ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 491 คลังสมบัติขนาดใหญ่
ตอนที่ 491 :คลังสมบัติขนาดใหญ่
ตูม ตูม !
เกิดการระเบิดสองครั้งที่ประตูหิน เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วพร้อมฝุ่นที่ตลบอบอวล
สักพักเมื่อฝุ่นเริ่มจางลงไป สุดท้ายพวกเขาก็ได้เห็นสภาพของประตูหิน ซึ่งตอนนี้มันมีสภาพที่เปลี่ยนไปจากเดิม เพราะมันมีช่องว่างเล็ก ๆ เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นมันไม่เพียงพอที่จะทำลายประตูหินนี่ลงไปได้
“ ทำได้แล้ว” ชูบ้าแสดงท่าทีตื่นเต้นออกมา
ก่อนหน้านี้เขาได้ลองใช้ทุกวิธีทางในการทำลายประตู แต่มันก็ยากที่จะทำลายลงไปได้ ตอนนี้หวังเย่าและชาโรน่า แม้ว่าจะทำไม่สำเร็จแต่ก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับประตูได้ ซึ่งมันถือว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้วในตอนนี้
อย่างน้อยชูบ้าก็ได้เห็นความหวังขึ้นมาบ้าง
“เอาต่อ ! ” หวังเย่ามองไปที่ชาโรน่าแล้วพูดขึ้นมา
นี่คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของพวกเขา พวกเขาใช้มันออกมาได้แค่ไม่กี่ครั้งแต่การใช้แค่ 2-3 ครั้งก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร ดังนั้นหวังเย่าและชาโรน่าจึงเริ่มทำการโจมตีอีกครั้ง
ในทุกวัน พวกเขาจะมาที่ประตูนี้และทำการโจมตีมัน รอยแตกที่ประตูมีแต่จะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายในวันที่ 6 หวังเย่าและชาโรน่าก็ได้เดินทางมาที่ประตูนี้อีกครั้ง
พวกเขาพักแค่วันเดียวก็เพียงพอแล้วในการพื้นฟูพลัง
วันนี้พวกเขาน่าจะใช้การโจมตีแค่เพียงครั้งเดียวก็คงทำลายประตูนี่ได้แล้ว
หวังเย่าและชาโรน่าต่างก็สงสัยว่าจะมีสมบัติอะไรอยู่เบื้องหลังของประตูนี้กันแน่
ตูม ตูม !
เสียงระเบิดดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันต่างจากเดิมเพราะครั้งนี้มันเป็นการระเบิดของประตูจริง ๆ
แน่นอนว่าประตูนี้ขวางกั้นทั้งสองคนมาเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว และสุดท้ายก็สามารเปิดมันออกได้
“เปิดแล้ว สุดท้ายก็เปิดออกแล้ว ! ” เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ชูบ้าก็พูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก
ตั้งแต่ที่สัตว์อสูรบุกเข้ามา พวกเขาก็เสียบ้านเกิดและต้องถอยกลับมาอยู่ใต้บึง
สำหรับชูบ้าแล้ว การที่จะทวงดินแดนของตัวเองกลับมาได้นั้นต้องพึ่งสมบัติที่อยู่เบื้องหลังประตูนี้ แต่เขาใช้ความพยายามมากมายในการทำลายมันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่มีหวัง…ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือจากคนนอก สุดท้ายประตูหินนี่ก็เปิดออกมาจนได้
ความยากลำบากที่ชูบ้าต้องทนแบกรับนั้นไม่รู้เลยว่ากดดันเขามากแค่ไหน
“เข้าไปดูข้างในกันไหม ? ” หวังเย่ามองไปที่ชูบ้า ก่อนจะบอกให้ชายแก่แปลให้
ชูบ้าพยักหน้าและพูดขึ้น “เข้าไปสิ”
ทุกอย่างที่อยู่เบื้องหลังประตูนี้เขาไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง แม้ว่ามันอาจจะมีสมบัติอยู่แต่มันก็อาจจะมีอันตรายอยู่ด้วย
ชูบ้านั้นตอนนี้เชื่อในตัวเองจึงให้หวังเย่าและชาโรน่าเข้าไปข้างในกับเขาด้วย
ตอนที่เพิ่งเดินผ่านประตูเข้ามานั้น หวังเย่าก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
นี่คือคลังสมบัติงั้นหรือ ?
