ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 475 แยกตัว
ตอนที่ 475 : แยกตัว
“กำไลนี้จะต่อต้านพลังของจิตหวนกลับได้ในเวลาอันสั้น ดังนั้นอสูรจะไม่อยู่ในภาวะคุ้มคลั่ง” ชายแก่ยกกำไลขึ้นมาและพูดขึ้น
“มันใช้ได้นานแค่ไหน ? ” เฉี่ยนเจินเฉียนมองไปที่กำไลแล้วถามขึ้นมา
“10 วัน หลังจากนั้นกำไลนี้ก็ไร้ประโยชน์ จากนั้นมันก็ไม่อาจจะต้านทานปรากฏการณ์จิตหวนกลับนี้ได้อีก” ชายแก่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“งั้นเราก็มีเวลาแค่ 10 วันงั้นหรือ ? ” เฉี่ยนเจินเฉียนคิ้วขมวด
“ฉันขอถามหน่อย คุณคิดจะเข้าไปในมิติลับนั้นจริง ๆ หรือ ? ” ชายแก่มองไปที่เฉี่ยนเจินเฉียนด้วยคิ้วที่ขมวด เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งเจ็ดคนก็มองหน้ากันพร้อมกับแสดงสายตาแน่วแน่ออกมา
หลังจากนั้นเฉี่ยนเจินเฉียนก็มองไปที่ชายแก่แล้วยิ้มออกมา “แน่นอน นี่คือการตัดสินใจที่ดีที่สุด”
“ถ้าอย่างนั้นฉันคงไม่ห้ามพวกคุณ ฉันหวังว่าพวกคุณจะเดินทางกลับมาได้อย่างปลอดภัย” ชายแก่เอากำไลออกมาจากถุงมิติอีก 6 อันก่อนจะส่งให้กับทุกคนและสอนวิธีการใช้งาน
ไม่กี่นาทีต่อมาเมื่อรู้วิธีการใช้งานกำไลแล้วทั้งเจ็ดก็พร้อมที่จะเดินทางเข้าไปในมิติลับ
ในตอนที่กำลังจะเดินทางออกไปนั้น เฉี่ยนเจินเฉียนก็ได้มองไปที่ชายแก่ “ถ้ามีโอกาส ฉันจะพาคนด้านในออกมาให้ได้”
“ขอบคุณ” ชายแก่ได้ยินแบบนั้นก็โค้งให้กับทุกคน
“ฉันหวังว่าพวกคุณจะกลับมาได้ ”
ทั้งเจ็ดคนพยักหน้าตอบรับและกระโดดขึ้นไป ไม่นานพวกเขาก็ใช้ทักษะของตัวเองเพื่อบินขึ้นไปยังทางเข้ามิติลับ
หลังจากนั้นทั้งเจ็ดก็ไปถึงตรงหน้าทางเข้า พวกเขามองลงไปด้านล่างก่อนจะมองหน้ากันแล้วเปิดการทำงานของกำไล สุดท้ายพวกเขาก็ไม่ลังเลและก้าวเข้าไปในวังวน
ชายแก่ด้านล่างเห็นทั้งเจ็ดคนหายตัวไปก็ได้เดินทางกลับไปที่แคมป์
ในตอนที่เดินทางผ่านวังวนมา หวังเย่าก็พบกับสิ่งผิดปกติ มิติรอบตัวของเขาเกิดการผันผวนขึ้นมา ตอนที่เขากำลังจะใช้พลังมิติ อยู่ ๆ เขาก็รับรู้บางอย่างได้ จากนั้นทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ เขาได้ปรากฏตัวขึ้นมาในสถานที่ที่แปลกประหลาด
ตรงหน้าวังวนนี้คือดินแดนรกร้างอันกว้างใหญ่ ที่สำคัญที่สุดคือตอนที่หวังเย่ามาถึงที่นี่ มันไม่มีใครอยู่รอบตัวเขาเลย ทุกคนที่เดินทางเข้ามาด้วยกันกลับไม่อยู่ข้างกายเขาแม้แต่คนเดียว ตอนนี้เขากลับอยู่ตัวคนเดียว
ลมพัดอัดเข้าที่ใบหน้าของหวังเย่า เขาพยายามสงบจิตใจตัวเองและนึกถึงสิ่งผิดปกติที่เขารับรู้ได้ตอนที่เดินทางผ่านวังวนนี้
