ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 580 สละชีพเป็นจิตวิญญาณแห่งกระบี่
บทที่ 580 สละชีพเป็นจิตวิญญาณแห่งกระบี่
บทที่ 580 สละชีพเป็นจิตวิญญาณแห่งกระบี่
กลางห้องโถงใหญ่ของตระกูลเสวียน ลู่หยวน เยวี่ยอู๋ฉือต่างสวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ แววตาที่เคยเปี่ยมล้นด้วยความสงบสุขยามนี้กลับแฝงไว้ด้วยความกังวล
ลู่หยวนกลับมาในวันนี้ ทั้งแดนมัชฌิมต่างรับรู้กันดี แน่นอนว่านางเองก็รู้เช่นกัน คนทั่วทั้งแดนมัชฌิมต่างออกไปต้อนรับลู่หยวน แต่มีเพียงนางที่มิได้ไป
นับตั้งแต่มาถึงแดนมัชฌิม นางก็ถูกจัดสรรให้มาอยู่ในบ้านเล็ก ๆ ในลานแห่งหนึ่ง ลานนี้ตั้งอยู่ภายในตระกูลเสวียน ห่างไกลจากใจกลางตระกูลเสวียนเป็นอย่างมาก ทว่าเยวี่ยอู๋ฉือกลับพึงพอใจ
ที่นี่นางสามารถใช้ชีวิตสงบสุขเพียงลำพัง ฝึกกระบี่บ้าง หรือแม้แต่ปล่อยใจให้เหม่อลอยก็มิมีผู้ใดรบกวน
นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดลู่หยวนจึงนำนางกลับมา และยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ว่าเหตุใดลู่หยวนจึงเรียกนางมาที่นี่
เยวี่ยอู๋ฉือลังเลอยู่ครู่หนึ่งเมื่อมองประตูห้องโถงตรงหน้า ก่อนจะผลักมัน
บานประตูห้องโถงอันหนักอึ้งเปิดออกช้า ๆ ให้เยวี่ยอู๋ฉือเดินเข้ามา
นางเดินผ่านชั้นวางหนังสือหลายชั้น ก่อนจะพบลู่หยวนนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
ห้องโถงแห่งนี้เคยระเบิดจากการที่ลู่หยวนก้าวข้ามขีดจำกัดไปเมื่อก่อน ตอนนี้มันถูกซ่อมแซมจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก็มีของตกแต่งบางอย่างที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย
เวลานี้ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของลู่หยวน มิใช่แผนที่ของดินแดนซ่งชิงเช่นเดิมอีกแล้ว หากแต่เป็นแผนที่ของแดนมัชฌิมทั้งหมด!
แผนที่นี้มีเครื่องหมายมากมายซึ่งขีดเขียนวาดทับกันไปมาทั่วทั้งแผ่น
ลู่หยวนเอนกายบนบัลลังก์ ยืดขาพักด้วยท่าทางสบาย ๆ
เยวี่ยอู๋ฉือเห็นลู่หยวนจึงค่อย ๆ ยกมือขึ้นคำนับอย่างนอบน้อม “ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์”
ไม่ว่าเยวี่ยอู๋ฉือจะมีลักษณะนิสัยอย่างไร แต่นางเข้าใจดีว่าตนเองมีสถานะเช่นไรเมื่ออยู่ตรงหน้าลู่หยวน
ในยามนี้เยวี่ยอู๋ฉือเป็นเพียงสาวใช้ดาบของลู่หยวนเท่านั้น
เป็นเพียงสาวใช้ดาบที่ไม่เคยพบหน้าลู่หยวนเลยแม้แต่หนเดียว
ลู่หยวนมิได้สนใจเยวี่ยอู๋ฉือ และยังคงมองดูแผนที่ต่อไป ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
เยวี่ยอู๋ฉือยังคงอยู่ในท่าทำความเคารพ ไม่กล้าขยับเขยื้อน
หลังจากนั้นหลายลมหายใจ ลู่หยวนจึงเหลือบตามอง “ตามสบายเถิด”
เยวี่ยอู๋ฉือจึงเงยศีรษะขึ้น
ลู่หยวนเหยียดแขนขวาออก กระบี่เทวะผนึกสวรรค์ก็ปรากฏอยู่ในมือ!
ปราณวิญญาณมหาศาลก็พลันหลั่งไหลเข้าสู่ชีพจรเยวี่ยอู๋ฉือ ทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นางรู้สึกราวกับว่าต้องการเข้าใกล้กระบี่ยาวในมือของลู่หยวน!
ลู่หยวนจับกระบี่เทวะผนึกสวรรค์ในมืออย่างแรง! ปราณวิญญาณก็ทะลักเข้าไปในกระบี่อย่างฉับพลัน!
“ครืนนนน!”