ยิ่งหวังเย่ามองดูเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่คลังสมบัติ
แต่เมื่อพวกเขาเดินหน้าต่อ พวกเขาก็พบกับแสงสีทอง สีแดง สีเหลือง สามสีที่ส่องประกายออกมาสว่างจ้าเต็มพื้นที่
แสงทั้งสามนั้นส่องประกายออกมาทับซ้อนกัน
“ที่นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นทางเข้า” หวังเย่ามองไปข้างหน้าแล้วนึกถึงบางอย่าง
หลังจากที่พูดจบ หวังเย่าก็มองไปที่ชูบ้าและชาโรน่า ก่อนจะถามขึ้นมาว่า “จะลองเข้าไปดูกันไหม ?” หวังเย่าถามขึ้นมา
เอาจริง ๆ แล้ว หวังเย่าก็กลัวสิ่งที่เขาไม่รู้อยู่นิด ๆ แต่หากพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว เขาคงคาใจไปตลอด
ชาโรน่าพยักหน้าก่อนที่ทั้งสองคนจะมองไปที่ชูบ้า
ชูบ้าคิดอยู่สักพักก่อนที่จะเห็นด้วยกับหวังเย่า
จากนั้นทั้งสี่ก็เดินหน้ากันต่อ และเข้าไปในพื้นที่ ที่แสงสามสีนั้นปรากฏขึ้นมา
“พลังมิติ…”
หวังเย่าคุ้นกับพลังมิติดี ตอนที่มองเข้าไปที่แสงสามสีนั้น หวังเย่าก็พอเดาออกแต่แรกแล้ว และพอเดินเข้าไปนั้นเขาก็ยืนยันได้ว่าเขาคิดถูก
แสงสามสีนี้คือค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่มันเดินทางได้ไกลกว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เขาสร้างขึ้นมา
ไม่นานทั้งสี่คนก็ถูกส่งมายังอีกมิติ
“ที่นี่…” เมื่อมาถึงที่นี่ หวังเย่าก็รู้สึกได้ถึงความสบายใจ
“ที่นี่มีพลังอยู่เยอะ วิวทิวทัศน์ก็สวยด้วย” ชาโรน่าอุทานออกมา
มันไม่ใช่แค่ชาโรน่าที่คิดแบบนั้น แม้แต่หวังเหยาและชูบ้าเองก็คิดเหมือนกัน
ตอนนั้นทั้งสี่คนก็เข้าใจแล้วว่าสมบัติที่ว่าหมายถึงอะไร
จากนั้นทั้งสี่ก็เริ่มตรวจสอบขนาดของมิตินี้และพบว่ามันใหญ่โตอย่างมาก
ด้วยความเร็วของหวังเย่าแล้วเขายังต้องใช้เวลา 1 วันเต็ม ๆ ในการเดินทางไปทั่วมิตินี้
มันเพียงพอที่จะบอกขนาดของมิตินี้ได้
หวังเย่าคิดว่ามันมีขนาดใหญ่พอ ๆ กับประเทศหัวเซี่ยเลยก็ว่าได้
ที่นี่มีวัตถุวิญญาณมากมายที่สั่งสมพลังมานาน ต้องบอกว่ามันคือคลังสมบัติขนาดใหญ่ก็คงไม่เกินไป
เพราะใช้ยังไงก็ดูจะไม่หมด
หากมีสมบัติน้อย หวังเย่าและชูบ้าอาจจะแย่งชิงกันได้ แต่ตอนนี้ถึงจะแบ่งสมบัติให้คนเป็นหมื่น ๆ คนก็ยังเพียงพอ ทำไมต้องทะเลาะกันด้วย ?
ชูบ้าได้หันไปหาหวังเย่าและพูดขึ้น “เก็บได้ตามสบาย”
หวังเย่าและชาโรน่ามองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น
แต่พวกเขาไม่คิดจะเก็บสมบัติวิญญาณเหล่านี้กลับออกไป พวกเขาเลือกที่จะเก็บพวกผลไม้วิญญาณก่อนเพื่อฟื้นฟูพลังให้กับตัวเอง
หลังจากที่อยู่ที่นั่นได้ 1 วัน หวังเย่าก็ไปหาชูบ้าและพูดขึ้นมาช้าๆ “ชูบ้า เราอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว คงถึงเวลาที่จะกลับออกไป คลังสมบัตินี้ ในความเห็นของผมแล้ว ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี”
หวังเย่าคิดแทนชูบ้า แม้ว่าคลังสมบัตินี้จะใหญ่แต่ยิ่งมีคนรู้เยอะเท่าไหร่ มันก็จะกลายเป็นเป้าหมายของคนอื่น…ด้วยความแข็งแกร่งของเผ่าพวกเขาแล้ว แม้ว่าจะนับรวมหวังเย่าไปด้วย แต่การจะปกป้องคลังสมบัตินี้ไว้ก็คงเป็นเรื่องยาก
“ที่คุณพูดก็มีเหตุผล งั้นอย่าเพิ่งรีบออกไป มาคิดกันก่อนว่าเราจะทำยังไงกับที่นี่” ชูบ้าพูดขึ้นมา