ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 506 ระบบไม่แจ้งเตือน
ตอนที่ 506 : ระบบไม่แจ้งเตือน
หวังเย่าเพิ่งเดินออกมาจากเขตของเผ่าชูมิ นี้มันแค่เพิ่งเริ่มต้นการเดินทางเท่านั้น ยังไม่ใช่จุดจบ
แม้ว่าจะฆ่าแมลงป่องและกินเนื้ออินทรีย์ทองไป แต่พวกเขาก็ยังต้องเดินทางผ่านทะเลทรายมุ่งหน้าไปที่โอเอซิสต่อ หวังเย่ารู้ว่าภารกิจของเขาเพิ่งจะแค่เริ่มต้นเท่านั้น และตอนนี้หวังเย่าก็เพิ่งเข้าใจว่าโลกแห่งนี้นั้นเป็นยังไง
ระหว่างทางเขาได้เจอกับซากปรักหักพังและหมู่บ้านที่ถูกทำลาย เมื่อเห็นของพวกนั้น หวังเย่าก็เกิดคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้าง
มันเหมือนกับมีการต่อสู้ที่นี่มาก่อน
หวังเย่าอยากจะช่วยให้เผ่าชูมิได้กลับมาอยู่บนพื้นดินดังเดิม
“มันเหมือนจะมีเมืองใหญ่อยู่ที่นี่ ! ” หวังเย่าชี้ออกไป
ตลอดหลายวันมานี้ชูหยุนไม่ได้อารมณ์ดีนัก เธอรู้ว่าซากเมืองเหล่านี้คือที่ที่เผ่าของเธอเคยอยู่อาศัยมาก่อน
เธอกับหวังเย่าเดินผ่านซากเมืองมากมายและพบกับซากสัตว์อสูรที่ตายไป แต่ส่วนมากล้วนแต่เป็นสัตว์อสูรที่คลั่งและโดนคลื่นพลังปีศาจครอบงำ
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน ! ” ชูหยุนถามขึ้นมาอีกครั้ง
หวังเย่าไม่รูว่าจะตอบยังไง เพราะเขาก็ไม่ใช่คนที่นี่ เขาแค่คนที่ผ่านมาที่นี่ก็เท่านั้น แต่จากประสบการณ์ของเขาแล้วเขาก็พอจะเดาออกได้ว่าเกิดอะไรที่นี่บ้าง
“ ที่นี่เคยเป็นสนามรบมาก่อน” หวังเย่าพูดขึ้น
ชูหยุนคิดตามและถามขึ้นมา “นายหมายความว่าเคยมีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่งั้นหรือ ? ”
หวังเย่ารู้สึกว่าคำพูดของชูหยุนมีทั้งถูกและผิด มันมีการต่อสู้ที่นี่ก็จริงแต่หวังเย่าอยากจะเรียกมันว่าการเสียสละของผู้คนมากกว่า
“การเสียสละงั้นหรือ ? ” หวังเย่ายืนอยู่บนเนินเขาและมองไปยังซากเมืองด้านล่าง
มันมีตึกสูงมากมาย แม้ว่าจะโดนฝุ่นทรายเกาะไปแล้วแต่มันก็พอมองออกว่าในอดีตเมืองนี้เคยเจริญแค่ไหน
ชูหยุนไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนที่ได้กินเนื้ออินทรีย์ย่างอีกต่อไป เมื่อได้ฟังแบบนี้
“หวังเย่า ดูเหมือนว่าฉันเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ! ”
เมื่อเดินเข้ามาในซากเมือง มันก็แปลกที่ไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังของปีศาจได้อีก
ตลอดทางที่ผ่านมานั้นพวกเขาได้เดินทางผ่านซากหมู่บ้านและยังพบร่องรอยของสัตว์อสูร แต่ที่นี่พวกเขากลับไม่พบอะไรเลย
“เธอเคยมาที่นี่งั้นหรือ ? ” หวังเย่าไม่เชื่อว่าชูหยุนจะเคยมาที่นี่จริง ๆ
พวกเขาอยู่โลกใต้ดินกันมาหลายรุ่น ชูหยุนไม่เคยขึ้นมาบนพื้นดินด้วยซ้ำ เธอจะเคยมาที่นี่ได้ยังไง !
“เธออาจจะฝันถึงที่นี่ก็ได้” หวังเย่าพูดขึ้นมา
“ไม่” ชูหยุนดูกังวลนิด ๆ “ ฉันหมายถึงฉันเคยเห็นมันมาก่อนจริง ๆ ”
“นั่นแหละคือความฝัน” หวังเย่าได้แต่เดาว่าคงเป็นแบบนั้น
“บางทีพ่อเธออาจจะเคยเล่าถึงที่นี่ให้ฟังจนเธอเก็บมันไปฝัน”
“บางทีอาจจะเป็นแบบนั้น” ชูหยุนไม่อาจจะหาคำอธิบายที่ดีไปกว่านี้ได้
เมืองนี้ทัดเทียมกับเมืองใหญ่ของหัวเซี่ยในอดีตได้ แต่ทำไมเมืองใหญ่แบบนี้ถึงล่มสลาย ?
