ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 579 การจัดการธุระ
บทที่ 579 การจัดการธุระ
บทที่ 579 การจัดการธุระ
บัดนี้ในเหล่าผู้ที่อยู่ใต้อาณัติของลู่หยวน ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักกู้ชิงหรัน
เมื่อเห็นลู่หยวนกลับมา กู้ชิงหรันก็ไปยืนอยู่ข้าง ๆ
เขาทั้งสองสวมชุดขาว ยืนอยู่กลางเวหา สายลมพัดโชยเผยให้เห็นถึงอิริยาบถอันสง่างาม
พวกเขาช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกับเทพเซียน!
พวกเสวียนเทียนชวนยังมีเรื่องราวที่ต้องรายงาน ทว่าเมื่อเห็นลู่หยวนกำลังสนทนากับท่านหญิงผู้เป็นใหญ่ของพวกเขาอยู่ จึงไม่กล้าเข้าไปโดยพลการ และได้แต่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอาใจใส่กับการฝึกตน
ครู่ต่อมา กู้ชิงหรันจึงได้เปล่งวาจา “พวกเสวียนเทียนชวนอาจจะมีเรื่องต้องรายงานเจ้า ยังมีเวลาเหลืออีกหลายวัน ดังนั้นข้าจะไปฝึกตนเงียบ ๆ สักระยะหนึ่ง”
“ได้”
ลู่หยวนตอบรับ และได้เห็นร่างของกู้ชิงหรันพลันหายวับไป
เมื่อสิ้นเงาของกู้ชิงหรัน เสวียนเทียนชวนจึงเข้ามาใกล้ ๆ และรายงานแก่ลู่หยวนว่า “ท่านลู่ เรื่องของตระกูลเซียวนั้นเรียบร้อยแล้ว”
ลู่หยวนหันมาด้วยสายตาอันเฉียบคม “ความสูญเสียของตระกูลเซียวเป็นเช่นไรบ้าง”
เสวียนเทียนชวนจึงเล่าเรื่องราวตามความเป็นจริง เมื่อเอ่ยมาถึงตอนที่ตระกูลเซียวเหลือเด็กอยู่เพียงไม่กี่คน ยกเว้นลูกหลานที่ออกไปฝึกตนข้างนอก ก็ยิ่งทำให้ประกายตาของลู่หยวนมัวหมองลง
“แล้วเซียวเทียนได้รู้หรือไม่ ว่าเป็นพวกของซ่งชิงที่ไปกวาดล้าง”
เสวียนเทียนชวนลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงตอบว่า “รู้ หรืออาจไม่รู้ก็เป็นได้”
“จากรายงานที่ส่งกลับมาตอนนี้ เซียวเทียนกลับมาที่ตระกูลแล้วสบจังหวะกับตอนที่ลูกน้องของซ่งชิงกำลังจะออกไปพอดี เซียวเทียนจึงต่อสู้กับชายทั้งสองคน และพวกเขาก็ใช้โอกาสนี้หลบหนีไป เซียวเทียนมองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขา ผู้คนในเมืองชายแดนทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่รู้ที่มาที่ไป”
“หากมิใช่เพราะยังมีคนของตระกูลเซียวที่ต้องดูแล เขาก็คงจะไล่ตาม และต่อสู้กับสองคนนั้นจนถึงที่สุด”
สีหน้าของลู่หยวนมืดมนลงถนัดตา “แล้วเซียวเทียนมิได้ซักถามคนของเราหรือว่าคนทั้งสองที่ลงมือสังหารนั้นคือผู้ใด”
“ถามแล้ว”
หลังจากที่เสวียนเทียนชวนร่วมวางแผนเรื่องนี้กับลู่หยวน เขาก็ให้ความสนใจกับคนที่ตนส่งไปเป็นพิเศษ คนที่ถูกส่งไปล้วนเป็นคนสนิทของเสวียนเทียนชวน
คนเหล่านี้ติดตามเสวียนเทียนชวนมาโดยตลอด และยังปฏิบัติหน้าที่ได้ดีเลิศ
สำหรับเรื่องที่เสวียนเทียนชวนจัดการนั้น พวกเขาต่างก็ได้ไตร่ตรองกันมาเป็นอย่างดี เหตุใดจึงได้ไปปรากฏตัวอยู่ใกล้ตระกูลเซียวโดยบังเอิญ และเหตุใดจึงได้ไปช่วยเหลือตระกูลเซียวเพียงไม่กี่คนไว้ได้ทันท่วงที ทั้งหมดล้วนได้ผ่านการวางแผนมาอย่างละเอียด
ในเรื่องที่เซียวเทียนไต่ถาม พวกเขาก็เตรียมคำตอบไว้เป็นอย่างดี ไม่มีรอยรั่วให้จับผิด
และความคิดของเซียวเทียนนั้น พวกเขาก็สามารถหยั่งรู้ได้อย่างลึกซึ้ง
ลู่หยวนรับฟังเสวียนเทียนชวนเล่าเรื่องราวของเซียวเทียนอย่างละเอียด ก็วางแผนไว้ในใจ
ตามเวลาที่คาดการณ์เซียวเทียนคงจะกลับมาในเร็ว ๆ นี้
ฮึ! เซียวเทียนไม่รู้ว่าเป็นใครก็ดี เช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาได้เห็นด้วยตาตัวเองเถิด ว่าฆาตกรที่กวาดล้างตระกูลเซียวของเขานั้นคือผู้ใด!
