ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 469 จุดดำ
ตอนที่ 469 : จุดดำ
ธนูมิติได้พุ่งผ่านคุกมิติไปภายใต้การควบคุมของเสี่ยวซวี จากนั้นมันก็พุ่งทะลุร่างของหมีดำที่อยู่ด้านใน ในพริบตาหมีดำที่ดิ้นรนอยู่ด้านในก็หยุดชะงักไป พลังอันรุนแรงที่มันแผ่ออกมาก็หายไปทันที ร่างของมันล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมพลังชีวิตที่หายไปด้วย
ตาสีแดงของมันก็ค่อย ๆ กลับมาปกติ คลื่นพลังปิศาจเองก็สลายหายไปในอากาศด้วยเช่นกัน
“ ดูเหมือนว่าไม่ต้องถึงมือเรา…” เมื่อเห็นแบบนั้น เฉี่ยนเจินเฉียนและคนอื่น ๆ ที่เตรียมจะโจมตีก็ได้แต่มองหน้ากันและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ตอนนี้หมีดำตายไปแล้วก็จริงแต่ก็ยังมีอันตรายโดยรอบอยู่ พวกเขาได้ให้อสูรของตัวเองแยกย้ายกันออกไปเพื่อคอยรับมือ
จากนั้นพวกเขาก็เดินไปที่ร่างของหมีดำ
หวังเย่าและเสี่ยวซวีเองก็ได้เดินไปที่ร่างของหมีดำด้วย
หวังเย่าได้ใช้ระบบตรวจสอบและพบว่านี่คือสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ เพราะคลื่นพลังของปีศาจที่เข้าไปในตัวจึงทำให้มันกลายเป็นแบบนี้ ตอนนั้นสายตาของมันกลับเป็นปกติดังเดิมแล้วมันเผยให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของมัน แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ ถึงอย่างนั้นหวังเย่าก็รู้สึกว่าสายตาของมันบ่งบอกได้ถึงความโล่งอก
เมื่อเห็นสายตานั้น เฉี่ยนเจินเฉียนและคนอื่น ๆ ต่างก็พากันเงียบไปเช่นกัน
ต้นกำเนิดของหายนะนี้อาจจะไม่ใช่สัตว์อสูรในมิติแต่มันเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังนั้นต่างหาก…
ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้คิดจะเก็บร่างของหมีดำไปด้วย พวกเขาจะปล่อยให้ร่างของมันสลายไปตามธรรมชาติ
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็ออกจากที่นั่นก่อนจะหาที่ที่ปลอดภัยเพื่อพักฟื้น
ยังไงซะการต่อสู้ตะกี้ก็ใช้เวลาไม่น้อย พวกเขาใช้พลังไปจำนวนมาก ในหมู่พวกเขา หวังเย่าใช้พลังไปมากที่สุด และก็เพิ่งจะใช้หนึ่งในท่าไม้ตายออกไป ซึ่งกระบวนท่านี้มันกินพลังของเขาไปจำนวนมาก
โชคดีที่พวกเขาเตรียมตัวกันมาอย่างดี พวกเขาได้เอายาฟื้นฟูระดับสูงออกมาดื่มเพื่อที่จะฟื้นฟูพลังกันได้เร็วกว่าเดิม
“หวังเย่า ความแข็งแกร่งของนายเหมือนจะสูงกว่าฉันแล้ว” ตอนที่ทุกคนนั่งอยู่รอบกองไฟนั้น ฮวงเทียนเจวี๋ยนก็มองไปที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้นมา
เมื่อคิดถึงการโจมตีที่น่าทึ่งของหวังเย่าแล้ว เขาน่ะชื่นชมจากใจจริง
“นายแกร่งได้ถึงระดับไหนกันแน่ ?” จางจื้อเฉียงมองไปที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้นมา
“ผมไม่รู้ว่าแข็งแกร่งขึ้นไปถึงระดับไหน แต่ผมคิดว่าคงอยู่ระดับ SSS ขั้นกลาง” หวังเย่าถ่อมตัว
“ฉันคิดว่านายคงอยู่ขั้นสูงสุดของระดับ SSS แล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเย่า ซือคงเป่าก็แทบกระอักน้ำ
คนที่อยู่ระดับ SSS ทั่วไปจะฆ่าสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงในเวลาไม่กี่วินาทีได้ยังไง ?
ถ้าหวังเย่าอยู่ระดับ SSS ขั้นกลาง แล้วพวกเขาล่ะ ? ระดับ SSS ขั้นต้นรึไง ?
