ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 583 ซ่งชิงจัดการ
บทที่ 583 ซ่งชิงจัดการ
หลังจากนั้นไม่นาน ทั่วทั้งแดนมัชฌิมก็ถูกปกคลุมด้วยพลังแห่งความรู้แจ้ง
เจตจำนงกระบี่หลากสีพุ่งออกมาจากคนทีละคน ทะยานขึ้นเหนือฟากฟ้า!
ปราณกระบี่แต่ละเล่มพุ่งขึ้นบนเวหา พลังของพวกมันคล้ายว่าจะแผดเผาท้องนภาให้มอดไหม้!
การเปลี่ยนแปลงอันน่าพิศวงนี้ย่อมเป็นที่สังเกตเห็นทั่วทุกหนแห่ง
ตำหนักประตูสวรรค์
ซ่งชิงสวมเสื้อคลุมไหล่กว้าง จากที่ผมสีดำขลับ บัดนี้กลายเป็นขาวโพลนทั้งหัว และมัดรวบด้วยปิ่นปักผม
ซ่งชิงยืนอยู่บนเกาเฟิง ซึ่งเป็นจุดชมทิวทัศน์ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เขาเอามือไพล่หลัง พลางจ้องมองไปยังทิศทางของแดนมัชฌิม
ไม่นานนัก ความว่างเปล่ารอบ ๆ ตัวของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อยจากนั้น ร่างของกวนผิงซื่อก็ปรากฏขึ้น
กวนผิงซื่อยกมือขึ้นคำนับ “คุณชาย ข้าตรวจสอบแล้ว พบว่าท้องฟ้าเหนือแดนมัชฌิม มีกระบี่เมฆาฟันลงมาอย่างน่าพิศวง ลู่หยวนฟันกระบี่เพียงครั้งเดียว กระบี่เมฆาก็มลายหายสิ้น! อีกทั้งเจตจำนงกระบี่ก็แผ่ขยายกลายเป็นจุดแสงเล็ก ๆ น้อย ๆ กระจายให้กับผู้คนในแดนมัชฌิม ตอนนี้ผู้ที่ฝึกกระบี่ในแดนมัชฌิม ล้วนได้รับโชคลาภอันยิ่งใหญ่ แล้วกำลังอยู่ในระหว่างการซึมซับ!”
“หลังจากนี้ ชื่อเสียงของลู่หยวนอาจแพร่สะพัดไปในทางที่ดี อำนาจของเขาอาจจะไปถึงระดับที่สูงมากในแดนมัชฌิม!”
เมื่อฟังคำเอ่ยของกวนผิงซื่อ สีหน้าของซ่งชิงก็เรียบเฉย มุมปากเผยอยิ้มเล็กน้อย “การฟันกระบี่ครั้งเดียวได้สร้างยุคทองแห่งวิถีกระบี่ ลู่หยวนช่างเป็นผู้ฝีมือที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ!”
กวนผิงซื่อก้มหัวลงเล็กน้อย ไม่กล้าเอ่ยอันใดมาก
ซ่งชิงเอ่ยพึมพำกับตนเอง “เขาก็แค่แกล้งทำดี! เขาปรากฏตัวในฐานะตัวร้ายที่คนทั้งแผ่นดินเคารพนับถือ ลู่หยวนผู้นี้ช่างแสดงเก่งจริง ๆ!”