และอยู่ฝ่ายใดกันแน่!
ลู่หยวนหรี่ตาลง เขายังไม่รู้ว่าเซียวเทียนในตอนนี้เติบโตไปถึงขั้นใดแล้ว
หากในอนาคตบนสนามรบ บุตรแห่งโชคชะตาเซียวเทียนได้ประมือกับบุตรแห่งโชคชะตาซ่งชิง ทั้งคู่คงฟาดฟันกันได้อย่างมันตา
มุมปากลู่หยวนระบายยิ้มออกมา ทว่ารอยยิ้มนั้นเมื่อตกไปในสายตาเสวียนเทียนชวนกลับปรากฏเป็นจิตสังหารอันไม่มีที่สิ้นสุด!
ในอดีต ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่ลู่หยวนแสดงสีหน้าเช่นนี้ ก็มิอาจรู้ได้ว่ามีผู้ใดบ้างที่ต้องจบชีวิตลง!
ลู่หยวนเหลือบตามองแล้วก็เก็บซ่อนรอยยิ้มนั้นในทันที “แล้วพวกที่หล่อหลอมร่างใหม่เป็นอย่างไรกันบ้าง”
เสวียนเทียนชวนรีบรายงาน “ได้จัดเตรียมสถานที่ที่ดีที่สุดเอาไว้แล้ว และยังส่งคนเฝ้าอยู่ด้านนอก เพียงแต่ว่ายังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ”
“อืม ตามที่คาดการณ์ พวกเขาน่าจะออกมาแล้ว เอาเถอะ รอพวกเขาก่อนก็แล้วกัน”
ลู่หยวนก้าวเท้าเตรียมจะมุ่งไปยังตำหนักที่เขาอยู่ในตระกูลเสวียน ทว่าจู่ ๆ ก็ต้องหยุดชะงัก แล้วหันกลับมามองเสวียนเทียนชวน “เรียกเยวี่ยอู๋ฉือมาพบข้า!”
“เยวี่ยอู๋ฉือเป็นประมุขสำนักกระบี่สวรรค์ที่ลู่หยวนลากตัวกลับมา โดยฉวยโอกาสตอนไปหาเรื่องตระกูลชิวเมื่อสารทฤดู”
เยวี่ยอู๋ฉือนั้นมีพลังแฝงอยู่ คือ จิตวิญญาณแห่งกระบี่ ทว่ามันยังไม่ตื่นขึ้นมา
แน่นอนว่ามีเพียงลู่หยวนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
หลังจากที่ลู่หยวนจัดการเรื่องของตระกูลชิวแล้ว เยวี่ยอู๋ฉือก็ถูกพากลับมายังแดนมัชฌิม และใช้ชีวิตในดินแดนแห่งนี้นับแต่นั้นมา
เยวี่ยอู๋ฉือเป็นคนอ่อนโยน มิชอบแย่งชิงกับผู้อื่น และไม่ค่อยเอ่ยวาจาอันใดมากนัก ดังนั้นทุกคนจึงไม่ค่อยได้สนใจนาง คิดว่าเป็นเพียงสตรีที่ลู่หยวนเกิดอยากได้เลยพากลับมา
เมื่อลู่หยวนกลับมาถึง เขาก็เรียกให้เยวี่ยอู๋ฉือมาพบเลยในทันที
เสวียนเทียนชวนมิกล้าซักถามอะไรเพิ่มเติมจึงรับคำ
เมื่อกำลังจะถอยลงไป ลู่หยวนก็เหลือบมองไปที่ใต้กางเกงของเสวียนเทียนชวนที่ว่างเปล่า
เสวียนเทียนชวนก็ติดตามเขามานานแล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่เคยยืนขึ้นได้เลย
“ตอนนี้รากฐานการบ่มเพาะของเจ้าคงถึงขีดจำกัดด้วยสภาพร่างกายกระมัง”
จู่ ๆ ลู่หยวนก็เอ่ยขึ้น
เสวียนเทียนชวนไม่คิดว่าลู่หยวนจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาตกใจไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้ารับ
บ่มเพาะ…
เขามิได้บ่มเพาะตนเองมานานมากแล้ว
ตั้งแต่ที่ติดตามลู่หยวน เขาก็เกือบจะรับช่วงเข้ามาดูแลทุก ๆ อย่างของลู่หยวนเสียด้วยซ้ำ
หากไม่ได้ไป๋ชิวเอ๋อร์มาช่วยแบ่งเบาภาระบางส่วนไป เขาคงถูกงานรุมเร้าจนตายไปแล้ว!