หวังเย่าไม่อาจจะคิดหาเหตุผลที่เผ่าที่รุ่งเรืองจะโดนบุกรุกและทำลายเมืองโดยสัตว์อสูรได้ง่าย ๆ นอกซะจากว่า…..
หวังเย่าคิดสักพักแต่เขาก็ไม่มั่นใจเพราะนี่คือเรื่องในเผ่า เขาไม่ควรจะไปตัดสิน
คราบฝุ่นบนกำแพงได้บอกถึงเวลาที่เมืองนี้คงอยู่
“เธอมั่นใจไหมว่าเธอจะเป็นหัวหน้าเผ่าคนต่อไปได้ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“หัวหน้าเผ่า ? ฉันไม่เคยคิดเรื่องนี้ เราไม่เคยมีหัวหน้าเผ่าเป็นผู้หญิงมาก่อน” ชูหยุนส่ายหน้า
ความนุ่มของทรายใต้เท้าของพวกเขาทำให้ทั้งคู่ลืมไปว่าที่นี่คือที่ที่อันตราย
“เธอไม่คิดจะกอบกู้คนของตัวเองรึไง ? ”
“ไม่ ฉันจะทำอะไรได้ ในเมื่อพ่อฉันก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ? ” ชูหยุนส่ายหน้า เธอคอยหลบอยู่หลังของพ่อมาโดยตลอด เมื่อหวังเย่าถามแบบนี้ออกมา เธอก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะตอบยังไง
อยู่ ๆ ก็มีเสียงคำรามดังขึ้น
ทันใดนั้นก็เกิดลมพัดขึ้นมาจนทำให้ทรายที่เกาะอยู่บนหลังคาปลิวออกมา
“สัตว์อสูรนี่ไม่ธรรมดา ! ” หวังเย่ามองไปทางเสียงคำรามและบอกกับชูหยุน
ชูหยุนไปยืนหลบอยู่ที่ด้านหลังของหวังเย่าและถามขึ้นมา “สัตว์อสูรนี่ไม่ธรรมดางั้นหรือ ? ”
ระบบไม่ได้ให้ข้อมูลของสัตว์อสูรนี่ แต่หวังเย่ารับรู้ได้ถึงคลื่นพลังของมันว่าต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“มันไม่ธรรมดายังไง ? ”
ด้วยการที่สู้กับสัตว์อสูรอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้ชูหยุนพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ
เธอเพิ่งจะเข้ามาถึงระดับ A แต่กลับทะลวงผ่านได้อย่างรวดเร็ว ต้องบอกว่าเธอน่ะพัฒนาตัวเองได้เร็วยิ่งกว่าหวังเย่าด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าเธอนั้นมีพรสวรรค์แค่ไหน
“มันไม่ธรรมดาเลย ! ” หวังเย่าไม่มั่นใจว่ามันเลเวลเท่าไหร่ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่รู้ว่ามันมีสกิลอะไรบ้าง
“ทำไมตอนแรกฉันถึงไม่รู้สึกอะไรเลย ? ” หวังเย่าคิดว่าการรับรู้ของเขาอาจจะมีปัญหา
ตอนนั้นก็มีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังขึ้นมา
“ดูนั่น !” ชูหยุนที่ยืนอยู่ด้านหลังหวังเย่าชี้ไปด้านบนตึกที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก
“มันมีนาฬิกาสีทองที่นั่น ! ” ชูหยุนพูดจบก็พบว่าพายุทรายเริ่มก่อตัวกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนบดบังการมองเห็นของพวกเขา
หลังจากนั้นสักพักพายุก็สงบลง
รอบข้างตกสู่ความเงียบงัน
“ดูนั่น มันมีนาฬิกาอยู่แต่มันไม่ได้เป็นสีทองแล้ว”
เมื่อมองไปตามทางที่ชูหยุนชี้ไป หวังเย่าก็เห็นนาฬิกาขนาดใหญ่ที่ปกคลมด้วยทราย มันดูไม่ใช่นาฬิกาธรรมดา
ที่หน้าปัดมันมีบางอย่างห้อยอยู่
“เธอเคยมาที่นี่ก่อนหน้านี้จริง ๆ หรือ ? ” หวังเย่ามองไปรอบๆเพื่อหาตำแหน่งสัตว์อสูรแต่ตอนที่เขาหันกลับมานั้น ชูหยุนก็หายตัวไปแล้ว
ไม่มีแม้แต่เงาของเธอ
“ชูหยุน ! ” หวังเย่าตะโกนขึ้นมา
แต่กลับไม่มีใครตอบกลับเขามาเลย
หวังเย่าเคยเจอภาพลวงตาที่โลกนี้มาแล้ว เขารู้ว่าเขาคงตกสู่ภาพลวงตาอีกอันเข้าแล้ว
“เจ้ารู้จักภาพลวงตาด้วยอย่างนั้นหรือ ? ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“นายเป็นใคร ? ” หวังเย่ามองไปรอบ ๆ นอกจากจะไม่มีชูหยุนกับรอยเท้าของพวกเขาแล้ว มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
นี่มันที่ไหนกันแน่ ?
พวกเขาเจอกับสัตว์อสูรแบบไหน ทำไมระบบถึงไม่ได้แจ้งเตือนอะไรเลย..