กระบี่เทวะผนึกสวรรค์ในมือของลู่หยวนก็ส่งเสียงร้องคำรามออกมา
แดนมัชฌิมที่แสนวุ่นวายกลับสงบลงในทันที ผู้ที่ฝึกวิถีกระบี่ทั้งหมดในแดนแห่งนี้ต่างมีความรู้สึกหวาดกลัวที่ไม่อาจต้านทานได้จากส่วนลึกของจิตใจ!
ราวกับว่าถูกกระบี่ทิพย์ที่มิอาจหลบเลี่ยงได้เล่มหนึ่งฟาดฟันกระบี่ที่พวกเขาวางใจมาโดยตลอด และจากนั้นก็จ่ออยู่ที่หน้าผากของพวกเขา
ปราณกระบี่แผ่ขยายออกไปพร้อมที่จะฟาดฟันลงมา และพรากชีวิตพวกเขาไปได้ทุกเมื่อ!
ภัยคุกคามนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา แต่ในช่วงเวลาอันแสนสั้นนั้นก็ทำให้ผู้ฝึกวิถีกระบี่หลายคนต้องพ่ายแพ้ สูญเสียจิตวิญญาณแห่งกระบี่ และสูญเปล่าซึ่งวิชาที่ตนฝึกฝนมาเนิ่นนาน!
ผู้คนล้มตายก็มีมากมายถึงหลายร้อยหลายพัน
ในวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม กู่อี้เจี้ยนก็รับรู้ถึงความสั่นสะเทือนนี้เช่นกัน ถึงแม้ว่านางจะฝึกวิถีกระบี่ได้อย่างเชี่ยวชาญแล้ว และไม่ถึงกับต้องสูญเสียจิตวิญญาณแห่งกระบี่ ทว่าก็ถึงร่างชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬ
ฮ่วนซิงไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ มองเห็นดังนั้นก็อดห่วงใยไม่ได้ จึงเข้าไปถามใกล้ ๆ “เป็นอะไรไป”
ฮ่วนซิงไป๋ที่มิได้ฝึกวิถีกระบี่จึงมิอาจรับรู้ได้
กู่อี้เจี้ยนส่ายหน้าคิ้วขมวดมุ่น ราวกับว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ นางครุ่นคิดอยู่หลายลมหายใจจึงกล่าวว่า “เมื่อครู่ อาจจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ และดูเหมือนจะเป็นพลังแห่งกระบี่ หรืออาจจะเป็นเจตจำนงกระบี่ที่สามารถกดขี่ผู้ที่ฝึกวิถีกระบี่ทั้งหมดได้โดยตรง แม้แต่ข้าก็ยังได้รับผลกระทบอย่างมาก”
กู่อี้เจี้ยนนึกถึงวิชาของลู่หยวนที่เพิ่มพูนขึ้นตลอดทาง ก็อดรู้สึกชื่นชมไม่ได้ “ในระยะเวลาอันสั้นนี้ วิถีกระบี่ของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่พัฒนาขึ้นอย่างน่าตกใจ ทั่วหล้าคงไม่มีผู้ใดเหมือนท่านผู้นี้อีกแล้ว!”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ กู่อี้เจี้ยนก็เหลือบมองไปที่ฮ่วนซิงไป๋ แล้วก็ยิ้มอย่างฉับพลัน ทุกสิ่งรอบข้างก็หมองหม่นลงในทันใด “เมื่อเทียบกันแล้ว การตัดสินใจในครั้งนั้นของเจ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่คือคนที่คู่ควรแก่การสร้างสัมพันธ์มากที่สุด”
ฮ่วนซิงไป๋ถูกกู่อี้เจี้ยนยิ้มให้ก็แทบทรุด
เขาเกาจมูกเบา ๆ แล้วเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง “ก็แน่ล่ะ เพราะข้าเก่งอย่างไรเล่า!”
ฮ่วนซิงไป๋นึกบางอย่างออก จึงยิ้มกริ่ม ๆ “ข้ายังมีจุดที่เก่งกว่านี้อีก”
กู่อี้เจี้ยนชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะเห็นฮ่วนซิงไป๋อุ้มนางขึ้นแล้วเดินไปที่เตียง “วันนี้ข้าจะบอกให้รู้ว่าข้าเก่งขนาดไหน!”
…
ในลานหน้าพระราชวังของลู่หยวน เมื่อเยวี่ยอู๋ฉือรับรู้เสียงคำรามของกระบี่ สีหน้าของนางก็ยิ่งปรากฏความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น!
แต่กลับไม่มีแววสยบยอมแม้แต่น้อย!
มุมปากลู่หยวนยกขึ้นเล็กน้อย เขาคงคาดเดาไว้ไม่ผิด
จิตวิญญาณแห่งกระบี่ของเยวี่ยอู๋ฉือผู้นี้มีสถานะที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ!