เมื่อคำเอ่ยจบลง ซ่งชิงก็หันไปมองรอบ ๆ ราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นก็เปล่งวาจาว่า “วิถีกระบี่ของคนทั่วดินแดนมัชฌิมล้วนมีความก้าวหน้า อาจไม่เกินสามวันก็สามารถแพร่กระจายไปทั่วแผ่นดินได้ ถึงตอนนั้นก็จะมีผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามา แล้วกลายเป็นกำลังให้กับแดนมัชฌิม”
“คิดดูเถิด การแย่งชิงเส้นชีพจรจักรพรรดิเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นานนัก แดนมัชฌิมที่เคยสูญสิ้นไปแล้วยังสามารถกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งได้ในช่วงเวลาอันสั้น”
กวนผิงซื่อเดินตามซ่งชิงไปพร้อมกับความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในใจ
กองกำลังของซ่งชิงล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ทุกเรื่องในกองกำลังจะต้องผ่านมือเขาทั้งหมด
และในตอนนี้ การต่อสู้กับกองกำลังของลู่หยวน กวนผิงซื่อก็มีส่วนในการควบคุมดูแล
แต่หลังจากการต่อสู้ พวกเขาก็ไม่สามารถครองความได้เปรียบอันใดได้มากนัก หรืออาจจะผลัดกันแพ้ชนะ ไม่มีใครสามารถกำจัดอีกฝ่ายได้
แต่กวนผิงซื่อรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ในการเผชิญหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาตกอยู่ในสถานะเป็นรอง
จากการต่อสู้ในช่วงหลังมานี้ กองกำลังภายใต้การนำทัพของลู่หยวนนั้นเหนือกว่ากองกำลังของซ่งชิง และในแง่ของความเสียหายนั้น ช่วงแรกลู่หยวนจะสูญเสียมากกว่า แต่หลังจากนั้น ซ่งชิงก็สูญเสียมากขึ้น
แต่ในความสูญเสียที่ใกล้เคียงกันนี้ พลังของลู่หยวนกลับเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ใต้การนำทัพของลู่หยวน ทั้งแดนมัชฌิม แดนเหนือ เขาบูรพา หรือแม้แต่เขตแดนของตระกูลชิวที่แทบจะไม่ได้รับการดูแลก็ไม่ได้รับผลกระทบร้ายแรงใด ๆ
ทว่าในทางกลับกัน ในกรณีของซ่งชิง กองกำลังที่เขาเคยฝึกฝนขึ้นมาอย่างดีเหล่านั้นกลับพังทลายลงในเวลาอันสั้น!
ตอนนี้หมากตัวสำคัญที่พวกเขาสามารถใช้งานได้ก็อยู่ในตำหนักประตูสวรรค์ และกองกำลังหลักอื่น ๆ อีกไม่กี่แห่ง!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ กวนผิงซื่อก็เกิดความสงสัยขึ้นมาหลายส่วน กองกำลังที่โจมตีมาจากทางลู่หยวนนั้นรวดเร็วและแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดที่พวกเขาจะไม่มีทางสู้กลับ
แม้ว่ากองกำลังเหล่านั้นจะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านซึ่งอาจทำให้เกิดความปั่นป่วน แต่ก็พ่ายแพ้เร็วเกินไปเสียทุกครั้ง!
ใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อกวนผิงซื่อได้รับสาร เขาถึงกับตะลึงงัน!
และที่ทำให้เขาคิดไม่ออกก็คือ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ปิดด่าน ซ่งชิงมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เพียงก้าวเดียวก็เข้าสู่ขั้นอมตยุทธ์!
และไม่มีการลงโทษจากวิถีสวรรค์!
เรื่องเช่นนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
แม้แต่ความสำเร็จของลู่หยวนก็ยังน่ากลัวกว่าซ่งชิง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกลงโทษจากวิถีสวรรค์ แต่ซ่งชิงกลับไม่มีเลย
ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับกฎของดินแดนนี้เลยด้วยซ้ำ!
เมื่อเห็นผมหงอกของซ่งชิงแล้ว เขาก็เก็บความคิดไว้ในใจ บางทีคุณชายอาจจะมีกลเม็ดเคล็ดลับบางอย่างก็ได้
ซ่งชิงยืนกอดอก จู่ ๆ ก็ถามว่า “เรื่องลู่หยวนยังไม่จบ เกาะสังหารเซียนพร้อมหรือยัง”
เขาแสดงท่าทีขึงขังและรายงานทันทีว่า “พร้อมแล้วขอรับ ผู้ติดตามและคนอื่น ๆ ก็จัดแจงเรียบร้อยแล้ว รอแค่คุณชายสั่งก็พร้อมออกเดินทางในทันที!”
