ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 505 การโหวตของกลุ่มผู้อาวุโส
ตอนที่ 505 : การโหวตของกลุ่มผู้อาวุโส
“ ในหัวของเธอมีแต่เรื่องกินรึไง ? ” หวังเย่าเริ่มที่จะหงุดหงิดขึ้นมา เพราะเขาเดินทางมากว่าครึ่งวันแล้วแต่เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ยังคิดแต่เรื่องกินมาตลอดทาง แล้วนี่มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือ !
แต่หวังเย่าเหมือนจะลืมไปว่าตะกี้ชูหยุนได้สู้กับอินทรีย์ทองมา โดยที่ตอนนั้นเขายังยืนกินถั่วอยู่เลย
กลิ่นของถั่วถึงกับฟุ้งไปทั่ว
ทั้ง ๆ ที่สอนให้ชูหยุนมองข้ามเรื่องการกินไปบ้าง แต่หวังเย่ากลับยังทำอยู่
“ขาอินทรีย์ย่างก็น่าจะอร่อยดี”
เมื่อทนต่อการร้องขอไม่ได้ สุดท้ายชูหยุนและหวังเย่าก็ได้หยุดเดินทาง และนั่งกินขาอินทรีย์ย่างด้วยกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในดินแดนเผ่าชูมิที่โถงผู้อาวุโส
มันมีการเปลี่ยนแปลงอำนาจเกิดขึ้น
“เรื่องของชูบ้า” ต่อหน้าผู้อาวุโสทุกคน ฮันกูก็พูดขึ้นมา
“ผู้อาวุโสฮันกู ฉันได้รับรายงานมาว่าเห็นคุณพาคนกลุ่มหนึ่งไปยังที่พักของหัวหน้าเผ่า และสุดท้ายก็เข้าไปในเขตหวงห้ามของเผ่า” ผู้อาวุโสไทลินพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย “คุณอธิบายได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ? ”
“ผู้อาวุโส หัวหน้าเผ่าทรยศพวกเรา”
“ทรยศงั้นหรือ ? ” สุดท้ายสีหน้าของไทลินก็เปลี่ยนไป
“ใช่ เขาทรยศ”
“แล้วมีหลักฐานอะไร ? ”
ชูโก้ ได้ยินที่ทั้งสองคนพูดมาก็เริ่มรู้สึกเบื่อและคิดจะออกจากที่นั่น
เมื่อเห็นว่าชูโก้จะเดินออกจากห้องไป ไทลีนก็ได้ถามขึ้นมา “คุณไม่มาฟังเรื่องที่พี่ของคุณก่อทรยศเผ่าของเรารึไง ? ”
“ไม่สน คุณเคยเห็นฉันสนใจอะไรไหมตลอดหลายปีมานี้ ? ”
แม้ว่าไทลีนจะแก่กว่า แต่ชูโก้ก็ไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย เพราะเขาไม่เคยนับถือใครที่อายุอยู่แล้ว
หลังจากที่พูดจบชูโก้ก็ได้เดินออกจากห้องโถงไปทันที
ระหว่างที่ออกไปนั้นเขาก็ได้บอกกับฮันกู “ผู้อาวุโสฮันกูตอนที่ลงคะแนน คุณช่วยเลือกแทนฉันด้วย จำไว้ว่าฉันเชื่อในตัวคุณ”
ฮันกูพยักหน้าตอบรับ
คำพูดนี้ของชูโก้ ทำให้เขาพอใจเป็นอย่างมาก
เมื่อชูโก้ออกไปแล้ว ฮันกูก็คิดว่าชูโก้คงมีปัญหากับพี่ของเขาจริง ๆ ตอนนี้ดูเหมือนว่าชูโก้ ไม่คิดที่จะช่วยเข้าข้างพี่ชายของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“พูดมาต่อ ผู้อาวุโสฮันกู”
“ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณรู้รึเปล่า แต่ไม่กี่วันก่อนหัวหน้าเผ่าได้พาคนนอกเข้ามา ฉันคิดว่าหัวหน้าเผ่าน่ะแค่จะให้ที่พักกับพวกเขา แต่ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ! ”
บอกได้ว่าความสามารถในการพูดของฮันกูนั้นถือว่าไม่ธรรมดา
“อะไรที่คุณบอกว่าเรื่องผลประโยชน์ ? ”
“ชูบ้าได้ไปที่เขตหวงห้ามกับคนนอกมาก่อนแล้ว ! และพวกเขาเหมือนจะเปิดประตูของเขตหวงห้ามออกแล้ว ! ”
สายตาของไทลินเป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าประตูนั้นถูกเปิดออกแล้ว
ในฐานะคนที่มีอายุเยอะที่สุดในเผ่า เขาจึงรู้จักประตูหินนั้นเป็นอย่างดี เขายังอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ด้านในบ้าง
และสิ่งที่ทำให้ไทลีนเข้าข้างฮันกูนั้น มันก็เป็นเพราะฮันกูได้ยื่นข้อเสนอที่ไทลีนไม่อาจจะปฏิเสธได้ นั่นคือหากไทลีนช่วยให้ฮันกูได้ตำแหน่งหัวหน้าเผ่า งั้นฮันกูก็จะใช้อำนาจของตัวเองให้ไทลีนเข้าไปที่เขตหวงห้ามเพื่อหาของที่เขาต้องการ
“หมายความว่าชูบ้าพาคนนอกเข้าไปด้านหลังประตูเขตของหวงห้ามงั้นหรือ ? ” เมื่อได้ยินเรื่องนี้ไทลีนก็โกรธขึ้นมาทันที
แน่นอนว่าไทลีนไม่ได้โกรธแทนคนในเผ่า แต่ที่เขาโกรธเป็นเพราะตัวเขาเองต่างหาก เขากลัวว่าของด้านในคลังจะถูกคนนอกชิงไป โดยเฉพาะของที่เขาต้องการมากที่สุด !
แม้ว่าจะไม่เคยเข้าไปในนั้นมาก่อน แต่จากตำราเก่าแก่แล้วเขาก็รู้ว่ามันมีสมบัติบางอย่างที่ช่วยชุบชีวิตคนในเผ่าของเขาขึ้นมาได้
ตอนนี้ไทลีนก็อายุมากแล้วและใกล้สูญสิ้นการบ่มเพาะ ซึ่งเขากำลังจะตาย แต่ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่อยากตายเท่านั้น โดยเฉพาะคนอย่างไทลีนที่ซึ่งมีอำนาจ เป็นธรรมดาที่เขาจะอยากมีชีวิตอยู่ต่อมากกว่าคนอื่น ๆ
แต่กฎของเผ่าเขียนไว้ชัดเจนแล้วว่าไทลีนไม่มีสิทธิ์เข้าไปในคลัง
ตอนที่เผ่าของพวกเขาย้ายมาที่นี่ก็มีการตั้งกฎใหม่ขึ้นมา มันตั้งขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้อำนาจอยู่ในมือของคนคนเดียวซึ่งจะเป็นการขัดขวางการพัฒนาของเผ่า
เผ่าชูมินั้นต้องการจะกระจายอำนาจออกจากกัน
ยกตัวอย่างเช่นหัวหน้าเผ่าคอยดูแลจัดการเผ่า ส่วนกลุ่มผู้อาวุโสคอยตัดสินใจและลงความเห็น
แต่เมื่อเขากลายเป็นผู้อาวุโส งั้นเขาก็จะเสียอำนาจบางอย่างเช่นการไม่มีสิทธิ์เข้าไปในเขตหวงห้ามของเผ่า ! นี่คือข้อห้ามสูงสุดของเผ่า !
