ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 586 พบเซียวเทียน
บทที่ 586 พบเซียวเทียน
เมื่อได้ยินคำกล่าวของลู่หยวนแล้ว ดวงตาของตี้อู่เหอซ่านก็สว่างขึ้นมาในทันใด “จริงรึ”
มุมปากของลู่หยวนยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาหรี่ลงราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ “แน่นอนอยู่แล้ว!”
ทุกครั้งที่ลู่หยวนแสดงรอยยิ้มเช่นนี้ ก็มักจะทำให้ผู้คนรู้สึกสะพรึงกลัว คนที่ติดตามลู่หยวนต่างก็รู้ดีว่ารอยยิ้มที่ปรากฏนี้หมายความว่าอย่างไร!
อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ตรงหน้าล้วนมิใช่คนธรรมดา เว้นเสียแต่สือจิ่ว
ตั้งแต่ที่พวกเขาตัดสินใจติดตามลู่หยวน ชีวิตของพวกเขาก็ได้มอบให้กับลู่หยวนไปแล้ว หากลู่หยวนให้พวกเขาไปตาย พวกเขาย่อมพร้อมที่จะปฏิบัติ!
ลู่หยวนหรี่ตาลงแล้วสัมผัสถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยในขณะที่แช่ตัวในน้ำยาเพิ่มกำลังกาย
ต้องบอกว่าน้ำยานี้ดีจริง ๆ เพราะมันสามารถเสริมสร้างร่างกายของเขาที่ก้าวเข้าสู่ขั้นเทพยุทธ์ได้!
ถึงแม้การเสริมสร้างจะไม่มาก แต่ก็ช่วยเติมเต็มร่างกายที่สึกหรอของเขาได้
แวบเดียวพระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว น้ำพุร้อนสีเขียวสดเมื่อตอนแรก ตอนนี้กลายเป็นสีใส ลู่หยวนหายใจเข้าออก ในทุกส่วนของร่างกายล้วนมีพลังที่เฟื่องฟูอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ลู่หยวนลุกขึ้นจากน้ำพุ สือจิ่วและเจิ้งชิงเทียนต่างช่วยเขาสวมเสื้อผ้า
เมื่อเตรียมจะก้าวขาออกจากที่นี่ ก็เห็นไป๋ชิวเอ๋อร์ก้าวขามาเร่งรีบ เมื่อเห็นลู่หยวนแล้วก็รีบยกมือทำความเคารพ “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ เซียวเทียนมาแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลู่หยวนก็เอ่ยว่า “ในที่สุดก็มา ให้ข้าดูหน่อยว่าที่ผ่านมา เขาเติบโตขึ้นแค่ไหน!”
ลู่หยวนรู้ดีว่าการบ่มเพาะของเซียวเทียนนั้นก้าวหน้าไปมาก มูลค่าโชคชะตาของเขาต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน!
เป็นแกะตัวอ้วนอีกหนึ่งตัวที่รอให้เขาเกลี่ยขน!
ไป๋ชิวเอ๋อร์นำพาลู่หยวนไปยังโถงกลางของตระกูลเสวียน
เวลานี้เสวียนเทียนชวนกำลังนั่งอยู่ตรงนั้นเป็นเพื่อนกับเซียวเทียน ตอนนี้เสวียนเทียนชวนได้รับความช่วยเหลือจากลู่หยวน และกลับมามีขาอีกครั้งแล้ว ช่วงนี้เขาทำทุกสิ่งด้วยตนเอง แม้แต่การวิ่งรับใช้ที่แต่เดิมไม่เคยทำ เขาก็ทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ช่วงนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่แห่งใดในตระกูลเสวียน ก็จะเห็นเสวียนเทียนชวนเสมอ
หลาย ๆ คนในตระกูลที่เห็นภาพนี้ก็รู้ว่าเสวียนเทียนชวนกำลังมีความสุข ขาที่หายกลับคืนมาเดินได้อีกครั้ง ไม่ว่าผู้ใดก็คงต้องมีความสุขมากเช่นนี้
เสวียนเทียนชวนและเซียวเทียนนั่งแยกกันอยู่สองฝั่งของโถงใหญ่ มีสาวกหลายคนอยู่ข้าง ๆ ท่าทางของแต่ละคนดูเคร่งเครียด
นั่นก็เพราะว่าเรื่องราวของตระกูลเซียวเทียนนั้น ผู้ที่อยู่ในที่นี้ต่างก็รู้ดี
เพียงแต่ว่าข้างกายของเซียวเทียนนั้นมีเด็ก ๆ ไม่กี่คน เด็กที่โตหน่อยก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ส่วนเด็กที่เล็กกว่านั้นก็แลดูสับสน คล้ายจะไม่รู้ว่าตนเองมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด
เมื่อลู่หยวนก้าวเข้ามา เสวียนเทียนชวนก็ลุกขึ้นทันทีแล้วยกมือคำนับลู่หยวนอย่างนอบน้อม “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์”
สาวกคนอื่น ๆ ต่างก็คำนับเช่นกัน
เซียวเทียนพาเด็ก ๆ ในตระกูลลุกขึ้น แล้วค่อย ๆ ยกมือทำความเคารพลู่หยวน
ลู่หยวนเพิ่งได้เห็นหน้าเซียวเทียนเป็นครั้งแรก ตอนนี้เซียวเทียนไม่มีความโอหังเหมือนตอนที่พวกเขาเพิ่งเจอกันเลยสักนิด!