และเข้าใจว่าอาจจะมีอะไรผิดปกติกับวังวนนี้ที่ทำให้เขาแยกตัวกับทุกคน
เขาคิดว่าคงเกิดเรื่องแบบนี้กับคนอื่น ๆ บางทีพวกเขาอาจจะอยู่ห่างกันมากก็ได้ในตอนนี้
แน่นอนว่ามันก็เป็นแค่การคาดเดา สถานการณ์จริง ๆ นั้นจำเป็นต้องตรวจสอบต่อแต่มันไม่น่าจะแย่แบบที่เขาคิด
หวังเย่าลำดับความคิดของตัวเอง ตอนนี้ภารกิจทีเร่งด่วนที่สุดคือต้องหาคนอื่น ๆ นี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุดแต่เมื่อดูจากดินแดนอันกว้างใหญ่นี้แล้ว มันไม่รู้เลยว่ามิตินี้ใหญ่โตแค่ไหน และตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ห่างจากคนอื่นมากแค่ไหนกันแน่
พวกเขาไม่อาจจะติดต่อกันได้ และการจะได้พบกันในมิติลับแห่งนี้ก็ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นเรื่องยากมากแค่ไหน
ตอนนั้น หวังเย่าก็รู้สึกได้ถึงพลังแปลกประหลาดที่อยู่ในมิติลับแห่งนี้ซึ่งเข้าปกคลุมกำไลอสูรของเขาราวกับอยากจะมุดเข้าไปแต่เมื่อเปิดการทำงานของกำไลแล้ว พลังงานที่แปลกหลาดก็ร่นถอยกลับไป
ตอนนี้พลังแปลกประหลาดนั้นไม่ได้ปกคลุมตัวหวังเย่าอีก มันเหมือนจะไม่รับรู้ถึงตัวตนของเขา
“ มันมีประโยชน์จริง ๆ ดูเหมือนว่าพลังพวกนี้คือพลังหวนกลับ” หวังเย่าลองสะบัดมือไปมา
ผ่านไปสักพักเขาก็มองไปที่กำไลก่อนจะเกิดความคิดแปลก ๆ ขึ้นมาในหัว
เขาได้ปิดการทำงานของกำไลและรับรู้ถึงพลังที่แปลกประหลาดที่เข้าปกคลุมรอบตัวของเขาอีกครั้ง มันพยายามจะมุดเข้าไปในกำไลอสูร
หวังเย่าไม่ลังเลที่จะเรียกอสูรทั้งสี่ของตัวเองออกมา
เสี่ยวซวีอยู่ในร่างมนุษย์ เธอมองหวังเย่าด้วยสีหน้าไม่พอใจ เธอเหมือนอยากถามว่าทำไมต้องเก็บเธอไว้ในกำไลแต่ หวังเย่าเหมือนจะมองข้ามสายตาไม่พอใจของเธอ เขามองไปที่เสี่ยวซวีและอยากรู้ว่าท่ามกลางพลังหวนกลับนี้ มันจะส่งผลอะไรกับเธอบ้าง
เวลาผ่านไปช้า ๆ แม้แต่เสี่ยวซวีก็ยังรู้สึกอึดอัดภายใต้สภาพแวดล้อมนี้
“นายท่านมองข้าทำไม ! ” สุดท้ายเสี่ยวซวีก็ไม่อาจจะทนสายตาของหวังเย่าได้ไหวและฮึดฮัดออกมา
“เธอไม่เป็นอะไรเลยหรือ ? ” หวังเย่ามองไปที่เสี่ยวซวีแล้วถามขึ้นมา
“นายท่านพูดเรื่องอะไร ? ” เมื่อเห็นหวังเย่ามองมาที่เธอแปลกๆ เสี่ยวซวีก็ตะโกนออกมา
หวังเย่าไม่ได้สนใจเสี่ยวซวีแล้วมองไปยังการ์ฟิลด์, หงอคง และตือโป๊ยก่ายต่อ
การ์ฟิล อยู่ในร่างแมว เมื่อรับรู้สายตาของหวังเย่ามันก็ร้องออกมา เสียงร้องของมันบ่งบอกความหมายได้อย่างชัดเจน มันไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
หงอคง ไม่รู้ว่าเอาผลไม้มาจากไหน มันยังคงกินผลไม้อยู่ไม่หยุด
ตือโป๊ยก่าย ก็ยังอยู่ในเงาของหวังเย่าดังเดิม….