ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 594 การเตรียมตัว
บทที่ 594 การเตรียมตัว
บทที่ 594 การเตรียมตัว
ลู่เทียนเฟิ่งได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย สองสามวันมานี้เขาสงสัยอยู่แล้วว่าลู่หยวนพอจะเดาได้บ้าง คราวนี้พอได้ยินฮ่วนซิงไป๋พลันเอ่ยมาเช่นนี้ก็ยิ่งตกใจเข้าไปอีก
“ท่านหมายความว่าอย่างไร”
ลู่เทียนเฟิ่งถามเชิงชิมลาง
ฮ่วนซิงไป๋กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่ก็รับรู้ถึงปราณหนึ่งพัดผ่าน แผ่กระจายไปทุกหนแห่งในทันที!
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ออกจากการฝึกตนแล้วหรือ?!”
ฮ่วนซิงไป๋ดีใจจนตัวลอยไปในอากาศราวกับสายรุ้ง พุ่งทะยานไปทั่วท้องฟ้า แล้วจึงมาหยุดอยู่ที่หน้าวังของลู่หยวน!
ในเวลานี้ ลู่หยวนได้ก้าวออกมาจากตำหนักของตนแล้ว แววตาของเขาที่พุ่งไปข้างหน้าก็เห็นฮ่วนซิงไป๋
“ถึงเวลาแล้วหรือ”
ฮ่วนซิงไป๋พยักหน้า “ใช่แล้ว คุณชาย ผู้คนจากแดนมัชฌิมเตรียมพร้อมสรรพแล้ว กำลังรออยู่ในตระกูลลู่ทั้งหมด! อีกอย่างเซียวเทียนก็มาด้วย!”
สิ้นวาจา ฮ่วนซิงไป๋ก็หันกลับไป เขาเห็นผู้คนที่ติดตามมา ขบวนยิ่งใหญ่ราวสิบกว่าคน แต่ละคนสวมชุดคลุมสีดำ
มีคนหนึ่งได้ยินดังนั้นก็โฉบออกมาทันที ลมปราณโดยรอบแผ่กระจายออกไป อากาศสั่นสะเทือน จากนั้นก็มาปรากฏกายข้างฮ่วนซิงไป๋!
คนผู้นี้คือเซียวเทียน!
เซียวเทียนเงยหน้าขึ้น แล้วกล่าวคำนับลู่หยวน “ข้ามาแล้วคุณชาย”
เซียวเทียนในวันนี้ ได้จัดการตัวเองมาเรียบร้อยแล้ว ความเหนื่อยล้าและห่อเหี่ยวเมื่อก่อนก็หายไปสิ้นไป
เพียงแค่ยืนตระหง่านอยู่กลางเวหา ก็สามารถรับรู้ได้ถึงปราณมังกรที่แผ่กระจายราวกับกั้นไว้ไม่อยู่ ด้านหลังของเขาสะพายกระบี่ยาวเล่มหนึ่งอยู่ด้วย
“ดี”
มุมปากของลู่หยวนยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
เขารู้ดีว่าเหตุใดเซียวเทียนจึงได้มา คงเป็นเพราะได้ข่าวว่าซ่งชิงก็จะเดินทางไปยังดินแดนใดดินแดนหนึ่ง
และฮ่วนซิงไป๋ ในฐานะหัวหน้าผู้ควบคุมดูแลแดนมัชฌิม ก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะต้องรวบรวมผู้คน ดังนั้นไม่ต้องคาดการณ์มากมายก็รู้ได้ ว่าฮ่วนซิงไป๋กับลู่หยวนต่างก็รู้เรื่องนี้ดี
แท้จริงแล้ว ฮ่วนซิงไป๋เองก็เข้าใจความรู้สึกของเซียวเทียนดี และเขาก็เข้าใจบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ผู้นี้อย่างถ่องแท้
เมื่อก่อนนั้น ลู่หยวนคือผู้ที่ช่วยชีวิตชาวเซียวเทียนทั้งหลาย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ช่วยเหลือชาวบ้านธรรมดา ๆ เพียงไม่กี่คนให้รอดชีวิตมาได้ ดังนั้นเรื่องนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ คงมีวิธีการบางอย่างอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
หากว่าเป็นเมื่อก่อน ฮ่วนซิงไป๋คงไม่รู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ทำไปเพื่ออะไร และยิ่งกว่านั้นเซียวเทียนก็ไม่คู่ควรให้บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ต้องลำบากใจเช่นนี้ โดยเฉพาะการต้องมาช่วยสะสางเรื่องราวต่าง ๆ
แต่เมื่อฮ่วนซิงไป๋เห็นเซียวเทียนในเวลานี้ก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
ในระยะเวลาอันสั้นนี้ เซียวเทียนกลับสามารถยกระดับพลังของตนเองให้สูงขึ้นได้ถึงขั้นนี้เลยหรือ!