เซียวเทียนในเวลานี้มีสีหน้าดูอิดโรย มีเส้นเลือดสีแดงขึ้นที่ดวงตา และบนใบหน้าก็มีหนวดเคราขึ้นเล็กน้อย เขาแลดูราวกับว่าผ่านเรื่องราวที่โชกโชนมามาก
ลู่หยวนได้ยินเสียงระบบแจ้งในใจ ว่าตอนนี้เซียวเทียนมีมูลค่าโชคชะตาอยู่ที่สามหมื่นแล้ว
มูลค่าโชคชะตาสามหมื่นเชียวรึ
ดูเหมือนว่าค่าโชคชะตาของเซียวเทียนนั้นได้เกินกว่าค่าโชคชะตาเริ่มต้นของเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าในช่วงเวลานี้ เซียวเทียนผ่านอะไรมามากและได้ของดี ๆ มาเช่นกัน!
“ขอบคุณบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่”
หลังจากที่เซียวเทียนคำนับ เขาก็กล่าวออกมาจากใจจริง
ลู่หยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย คนนอกมองดูเหมือนมีแววโศกเศร้า แต่ลู่หยวนก็กดมันลงได้อย่างรวดเร็ว
ลักษณะเช่นนี้ แน่นอนว่าเป็นการแสดงให้เซียวเทียนเห็น
และเมื่อเซียวเทียนได้รับรู้สีหน้าของลู่หยวนอย่างชัดเจน ในใจรู้สึกเจ็บปวด
เขามักจะคิดว่าลู่หยวนเป็นน้องชายเสมอ สิ่งที่เขาและลู่หยวนเคยประสบพบเจอด้วยกันในศาลสูงสุดแห่งความว่างเปล่านั้น ล้วนยังคงตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา
เขาเลือกที่จะออกจากแดนมัชฌิมทันที หนีจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะว่าเขาได้เห็นการยกระดับการบ่มเพาะของลู่หยวนอย่างรวดเร็ว จึงรู้สึกว่าการบ่มเพาะของตนนั้นไม่เพียงพอ จึงออกมาท่องโลกลำพังเพื่อแสวงหาโชคชะตา!
ลู่หยวนในตอนนี้กลายเป็นผู้ครอบครองแผ่นดินของทวีปไปแล้ว!
แต่เขาก็ยังเป็นเพียงนักบ่มเบาะธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
เซียวเทียนยังคงกังวลอยู่ว่าสุดยอดบุตรลู่กลายเป็นคนที่เขาไม่อาจเอื้อมแล้ว แต่เมื่อได้พบกัน เซียวเทียนจึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าลู่หยวนก็ยังคงจดจำความเป็นพี่น้องระหว่างเขากับลู่หยวนไว้อยู่!
ลู่หยวนถอนหายใจเล็กน้อย ยื่นมือมาตบที่ไหล่ของเซียวเทียน จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนไปจับจ้องที่เหล่าลูกหลานตระกูลเซียวที่อยู่ข้าง ๆ
คนพวกนี้ไม่เคยพบเห็นลู่หยวน แต่ก็พอจะจินตนาการได้ว่าชายผู้นี้สูงส่งเพียงใด
ถึงขั้นเซียวเทียนที่พวกเขานับถือเสมือนเทพยังต้องคำนับให้กับชายผู้นี้!
