ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 511 อาจจะเกิดใหม่
ตอนที่ 511 : อาจจะเกิดใหม่
เมื่อคิดแบบนั้นฮันกูก็ทั้งโกรธและหมดหนทางในคราดียว
เขาแทบทำใจไม่ได้กับการที่คนที่เขาเชื่อใจ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นศัตรู นี่มันน่าตลกสิ้นดี
แน่นอนต้องบอกว่าวิธีการของชูโก้นั้นฉลาด ฉลาดจนเขาไม่อาจจะคาดการณ์ได้
มันเป็นวิธีที่ซับซ้อนจริง ๆ
เมื่อรู้ว่าชูบ้าไม่มีทางกลับมาเป็นหัวหน้าเผ่าได้ง่าย ๆ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงเลือกที่จะไม่ช่วยอีกฝ่าย
เมื่อเลือกที่จะยอมแพ้ในตัวอีกฝ่าย ไม่ว่าชูโก้จะยกสิทธิ์ลงคะแนนให้กับใครนั้น ก็ไม่มีความหมายแต่เขากลับเลือกยกมันให้กับฮันกู !
การทำแบบนี้เหมือนจะไร้ความหมายแต่มีบทบาทอย่างมาก ซึ่งมันต้องใช้ความเชื่อใจที่อีกฝ่ายมีต่อตัวเขา คนของชูโก้เองก็แสร้งทำเป็นเข้าข้างฮันกูเช่นกัน
“ชูโก้ ! นี่มันเกินไปหน่อยแล้ว ! ” ฮันกูสบถออกมา
“พูดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ที่เราควรคุยกันตอนนี้ก็คือเราจะทำยังไงกันต่อ”
ฮันกูรีบถามขึ้นมา “หัวหน้าผู้อาวุโส นายคิดว่าเราควรจะทำยังไงหลังจากนี้ ? ”
“มันยังมีความต่างในเรื่องความแข็งแกร่งของชูโก้กับเรา ดังนั้นสิ่งต่อไปที่เราต้องทำคือใช้อำนาจที่เรามีเพื่อหยุดไม่ให้ชูโก้ได้ใจไปมากกว่านี้ !”
“นายหมายความว่ายังไง ตอนนี้กลุ่มผู้อาวุโสเลือกให้ชูโก้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าเผ่า แล้วสิ่งที่เราทำหลังจากนี้จะมีผลอยู่อีกหรือ ? ”
“ แน่นอน ! ชูบ้าเป็นหัวหน้าเผ่า แต่เราก็ยังปลดมันออกจากตำแหน่งได้ นี่ไม่ต้องนับแค่การรักษาการณ์แทน แต่ยังไม่ได้ขึ้นรับตำแหน่งเลย ”
เมื่อได้ยินคำพูดของไทลีน ฮันกูก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“นายลองบอกแผนของนายมาหน่อย”
“ขั้นแรกเราต้องคัดคนของเรา เราต้องตรวจสอบความภักดีของพวกนั้น !”
แน่นอนว่านี่คือเรื่องสำคัญเรื่องแรกที่ต้องทำ
“ฉันจะกลับไปจัดการวันนี้เลย”
“อย่างที่สองคือเอาคนของนายมารวมกับคนของฉัน”
เมื่อไทลีนพูดถึงเรื่องนี้ ฮันกูก็ทำท่าที่จะเดินหนี
เขายังไม่ทันได้รู้เหตุผล ยังไงซะเรื่องลูกน้องที่ต้องให้ไปรวมกำลังกับคนอื่นนั้น เขาก็ไม่อาจะยอมรับได้จริง ๆ
“นายยังลังเลอยู่อีกรึไง ? นายอยากกลับไปมือเปล่าจริง ๆ หรือ ? ฉันบอกนายก็ได้ เพราะเรื่องในวันนี้ ปัญหาก็เพราะความเชื่อใจของทุกคน มีแค่แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเราออกมาเท่านั้นที่จะทำให้ทุกคนทำตามที่เราคิด ! ”
สุดท้ายฮันกูก็รู้ว่าเขากับไทลีนไม่จำเป็นจะต้องมีอะไรปิดบังกันแล้ว
การที่รวมขุมกำลังเข้ากับไทลีน อาจจะเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นขึ้นมาก็ได้
“ก็ได้ ฉันจะรวมขุมกำลังกับนาย ! นายต้องทำมันให้สำเร็จ ไม่งั้นแล้วถ้าฉันไม่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่า งั้นนายก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปในเขตหวงห้าม ! ”
เมื่อเห็นฮันกูเดินออกไป ไทลีนก็ครุ่นคิดทันที
ตอนนี้ดูเหมือนว่าฮันกูจะโลภมากไปหน่อย แม้ว่าจะร่วมมือกับเขา แต่สิ่งที่เขาอยากจะเห็นคือเขาอยากเห็นว่าฮันกูมีขุมกำลังแค่ไหนกัน