“ยิ่งนายแข็งแกร่งเท่าไหร่ เราก็ยิ่งปลอดภัยขึ้นเท่านั้น” หลี่ว่านเฟิงพูดขึ้นมา
“ใช่ การได้พบกับหมีดำนี่อาจจะบอกว่าการเดินทางครั้งนี้น่ะอันตรายกว่าที่เห็น ยิ่งเราแข็งแกร่งขั้นเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรับมือกับอันตรายได้มากขึ้นเท่านั้น” เฉี่ยนเจินเฉียนพูดขึ้นมา
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันพยักหน้าเห็นด้วยและพากันแสดงสีหน้าเคร่งขรึมออกมา
พวกเขารู้ว่าการเดินทางนี้ยังไม่จบ มันอาจจะมีอันตรายอื่น ๆ รอพวกเขาอยู่
มันเร็วเกินไปที่จะผ่อนคลาย
ผ่านไป 1 ชั่วโมงทุกคนก็ฟื้นฟูตัวเองเสร็จ
พวกเขามองไปที่เส้นตัดมิติบนท้องฟ้าก่อนที่จะเลือกเดินหน้าต่อ
ระหว่างทางพวกเขาได้ฆ่าสัตว์อสูรที่เข้าโจมตีพวกเขา พวกเขาเดินทางกันมาได้ 2-3 วันก่อนที่จะพบว่าอยู่ ๆ อุณหภูมิในอากาศกลับลดลงไป ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเดินออกจากป่าในพื้นที่เดิมแล้ว
โชคดีที่ร่างกายของทั้งเจ็ดคนไม่ได้รับผลกระทบจากความหนาวเย็นนี้ พวกเขายังคงเดินหน้ากันต่อได้ สุดท้ายต้นไม้รอบ ๆ ก็เริ่มมีน้อยลง ตรงหน้าพวกเขาได้เผยให้เห็นแผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่
แผ่นน้ำแข็งนี้ดูกว้างใหญ่ ไกลออกไปนั้นมีแต่ภูเขาหิมะ ที่นี่มันราวกับโลกน้ำแข็ง
อุณหภูมิลดลงไปต่ำกว่า 0 องศาบางทีอาจจะ -10 รึ -20 องศาก็ได้
แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้รับผลกระทบจากความหนาวเย็น แต่ทุกคนก็ยังคงเอาชุดเกาะออกมาสวมเอาไว้ แม้แต่หวังเย่าเองก็เช่นกัน
เขาได้เอาชุดเกราะของตัวเองออกมาใส่
ยังไงซะ หวังเย่าก็คิดรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้ตลอด เขาไม่เคยคิดที่จะมองข้ามการออกแบบของเกราะของเขาเลย
เกราะของคนอื่น ๆ แม้ว่าจะไม่ได้ดูดีเท่ากับเกราะของหวังเย่าแต่ก็ล้วนแต่เป็นของระดับสูง
เกราะพวกนี้ไม่ใช่แค่ดูดีแต่ก็ยังมีความสามารถอื่น ๆ แฝงอยู่
ยกตัวอย่างเช่นเกราะที่หวังเย่าใส่ตอนนี้ มันสามารถป้องกันการโจมตีเต็มกำลังของสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ 2-3 ครั้ง มันเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเกราะนี้โดดเด่นแค่ไหน
เกณฑ์ในการใช้เกราะแบบนี้คือต้องมีความแข็งแกร่งระดับ SS ขึ้นไป ไม่งั้นแล้วจะไม่อาจดึงความสามารถของมันออกมาได้
เงื่อนไขที่ยากที่สุดคือความแข็งแกร่งของตัวเอง
หลังจากที่ทั้งเจ็ดสวมใส่ชุดเกราะแล้ว พวกเขาก็มองไปยังแผ่นดินน้ำแข็งตรงหน้า พร้อมกับเส้นตัดมิติบนท้องฟ้าที่ยิ่งดูโดดเด่นกว่าเดิมในโลกน้ำแข็งนี้
บางทีหลังจากที่เดินผ่านแผ่นน้ำแข็งนี้ไป พวกเขาอาจจะเห็นต้นกำเนิดเส้นตัดมิติได้
เมื่อคิดแบบนั้นทุกคนก็เรียกอสูรของตัวเองกลับเข้าไปในกำไล พวกเขาจะเรียกมันออกมาก็ต่อเมื่อต้องทำการต่อสู้เท่านั้น ตอนนี้พวกเขาจะให้พวกมันกลับไปพักในกำไลก่อน
จากนั้นทั้งเจ็ดคนก็พากันเดินหน้ากันต่อ
แผ่นน้ำแข็งนี้เหมือนกับทุ่งหญ้าที่ราบเรียบ มันไม่มีหมอกปกคลุมที่นี่ ดังนั้นจึงทำให้ระยะการมองเห็นของพวกเขายังไกลอยู่
ด้วยระยะการมองเห็นที่ไกลแบบนี้ก็ทำให้พวกเขาตรวจจับทุกอย่างได้ไกลกว่าเดิม
ไม่นานหลังจากที่เดินเข้ามาในแผ่นน้ำแข็ง อยู่ ๆ ก็มีจุดสีดำปรากฏอยู่ไกลออกไป
จุดสีดำนั้นค่อย ๆ ตรงมาที่พวกเขาอย่างรวดเร็ว