คนอื่น ๆ อาจจะเข้าไปในเขตหวงห้ามได้หากหัวหน้าเผ่าอนุญาต แต่ผู้อาวุโสน่ะไม่มีสิทธิ์เข้าไปที่นั่น เพราะมันจะเป็นการฝ่าฝืนกฎ แต่การที่ฮันกูพาคนจำนวนมากเข้าไปในเขตหวงห้ามนั้น ก็กลับไม่มีใครพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลยสักคน
“มันก็แสดงให้เห็นว่าชูบ้าพาคนนอกเข้าไปในเขตหวงห้าม ไม่ใช่ว่าชูบ้าหักหลังเรารึไง ” ไทลีนพูดขึ้นมา
“ผู้อาวุโสไทลีนพูดถูก”
“แค่เรื่องนี้อย่างเดียวก็แสดงให้เห็นแล้วว่าชูบ้าหักหลังเผ่าเรา เขาเปิดประตูหินได้แต่ไม่ยอมบอกให้เรารู้ เขายังให้คนนอกที่ชื่อหวังเย่าเอาลูกสาวของเขาเดินทางออกไปข้างนอกด้วย” ฮันกูมองไปรอบ ๆ แล้วพูดขึ้น “คิดว่าเขาทำแบบนั้นไปทำไม ? ”
ไม่มีใครตอบอะไร
ฮันกูพูดต่อ “ฉันไม่อยากจะพูด ยังไงซะชูบ้าก็เป็นหัวหน้าเผ่า แต่ถ้าหากคนนอกเข้ามาหาเรื่องคนในเผ่าเราล่ะ ? ”
“เผ่าชูมิอ่อนแอมานาน เราไม่อาจจะทนการรุกรานของคนนอกได้แน่ ! ”
“ฉันคิดว่าเหตุผลของคุณยังไม่ดีพอ” ชายที่นั่งข้าง ๆ ผู้อาวุโสไทลีนส่ายหน้าและพูดขึ้นมา
“ใช่ นั่นคือสิ่งที่คุณคาดเดา เท่าที่ฉันรู้มาชูบ้าขอให้คนนอกออกไปสำรวจสถานการณ์ภายนอกเพื่อที่เราจะได้ทวงคืนดินแดนในอนาคต ! ” ผู้อาวุโสอีกคนพูดขึ้น
“ฉันรู้ว่ามันยากจะตัดสินได้ เราจึงต้องทำการลงความเห็น ฉันเสนอว่ากลุ่มผู้อาวุโสควรจะแสดงความคิดเห็นของตัวออกมาโดยการลงคะแนน” ฮันกูพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังผู้อาวุโสที่อยู่โดยรอบ
หลังจากที่เงียบไปสักพักไทลีนก็พูดขึ้นมา “พวกคุณคิดว่ายังไง ? ”
“ฉันเชื่อว่าชูบ้าหักหลังเผ่าเรา ”
“คุณก็รู้ว่าถ้าคุณแพ้ในการลงความเห็นครั้งนี้ คุณจะเสียตำแหน่งผู้อาวุโสไป”
“ฉันรู้ แต่เพื่อเผ่าเราแล้ว ฉันเต็มใจ ”
ในโถงผู้อาวุโส การลงคะแนนนี้ถือเป็นการตัดสิน แต่มันก็ถือว่าไม่ค่อยยุติธรรมกับคนในเผ่าสักเท่าไหร่ เพราะมันมีแค่ผู้อาวุโสเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ได้ลงคะแนนในครั้งนี้ เมื่อผลการตัดสินออกมาแล้ว พวกคนที่คัดค้านก็จะเสียตำแหน่งผู้อาวุโสไป
แล้วมันจะตัดสินกันยังไง ?
ผู้อาวุโสมี 21 คน หากมีมากกว่า 2 ใน 3 ที่เห็นด้วย งั้นก็จะรู้ผลลัพธ์ของการลงคะแนนในครั้งนี้
หลังจากที่พูดคุยกับฮันกูแล้ว ไทลีนก็ได้ประกาศออกมา “งั้นเราจะมาลงคะแนนกัน ! ”
ในขณะเดียวกันที่ด้านนอก หวังเย่าเพิ่งจะกินอาหารเสร็จและกำลังจะงีบหลับ