ในตอนที่เผ่าชูมิเกิดความวุ่นวายอยู่นั้น หวังเย่าและชูหยุนกลับเดินทางอย่างสบายใจ พวกเขาไม่ได้เจอกับการต่อสู้มากมายนัก
แน่นอนว่าชูหยุนไม่รู้เรื่องพ่อของตัวเองที่ต้องหลบหนีเข้าไปในอีกมิติ
“หวังเย่า เจ้าให้พลังงานข้าสักหน่อยจะได้หรือไม่ ? ” นาฬิกาถามขึ้นมา
“ก็ได้ ! ” หวังเย่าแผ่พลังออกมาก่อนจะส่งมันให้กับนาฬิกา
“ขอบคุณ แต่ข้าขอแนะนำเจ้าว่าอย่าเข้าไปในเมืองจะดีกว่า” แม้ว่านาฬิกานี่จะแข็งแกร่ง แต่มันก็ยังเตือนแบบนี้ออกมา
“ทำไม ? ” เมื่อได้ยินคำเตือนนั้น หวังเย่าก็เกิดความสงสัยขึ้นมา
“เจ้าเคยเห็นสัตว์อสูรที่สามารถในการสร้างภาพลวงตาเหมือนกับข้าหรือไม่ ? ”
หวังเย่าตอบกลับทันที “ไม่”
“ งั้นก็มีหลายอย่างที่เจ้ายังไม่เคยเห็น มันไม่ใช่แค่สัตว์อสูร มันยังมีสิ่งประหลาดมากมายที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อน อย่าเสี่ยงเพื่อสมบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย ! ” นาฬิกาแนะนำ
“เดี๋ยวนะ ! นายลองพูดใหม่อีกครั้งสิ ! ”
“พูดอีกครั้งอย่างนั้นหรือ ? เจ้าไม่เข้าใจตรงไหน ? ”
“นายหมายความว่ายังไงที่ว่าสมบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ ? ”
หวังเย่าและชูหยุนเดินทางมาถึงที่นี่โดยไม่รู้ถึงเรื่องสมบัติอะไรมาก่อน พวกเขาแค่มาที่นี่ก็เพราะเห็นว่ามีเมืองตั้งอยู่ก็เท่านั้น
แต่ก่อนที่จะได้เข้ามาในเมือง พวกเขาก็ตกอยู่ในภาพลวงตาที่นาฬิกาสร้างขึ้นมา
“นายลองอธิบายสิว่าสมบัติที่นายพูดถึงนั้นหมายถึงอะไร ? ” หวังเย่าสนใจเรื่องสมบัติอย่างมาก โดยเฉพาะสมบัติในโลกนี้
“ข้าบอกแล้วว่ามันอันตราย เจ้าอย่าเอาชีวิตไปทิ้งเพราะสมบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย” ขนาดนาฬิกาก็ยังกลัว มันไม่อาจจะยอมให้ทั้งสองเดินทางเข้าไปในเมืองได้
“ตอนแรกฉันไม่คิดจะเดินทางเข้าไปด้านใน แต่เมื่อนายพูดถึงสมบัติ แน่นอนว่าฉันต้องลองไปดูหน่อย ! ” หวังเย่าพูดขึ้นและมองไปที่ชูหยุน ชูหยุนเองก็พยักหน้าตอบรับ เพราะเธอก็สนใจเหมือนกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเย่า นาฬิกาก็หมดหนทาง “นี่เคยเป็นเมืองของเผ่าชูมิ เจ้ารู้สินะ ? ”
“รู้”
“งั้นความเสี่ยงที่เจ้าจะเจอก็ต้องมากกว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างตัวเจ้า แต่นางเองก็ไม่ได้มีความแข็งแกร่งอะไร”
“นายจะบอกว่าอย่าคิดเอาสมบัตินั่นสินะ”
“สมบัตินั้นถูกทิ้งไว้โดยเผ่าชูมิตอนที่พวกเขาหนีไป ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ตามนิสัยของเผ่าชูมิแล้ว สมบัตินี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” นาฬิกาบอกกับหวังเย่า
“ก่อนหน้านี้เผ่าชูมิรุ่งเรืองแค่ไหน” หวังเย่าพูดขึ้นและมองไปที่ชูหยุน
ชูหยุนจะไปรู้ได้ยังไง เธอส่ายหน้าและบอกว่าไม่รู้เรื่องเผ่าของเธอในอดีต
“งั้นก็เข้าไปด้านใน ฉันอยากจะรู้ว่าเผ่าชูมิในอดีตเป็นยังไง”
มันมีความลับที่นี่ถึงแม้ว่าจะไม่มีสมบัติมากนักก็ตาม
เผ่าชูมิกลับพ่ายแพ้ให้กับสัตว์อสูรและโดนยึดครองอาณาเขตไป
ตอนที่ชูหยุนและหวังเย่าเดินทางเข้าไปในเมืองนั้น ชูหยุนก็รู้สึกว่าเธอเคยมาที่นี่มาก่อน
ฝันของเธอเป็นความจริงรึไง ?
ทำไมเธอเคยฝันถึงที่นี่ แต่ความจริงแล้วยังไม่เคยมาที่นี่เลยสักครั้ง
ชูหยุนไม่อาจจะเข้าใจความรู้สึกนี้ได้
บางทีเธออาจจะเคยอยู่ที่นี่มาก่อนแต่อาจจะกลับมาเกิดใหม่ก็เป็นได้