ซ่งชิงพยักหน้าอย่างพอใจ ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าสู่ขั้นอมตยุทธ์ ยังต้องใช้เวลาอีกหลายวันเพื่อให้มั่นคง และต้องสร้างอาวุธใหม่ขึ้นมาอีกครา
ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่ซ่งชิงต้องจัดเตรียม
หลังจากลังเล เขาก็ถามว่า “คุณชาย หากไปเกาะสังหารเซียนแล้ว จำเป็นต้องให้พวกเราลงมือจัดการพวกลู่หยวนหรือไม่”
หากซ่งชิงไปเกาะสังหารเซียน ลู่หยวนก็คงจะต้องไปแน่ ๆ เขาจะพาคนบางส่วนไปด้วย อาจจะหาช่องโหว่ของพวกลู่หยวนได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็ลงมือได้ในทันที
เขาเชื่อมั่นว่าจะสามารถทำลายรากฐานของลู่หยวนได้เกือบทั้งหมด!
ซ่งชิงเย้ยหยันเสียงหนักแน่น “ไม่ต้อง พรรคพวกของลู่หยวนที่ดูเหมือนโซ่คล้องไว้ด้วยกันนั้น แท้จริงแล้วเหมือนภูผาที่มั่นคงก็เพราะมีลู่หยวนอยู่!”
“ตราบใดที่ลู่หยวนยังอยู่ พวกเขาก็ยังมีความหวัง พวกเซียนที่อยู่ภายใต้ลู่หยวน จะลงมือเมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้คนของตำหนักประตูสวรรค์ออกมาทั้งหมด รังแต่จะทำให้พวกเขาสู้จนตัวตาย!”
“แต่หากลู่หยวนตายไป ก้อนหินอันแข็งแกร่งในหัวใจของคนเหล่านั้นก็จะแตกสลายไม่มีชิ้นดี!”
“เมื่อถึงเวลานั้นแดนเหนือ แดนมัชฌิม เขาบูรพา พวกที่ตอนนี้ยังอยู่ใต้อาณัติลู่หยวนก็จะไปไหนไม่ได้ เจ้าพวกตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ก็จะคิดได้! มนุษย์ตายเพราะเงิน นกตายเพราะอาหาร เมื่อลู่หยวนตายพวกเขาก็จะไร้ประโยชน์ พวกเขาจะออกจากกองกำลังของลู่หยวนในทันที บางทีอาจจะแว้งกัดกันเสียด้วยซ้ำ”
“นั่นแหละ คือเวลาที่เราจะไม่ต้องออกแรง แต่ก็จะได้กองกำลังทั้งหมดของลู่หยวนมาอยู่ในมือ!”
กวนผิงซื่อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา
ที่ซ่งชิงเพิ่งเอ่ยไปเมื่อครู่ ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ลู่หยวนจะต้องตาย
เขาติดตามซ่งชิงมานานก็แต่มิได้รู้อะไรมากนัก
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดซ่งชิงถึงได้มั่นใจขนาดนั้น ว่าจะสามารถสังหารลู่หยวนได้ที่เกาะสังหารเซียน!
แล้วถ้าหากลู่หยวนไม่เป็นอันใดเลยเล่า
นั่นไม่ใช่การพลาดโอกาสดี ๆ หรอกหรือ
แต่กวนผิงซื่อก็มิได้เอ่ยความคิดในใจออกมา ได้แต่ยกมือคำนับ “ขอรับ!”
เมื่อวางมือลง คิ้วของเขาก็ขมวดแน่น
ปล่อยให้เขาตัดสินใจเมื่อถึงเวลา ซ่งชิงที่อยู่บนเกาะสังหารเซียนและจะไม่สามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ที่นี่ได้
โหมดอ่านต่อเนื่อง