เมื่อเห็นสายตาลู่หยวนมองมา พวกเขารู้สึกสับสนอยู่โดยพลัน
ได้ยินแต่เสียงของเซียวเทียนดังขึ้นต่อไป “นี่คือท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ รีบเรียกท่านว่าท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เร็ว”
จากนั้นทุกคนจึงรีบเลียนแบบท่าทางของเซียวเทียนเมื่อครู่ คำนับให้กับลู่หยวนในฉับพลัน “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่”
เปล่งวาจายังไม่ทันจบ เซียวเทียนก็รู้ความหมายที่ลู่หยวนจะเอ่ย จึงพยักหน้ารับคำ “ที่อยู่ในตระกูลขณะนั้นก็มีเพียงเท่านี้ และยังมีบางคนที่ออกไปฝึกตนข้างนอก เมื่อรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ไปได้แล้วก็ได้ติดต่อกับข้า ข้าจึงให้พวกเขาอยู่ที่ของตัวเองต่อไป แล้วให้ระมัดระวังตัว อย่าเพิ่งเปิดเผยตัวตนออกมา!”
“ทำเช่นนี้ก็ดี พวกเด็ก ๆ เหล่านี้ ฝากไว้ที่นี่ก็ได้ ส่งไปที่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ก็ดี หรือไม่ก็ไว้ที่ตระกูลนี้ ข้าจะให้คนเลือกอาจารย์ดี ๆ สักคนมาสอนพวกเขาอย่างเต็มที่”
เซียวเทียนรู้สึกขอบคุณมาก “ขอบพระคุณท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์”
ไม่ว่าจะเป็นสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์หรือตระกูลเสวียน ต่างก็เป็นสถานที่ในปกครองของลู่หยวน เซียวเทียนรู้ดีว่าญาติในตระกูลของตนไม่มีพรสวรรค์อะไรมากมาย แม้ว่าจะให้ลู่หยวนมาสอนด้วยตนเองก็คงจะไม่ประสบผลสำเร็จนัก และในอนาคตหากมีโชคได้ก้าวเข้าสู่ระดับยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่หรือผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากได้อยู่ภายใต้การปกครองของลู่หยวน ก็ย่อมจะได้รับค่าโชคชะตาอยู่ไม่น้อย!
ในโลกนี้ นอกจากพลังแล้วยังมีสิ่งหนึ่งที่พึ่งพาได้อีก นั่นก็คือสายสัมพันธ์!
เด็กที่เติบโตในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์และตระกูลเสวียนนั้นย่อมไม่ธรรมดาแน่ อาจารย์ผู้สอนหรือเพื่อนร่วมชั้นล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลในสายสัมพันธ์ทั้งสิ้น
เขาไม่ขอให้เด็กเหล่านี้เก่งกาจมากมาย แต่ขอแค่มีความฉลาดปราดเปรื่องสักหน่อย ก็จะได้มีอนาคตที่ดี!
ลู่หยวนเรียกคนเข้ามาแล้วพาเด็กเหล่านี้ไป ส่วนเสวียนเทียนชวนและคนอื่น ๆ ก็เดินจากไป
ทั้งวังใหญ่จึงเหลือเพียงแค่ลู่หยวนกับเซียวเทียนสองคน
เซียวเทียนคำนับให้กับลู่หยวนอย่างสุดซึ้ง “ขอให้ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์บอกข้าเถิดว่าผู้ใดกันที่ต้องการสังหารตระกูลเซียวของข้า!”
“ตำหนักประตูสวรรค์ ซ่งชิง!”
ลู่หยวนเปล่งวาจาออกมาตามตรง
เซียวเทียนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว ชั่วขณะหนึ่งก็ยังไม่เข้าใจ ตระกูลเซียวของตนเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ ตระกูลหนึ่งในเมืองชายแดน มิได้มีอิทธิพลอันใด ตำหนักประตูสวรรค์มิมีความจำเป็นที่จะต้องมาข้องแวะด้วยเลย!
เหตุใดจึงต้องมาสังหารล้างตระกูลของตนกันเล่า!