ซ้ำยังไม่ต้องใช้ยุทธวิธีพิเศษใด ๆ อีกด้วย!
บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่กำลังจะให้เซียวเทียนกลายเป็นศัตรูกับซ่งชิง!
ด้วยเหตุนี้ ฮ่วนซิงไป๋จึงคอยช่วยเหลือตามน้ำ เอาเรื่องราวบางอย่างมาเล่าให้เซียวเทียนที่ได้ยินโดยบังเอิญ ทำให้เซียวเทียนเป็นฝ่ายเสาะหาฮ่วนซิงไป๋ และให้ฮ่วนซิงไป๋พาเขาไป
ฮ่วนซิงไป๋จึงรับปากพาผู้คนมาที่ตระกูลลู่
เรื่องนี้ลู่หยวนย่อมรู้ดีอยู่แล้ว และลู่หยวนเองก็คิดเช่นเดียวกัน เขาไม่คิดว่าฮ่วนซิงไป๋จะทำอะไรที่ถูกใจเขาขนาดนี้ เยี่ยมจริง ๆ
ลู่หยวนเดินแค่ก้าวเดียวก็ปรากฏตัวข้าง ๆ เซียวเทียนและฮ่วนซิงไป๋
เขายื่นมือออกไป แล้วดึงเอากระบี่ยาวที่เซียวเทียนสะพายไว้บนหลังออกมา
เสียง “ชิ้ง” ดังขึ้น กระบี่ยาวหลุดก็ออกจากฝัก ซึ่งกระบี่เล่มนี้คือสิ่งที่เซียวเทียนได้รับขณะออกเดินทางเพื่อฝึกตน เป็นของวิเศษระดับสูงกว่าขั้นปฐพี หากเซียวเทียนใช้ปราณทั้งหมดก็จะเทียบเท่าระดับปรมาจารย์ยุทธ์!
“กระบี่เล่มนี้ใช้ได้ทีเดียว”
ลู่หยวนพยักหน้า “แต่ว่ายังสามารถดียิ่งขึ้นไปอีกได้!”
กล่าวจบ ลู่หยวนก็หันไปทางตระกูลลู่ แล้วตะโกนว่า “กระบี่!”
ทันทีที่เสียงแผ่วลง ก็มีเสียงตอบยาว ๆ ว่า “คุณชาย ข้าอยู่นี่!”
แล้วก็ปรากฏเป็นชายร่างอ้วนท้วน เปลือยกายท่อนบน ใบหน้าจ้ำม่ำมีแต่เนื้อหนัง
คนผู้นี้คือลู่ต้าชุย ช่างตีเหล็กที่เก่งที่สุดในตระกูลลู่ !
ลู่หยวนโยนกระบี่ยาวของเซียวเทียนให้ลู่ต้าชุย จากนั้นก็โยนของที่มีลักษณะคล้ายเปลือกไข่สีเขียวเหลือบฟ้าอีกชิ้น “ตีให้แข็งแกร่งขึ้น”
ลู่ต้าชุยรีบรับของทั้งสองสิ่งไว้ ทันทีที่เปลือกไข่สีเขียวเหลือบฟ้าสัมผัสกับมือ ลู่ต้าชุยก็ถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่หนึ่งครั้ง ดวงตาเป็นประกาย ลิ้นแทบจะพันกัน “คุณ… คุณชาย นี่… นี่มันอะไรกัน”
ลู่หยวนพยักหน้า “รู้แล้วก็รีบไปทำเถิด ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งวัน!”
ลู่ต้าชุยดีใจจนเนื้อเต้น “ขอรับ!”
เขารีบอุ้มของสองชิ้นนั้นไว้ในอ้อมอก แล้วมุ่งไปยังเรือนของตน!
เขาเป็นช่างตีเหล็กที่ดีที่สุดในตระกูลลู่ หากเปรียบในแผ่นดินหยวนหง แล้วก็ถือว่าติดอันดับหนึ่งในสิบ
สิ่งที่ลู่หยวนสั่งการมาก็เพียงแค่ให้เสริมความแข็งแกร่งให้กับกระบี่ยาวเล่มนี้ ไม่น่าจะใช้เวลานานนัก!
สิ่งที่ทำให้ลู่ต้าชุยตื่นเต้นจนตัวสั่น ก็คือสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายเปลือกไข่ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของจักรพรรดิแห่งมังกร!
อาจจะเป็นเศษจากเปลือกไข่ของมังกรแท้จริงที่ได้ฟักออกมากลายมาเป็นจักรพรรดิแห่งมังกร!
