข้าสู่ระดับเทพยุทธ์ครึ่งก้าวแล้ว แต่ก็เป็นเพียงจ้าวแห่งดินแดนที่ผู้คนรู้จัก เป็นผู้ที่ไม่มีผู้ใดทัดเทียมในสิ่งที่เป็นที่ใต้หล้ารู้จัก
แต่ในแดนที่ยังไม่เป็นที่รู้จักนั้น ก็ไม่รู้ว่าลู่หยวนจะเป็นเช่นไร
และซ่งชิงก็จะเดินทางไปยังเกาะสังหารเซียนด้วย หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด เกาะแห่งนั้นก็จะเป็นสถานที่ที่ซ่งชิงและลู่หยวนจะต้องตัดสินแพ้ชนะกัน
ผู้คนที่ติดตามซ่งชิงมาก็มีอยู่ไม่น้อย คนที่เขาพาไปในครั้งนี้ คงจะเป็นเหล่าคนเก่งทั้งสิ้น เมื่อมองมาที่ลู่หยวนแล้ว กลับไม่มีผู้ไร้เทียมทานเลยสักคน!
ถ้าหากจะพูดถึงพลังแห่งการต่อสู้ ก็มีแค่กู้ชิงหรัน ฮ่วนซิงไป๋ และเซียวเทียนเท่านั้น
ถึงแม้ว่ากู้ชิงหรันจะรู้ดีว่าแผนการของลู่หยวนย่อมมีเหตุผลรองรับ แต่เมื่อถึงเวลานี้ก็อดที่จะเตือนไม่ได้
ลู่หยวนเผยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้าหมายความเช่นไร แต่ถึงข้าจะไม่พาพวกเขาไป ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ในเกาะสังหารเซียนก็มีบทบาทของคนในเกาะสังหารเซียน ส่วนคนที่ไม่อยู่ในเกาะสังหารเซียนก็มีภารกิจของพวกเขาเช่นกัน”
“ตราบใดที่อู๋เต้าและคนอื่น ๆ สามารถทำตามที่ข้าสั่งไว้ก่อนหน้านี้ได้ ก็ถือว่าช่วยข้าได้มากแล้ว!”
รอยยิ้มของลู่หยวนยิ่งกว้างขึ้น
การต่อสู้กับซ่งชิง กล่าวโดยสรุปก็คือการประชันระบบกันมิใช่หรือ?!
นั่นก็คือการแข่งขันค่าโชคชะตาใช่หรือไม่?!
ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะกำจัดกองกำลังของซ่งชิงไปได้มากแล้ว แต่ก็ยังคงมีฐานทัพใหญ่หลงเหลืออยู่ นั่นก็คือตำหนักประตูสวรรค์!
และตำหนักประตูสวรรค์ก็เปรียบได้กับอาณาจักรแห่งหนึ่ง ซึ่งมีค่าโชคชะตาแฝงเร้นอยู่ไม่น้อย
ซึ่งค่าโชคชะตานี้ ก็คือไพ่ตายสุดท้ายของซ่งชิง!
ลู่หยวนเองก็เชื่อ ว่าเมื่อใดที่ซ่งชิงจากตำหนักประตูสวรรค์ไป เขาคงจะไม่พาคนไปด้วยมากมายนัก บางทีอาจจะทิ้งผู้แข็งแกร่งไว้ในตำหนักประตูสวรรค์ เพื่อคงไว้ซึ่งค่าโชคชะตาของตำหนักแห่งนี้
และลู่หยวนก็คิดอีก ว่าตราบใดที่ราชวงศ์อู๋ซวงและแดนมัชฌิมยังไม่ล่มสลาย ลู่หยวนก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่พ่ายแพ้!
ระหว่างที่ลู่หยวนและซ่งชิงกำลังต่อสู้กัน หากค่าโชคชะตาของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดสิ้นลงแล้ว เมื่อนั้นก็ถึงคราวจบสิ้น!
ลู่หยวนจึงทิ้งกำลังคนมากมายเอาไว้ หนึ่งก็เพื่อป้องกัน อีกหนึ่งก็เพื่อรอโอกาสโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว!
เขาจะบดขยี้ตำหนักประตูสวรรค์จนแหลกสลายให้ได้!
เมื่อถึงเวลานั้น ลู่หยวนจะคอยดูว่าซ่งชิงยังจะเล่นไล่จับกับเขาแบบคราวที่แล้วได้อีกหรือไม่?!
“ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้หรอก ข้าคิดทบทวนมาดีแล้ว”
ลู่หยวนหันไปมองกู้ชิงหรัน “พวกเราพักผ่อนกันให้เร็วเถิด พรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางแล้ว”
กล่าวจบ ลู่หยวนก็ลุกขึ้นกอดกู้ชิงหรัน
ฝ่ายกู้ชิงหรันก็เดินหันหลังกลับในทันที จากนั้นก็แยกจากลู่หยวนไปอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าของนางมีสีแดงระเรื่อปรากฏขึ้นเล็กน้อย “ย่อมเป็นไปตามนั้น ข้าจะกลับไปพักผ่อนแล้ว!”
สิ้นวาจา ร่างของกู้ชิงหรันก็หายลับไปแล้ว ช่างรวดเร็วเสียจริง!
ลู่หยวนมองไปยังโถงใหญ่อันว่างเปล่า ก็รู้สึกสับสนและเกาศีรษะของตนเอง
หึหึ แค่กอดนิดกอดหน่อยเอง จะรีบหนีไปไย!
กู้ชิงหรันที่กลับมาถึงตำหนักของตนเองแล้วก็ปิดประตูตำหนัก จากนั้นยังปิดผนึกด้วยอาคมอีกหลายชั้นจึงวางใจได้
การกระทำอันยั่วยวนไม่กี่วันที่ผ่านมา กู้ชิงหรันแทบจะทนรับไม่ไหว ลู่หยวนเอาแต่เอ่ยว่าอีกนิด ๆ ทุกครั้งไป จากนั้นก็ยังทำต่ออีกตั้งนานสองนาน
พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางแล้ว นางไม่อยากให้ตนเองอับอายต่อหน้าผู้อื่น!
หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ไม่รู้ว่าผู้อื่นจะวิจารณ์เช่นไร
แค่การออกจากด่านเมื่อไม่กี่วันก่อน ลู่เทียนเฟิ่งก็ได้ส่งคนนำยาบำรุงชั้นดีมาให้มากมาย แม้แต่อาหารประจำวันก็ยังเป็นสัตว์อสูรซึ่งเต็มไปด้วยปราณมากมาย