แม้ว่าลู่หยวนจะยังมิได้ลองกระบี่เทวะผนึกสวรรค์นี้มากนัก แต่ในทันทีที่ได้สัมผัสมัน ลู่หยวนก็รู้ได้ในทันทีว่าของสิ่งนี้ไม่น่าจะใช่สิ่งที่ควรมีอยู่บนโลกแห่งนี้!
ในใจของลู่หยวนเริ่มคาดเดาแล้วว่ากระบี่เทวะผนึกสวรรค์นี้ร่วงหล่นมาจากภายนอก อาจเป็นของจากแดนเซียนก็เป็นไปได้
ในดินแดนนี้กระบี่เทวะผนึกสวรรค์ ควรจะถือเป็นสิ่งที่มิมีผู้ใดเทียบเคียงได้ในวิถีกระบี่
เมื่อครู่ เพียงแค่เสียงคำรามของมันก็ทำให้ผู้ฝึกวิถีกระบี่ทั่วทั้งแดนมัชฌิมได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จิตวิญญาณแห่งกระบี่ก็แตกสลาย หรือแม้กระทั่งถึงแก่ความตายก็มี!
ทว่าเยวี่ยอู๋ฉือที่ยืนอยู่ตรงหน้ากระบี่นี้กลับไม่มีผลกระทบเลยแม้แต่นิด!
ลู่หยวนกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าเยวี่ยอู๋ฉือยังมีพลังที่ยังไม่ตื่นรู้ ซึ่งอย่างน้อยก็ไม่ด้อยไปกว่ากระบี่เทวะผนึกสวรรค์
และกระบี่เทวะผนึกสวรรค์ของเขานี้ก็ยังขาดจิตวิญญาณแห่งกระบี่อยู่!
“เยวี่ยอู๋ฉือ”
ลู่หยวนเอ่ยขึ้นอย่างฉับพลัน
ลู่หยวนโยนกระบี่เทวะผนึกสวรรค์ใส่ตักของเยวี่ยอู๋ฉือในฉับพลัน
เยวี่ยอู๋ฉือรีบรับกระบี่เทวะผนึกสวรรค์ แล้วกอดเอาไว้ในอ้อมแขน
ลู่หยวนชี้ไปยังกระบี่เทวะผนึกสวรรค์ พลางเอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “เยวี่ยอู๋ฉือ ข้าต้องการให้เจ้าอุทิศตนเพื่อกระบี่เทวะผนึกสวรรค์เล่มนี้!”
สิ้นวาจาของลู่หยวน เยวี่ยอู๋ฉือก็แหงนหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็สั่นไหวด้วยความตื่นตระหนก
อุทิศตนก็ไม่ต่างอะไรกับความตาย
ลู่หยวนจ้องหน้าเยวี่ยอู๋ฉือพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วงเวลานี้ เจ้าคงพอจะรับรู้ได้บ้างแล้วว่าในร่างกายของเจ้ามีพลังที่ยังไม่ตื่นขึ้นอยู่ เราทั้งคู่ไม่ต้องมาเสียเวลาเอ่ยสิ่งใดไร้สาระ วันนี้ข้าจะบอกเจ้า ว่าเจ้าคือจิตวิญญาณแห่งกระบี่”
“ส่วนเจ้าเคยเป็นจิตวิญญาณแห่งกระบี่เล่มใดนั้น ข้าก็มิได้สนใจนัก และข้าก็มิได้อยากเสียเวลาค่อย ๆ รื้อฟื้นความทรงจำของเจ้าแต่อย่างใด”
“กระบี่เทวะผนึกสวรรค์เล่มนี้ก็มิใช่ของธรรมดา เสียงคำรามเพียงคราเดียวก็ทำให้ผู้มีวิถีกระบี่ทั้งหลายยอมสยบได้ หากเจ้าได้จับคู่กับมันคงไม่เลวเลย”
ลู่หยวนลุกขึ้นย่างสามขุมเข้าหาเยวี่ยอู๋ฉือ
ในใจของเยวี่ยอู๋ฉือมีความหวาดกลัว นางไม่เคยคาดคิดว่าเมื่อลู่หยวนกลับมาครานี้จะหมายเอาชีวิตนาง
ราวกับลู่หยวนจะมองออกถึงความกังวลของเยวี่ยอู๋ฉือ “การพลีชีพเพื่อกระบี่เทวะผนึกสวรรค์ ก็คือการกลายเป็นจิตวิญญาณแห่งกระบี่ของกระบี่เทวะผนึกสวรรค์ ในอนาคตเจ้าจะอยู่ร่วมกับกระบี่เล่มนี้ หากเจ้าไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร”
มุมปากของลู่หยวนยังมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “ข้าสามารถให้เจ้าสละชีพได้โดยมิต้องเอ่ยขอ แต่ผลลัพธ์อาจจะแย่กว่า ถึงกระนั้นก็มิเป็นไร”
โหมดอ่านต่อเนื่อง