ลู่ต้าชุยรู้สึกคันไม้คันมือเป็นอย่างมาก อยากจะลองดูว่าหากตีสิ่งของดี ๆ เช่นนี้รวมเข้ากับอาวุธแล้ว จะสามารถแผ่ขยายพลังอำนาจออกมาได้มากเพียงใด!
ลู่หยวนเห็นลู่ต้าชุยจากไปแล้ว สายตาก็หันไปทางฮ่วนซิงไป๋ “ส่วนอาวุธของเจ้าอยู่ที่ใด”
ฮ่วนซิงไป๋เกาหัวตัวเองแล้วก็สะบัดแขนเสื้อ จากนั้นก็มีกระบี่ยาวหลายสิบเล่มพุ่งออกมา แล้วตกลงข้าง ๆ กาย
ฮ่วนซิงไป๋ซ่อนกระบี่ไว้จำนวนมาก ครั้งนี้ที่นำออกมาล้วนแต่เป็นของวิเศษทั้งสิ้น ซึ่งเขามีกระบี่ระดับเกียรติยศอยู่หลายเล่ม!
ลู่หยวนกวาดสายตามองทีละเล่มแล้วขมวดคิ้ว “มีเพียงแค่นี้หรือ เหล่าบรรพชนในตระกูลของเจ้ามิได้มอบสิ่งใดให้เลยหรือ”
ฮ่วนซิงไป๋ส่ายหน้า ตระกูลของตนไม่มีอาวุธ หรือกระบี่ที่ทรงพลังอันใดตกทอดมาเลย สิ่งที่นำออกมาในวันนี้ยังมีกระบี่หลงถิ่นที่ได้มาจากการหลอกลวงตระกูลไป๋มาอีกด้วย!
“เช่นนั้น จงตามข้ามา”
ลู่หยวนกล่าวจบ ก็เคลื่อนไหวในทันที เขาพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ฮ่วนซิงไป๋รีบตามไปในฉับพลัน
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา ฮ่วนซิงไป๋ก็ตามลู่หยวนมาถึงสุสานบรรพชน
สถานที่แห่งนี้ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก บรรดาผู้กล้าและสัตว์อสูรจำนวนมากต่างเฝ้าระวังบริเวณโดยรอบ อีกทั้งประตูบานใหญ่ของสุสานบรรพชนงดงามและหนักอึ้งยิ่งนัก ให้ความรู้สึกมั่นคงหนักแน่นอย่างหาที่สุดมิได้
ฮ่วนซิงไป๋เอ่ยขึ้นด้วยความลังเล “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ สถานที่เช่นนี้ ข้าไม่สมควรที่จะเข้าไปกระมัง”
สถานที่แห่งนี้เป็นสุสานบรรพชนของตระกูลลู่ นับได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดที่สุดของตระกูลลู่
ทันทีที่ฮ่วนซิงไป๋มาถึงยังที่แห่งนี้ เขาก็รับรู้ได้ถึงสายตาจำนวนมากที่จับจ้องมาจากทุกทิศทาง ช่างน่าขนลุกยิ่งนัก!
สุสานบรรพชนโดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นสถานที่สำคัญอย่างยิ่ง สิ่งของดี ๆ มากมายของตระกูลมักจะถูกซ่อนไว้ที่นี่เพื่อสักการะบูชา
“อืม”
ลู่หยวนตอบรับ “เจ้าจงรอข้าที่นี่”
“ขอรับ!”
ฮ่วนซิงไป๋ตอบรับในทันที
และเมื่อลู่หยวนก้าวเข้าไปในสุสานบรรพชน สายตาเหล่านั้นก็ยิ่งทวีจำนวนมากขึ้นไปอีก ซ้ำยังปรากฏแววไม่เป็นมิตรออกมาอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าฮ่วนซิงไป๋จะปลุกพลังเลือดแห่งเทพเซียนขึ้นมาแล้วก็ตาม ทว่าก็ยังรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย
แต่ในไม่ช้า ลู่หยวนก็เดินออกมา มือของเขากุมกระบี่สีดำตลอดทั้งเล่มหนึ่งไว้
กระบี่เล่มนี้ไร้ซึ่งลวดลายประดับประดาใด ๆ ใบมีดมืดมัวไร้ประกาย และรูปแบบก็แสนธรรมดา ส่วนด้ามกระบี่ก็ไม่มีลวดลายประดับประดาใด ๆ เช่นเดียวกัน ราวกับกระบี่ธรรมดาที่วางขายอยู่ในท้องตลาดทั่วไป
ลู่หยวนใช้มือขวายกกระบี่ขึ้นมาฟาดฟันลงมาตรงหน้า ฮ่วนซิงไป๋จึงกล่าวว่า “กระบี่เล่มนี้มีนามว่า… กระบี่สังหารเซียน!”