จะมีเวลาไปบ่มเพาะได้อย่างไร
ทุก ๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมา บนโต๊ะมักจะเต็มไปด้วยกองยันต์ต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะมีขา เขาก็คงก้าวข้ามกองยันต์เหล่านั้นไม่ถึงอยู่ดี!
หากไม่กินยาเป็นประจำทุกวัน เขาคงถูกงานถาโถมใส่จนตายไปนานแล้ว!
แม้ว่าการบ่มเพาะของเขาในตอนนี้จะก้าวหน้าไปไม่น้อย แต่ก็ล้วนเป็นเพราะไป๋ชิวเอ๋อร์ ฮ่วนซิงไป๋ และคนอื่น ๆ ที่คิดหาวิธีใช้ยา รวมถึงหาหนทางอื่นมาช่วยเพิ่มปราณวิญญาณให้ จึงทำให้การฝึกตนของเขาก้าวหน้าขึ้นมาได้ แต่กระนั้นก็ยังไม่มั่นคง
ก่อนจะโยนยันต์แผ่นหนึ่งให้กับเสวียนเทียนชวน บนยันต์แผ่นมีอักขระมากมายเขียนเต็มไปหมด
ทันทีที่แผ่นยันต์ตกอยู่ในมือเสวียนเทียนชวน ลู่หยวนก็หายตัวไปจากตรงนั้น
เสวียนเทียนชวนหยิบแผ่นยันต์นั้นขึ้นมา เพียงไล่สายตาอ่านจนจบอักขระตัวสุดท้าย สีหน้าก็แข็งค้าง เป็นเช่นนั้นอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังไม่หายเป็นปกติ
บนแผ่นยันต์นั้นได้บันทึกวิธีที่จะทำให้ขาของเสวียนเทียนชวนงอกขึ้นมาใหม่!
แผ่นยันต์แผ่นนี้ ลู่หยวนได้มันมาจากระบบ
ไป๋ชิวเอ๋อร์อุ้มไป๋เจ๋อเดินอย่างเนิบช้ามาอยู่ข้าง ๆ เสวียนเทียนชวน “มองอะไรอยู่หรือ? บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ได้จากไปแล้ว หากไม่มีกิจอันใดก็กลับไปจัดการเรื่องเร่งด่วนเสียเถิด สองสามวันนี้ ผู้ที่ออกนอกเมืองไปสู้รบนั้นเพิ่มขึ้นอีกมาก”
เสวียนเทียนชวนยังคงยืนงุนงงอยู่กับที่ ครู่หนึ่งก็ยิ้มกว้างราวกับคนเสียสติ จากนั้นก็หันไปหาไป๋ชิวเอ๋อร์ พอเอ่ยปากด้วยเสียงแหบแห้ง “ชิวเอ๋อร์ ข้ามีขาแล้ว!”
ไป๋ชิวเอ๋อร์คิ้วขมวดลงเล็กน้อย เพราะเห็นว่าใต้ผ้าที่ห่มคลุมอยู่ของเสวียนเทียนชวนยังคงว่างเปล่า
ยังมิทันเอ่ยปาก ก็เห็นเสวียนเทียนชวนระเบิดหัวเราะเหมือนคนคลั่ง “ชิวเอ๋อร์ เรื่องราวสองสามวันนี้รบกวนเจ้าจัดการที! รอข้ามีขาเมื่อใด จะรับภาระทุกอย่างมาไว้เอง เพื่อให้เจ้าได้พักผ่อนสักระยะ”
กล่าวจบ เสวียนเทียนชวนก็เข็นรถเข็นพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ไป๋ชิวเอ๋อร์เอ่ยเรียกก็ไม่ทันแล้ว!
เหล่าองครักษ์ที่คอยปรนนิบัติ และวิ่งรับใช้นางอยู่โดยรอบต่างก็ลังเลใจที่จะเอ่ยถาม “ท่านหญิงไป๋ ที่วิหารส่งยันต์มาเพิ่มอีกแล้ว จะกลับไปจัดการในตอนนี้เลยหรือไม่?”
ไป๋ชิวเอ๋อร์กุมขมับเบา ๆ แล้วถอนหายใจออกมา “ไปเถิด”
โหมดอ่านต่อเนื่อง