ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 437 พบเจอ
เสี่ยวซวียังคงแผ่พลังระดับศักดิ์สิทธิ์ออกมาอยู่ มันจึงทําให้หมานซี ที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ถึงกับต้องแสดงท่าที่ตะลึงออกมากับสิ่งที่เห็น
“เธอเป็นอสูรของฉันไม่ต้องตกใจไป” หวังเย่าบอกกับหมานซี
แต่เมื่อเสี่ยวซวีได้ปกปิดคลื่นพลังของตัวเองไป มันจึงทําให้หมานซี รวบรวมสติขึ้นมาได้บ้าง
จากนั้นทั้งสามคนก็กระโดดลงไปในบ่อน�า
บ่อน�านั้นมันไม่ได้ทําให้ตัวของพวกเขาเปียกเลย พวกเขากระโดด ผ่านชั้นมิติก่อนที่ทั้งสามคนจะเข้าไปในมิติลับ
จากนั้นภายใต้การนําทางของหมานซี ทั้งสามก็ปรากฏตัวขึ้นที่เนิน เขา
เมื่อเดินทางไปหลังเนินเขาก็พบกับโพรงแห่งหนึ่ง
เมื่อเข้ามาในโพรงนี้ก็พบกับแสงจากกองไฟ จากนั้นไม่นาน หวังเย่าก็พบกับผู้คนที่นั่งอยู่รอบๆ โดยมีหลี่ว่านเฟิงนั่งอยู่ข้างๆ กองไฟ นั้นด้วย
“ลุงหลี่” หวังเย่าพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าหลี่ว่านเฟิงหน้าซีดไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมายนัก หวังเหยาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา
หลี่ว่านเฟิงหันไปมองหวังเย่าด้วยสีหน้าแปลกใจ
เขาไม่คิดเลยว่าหวังเย่าจะมาที่นี่ได้ แล้วหวังเย่ามาที่นี่ได้ยังไง ที่ นี่น่ะอันตรายอย่างมาก
“ทําไมนายถึงมาที่นี่ได้ ? ” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าแล้วถาม ขึ้นมา
เขารู้ว่าหวังเย่าคงเป็นห่วงเขาเมื่อได้ยินข่าวว่าเขามาที่นี่ แต่ด้วย ความแข็งแกร่งของหวังเย่าแล้ว การมายังภูเขาอนันต์แห่งนี้ก็ไม่ต่าง อะไรจากการเดินมาหาความตายเลย โชคดีที่ตอนนี้หวังเย่าไม่เป็นอะไร ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกับพ่อแม่ของหวังเย่าที่ ตายไป
ไม่แปลกเลยที่หลี่ว่านเฟิงจะคิดแบบนั้น เขาไม่รู้ว่าความแข็งแกร่ง ของหวังเย่าตอนนี้อยู่ถึงระดับไหน เขายังคิดว่าหวังเย่ายังเป็นคนเดิม อยู่
มันไม่แปลกที่จะคิดแบบนั้น
“ลุงหลี่ไม่เป็นอะไร ผมก็สบายใจแล้ว” หวังเย่ามองไปที่หลี่ว่าน เฟิงแล้วหัวเราะออกมา “ฉันต่างหากที่โล่งอกที่เห็นนายไม่เป็นอะไร” หลี่ว่านเฟิงถอน หายใจออกมาและเตือนหวังเย่า “ในอนาคตนายอย่ามาที่ที่อันตราย แบบนี้อีก ไม่งั้นแล้วฉันคงตายตาไม่หลับ” เมื่อพูดจบ หลี่ว่านเฟิงก็มองไปที่เสี่ยวซวีที่อยู่ข้างๆ หวังเย่าก่อน จะแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา “นี่มัน…” “เธอเป็นอสูรของผม เธอชื่อเสี่ยวซวี” หวังเย่าพูดขึ้น “สวัสดีลุงหลี่” เสี่ยวซวีทําความเคารพหลี่ว่านเฟิง “อสูรงั้นหรือ ? มันใช่…” หลี่ว่านเฟิงนึกถึงบางอย่างแต่มันก็ทําให้ สายตาเขาแสดงความตกตะลึงออกมา “ นี่คือร่างมนุษย์ของเสี่ยวซวี ” หวังเย่าอธิบายและยิ้มให้กับหลี่ ว่านเฟิง ตอนนี้หลี่ว่านเฟิงได้สติกลับมาแล้ว เขาไม่ได้ตกใจอะไรนัก “ร่างมนุษย์…” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าก่อนจะมองไปที่เสี่ยวซ วีอีกครั้งด้วยสายตาแปลกใจ
อสูรที่เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้มีแค่สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ มัน ไม่ใช่สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ทุกตัวที่จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ มันยัง มีข้อจํากัดอยู่อีกหลายอย่าง
อสูรมิตินั้นหาได้ยากและพิเศษในหมู่สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์
ความแข็งแกร่งของอสูรมิติเหนือกว่าสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป อนาคตนั้นอาจจะพัฒนาได้ไม่สิ้นสุด
อสูรทุกตัวต่างก็มีร่างมนุษย์เป็นของตัวเอง
ตามที่หลี่ว่านเฟิงรู้มา แม้แต่อสูรของผู้ตรวจสอบ 5 ดาวของเมือง อรุณก็ไม่อาจจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ มันเพียงพอแสดงให้เห็นแล้ว ว่าการเปลี่ยนร่างนี้พิเศษแค่ไหน
เมื่อเห็นอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ในร่างมนุษย์ต่อหน้าต่อตาตัวเองและ ยังเป็นอสูรของหลานตัวเองนั้น มันก็ทําให้เขารู้สึกว่านี่ไม่ต่างอะไรจาก ความฝันเลย
ทุกคนรอบตัวต่างก็แสดงสีหน้าตะลึงออกมา หลี่ว่านเฟิงเองก็ เช่นกัน
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ? ” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าด้วย ความแปลกใจ
หลี่ว่านเฟิงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดของหวังเย่าให้พวกทหารฟังและ ทําให้ทุกคนต้องตะลึงไปอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันภาพพจน์ของหวังเย่าก็สูงส่งขึ้นไปอีก ในเวลาอัน สั้นแบบนี้เขากลับทําให้อสูรพัฒนาขึ้นมาถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงและ เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ ต้องบอกว่ามันคือปาฏิหาริย์ ตั้งแต่เกิดหายนะขึ้นมาก็ไม่เคยเกิด เรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกเลย มันก็พอเข้าใจได้แล้วว่าพวกเขาจะตกใจกันมากแค่ไหน ในหัวของพวกเขาตอนนี้ หวังเย่าเป็นผู้ดูแลขั้นสูง และสูงอย่าง มากจนสามารถเรียกว่าขั้นเทพเลยก็ว่าได้ ความสามารถในการฝึกฝน อสูรของเขานั้นถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในหัวเซี่ยเลยก็คงไม่มีใครเถียงได้ หลังจากนั้นสักพักทุกคนถึงได้เรียกสติตัวเองกลับมาได้ “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง ? นายได้เจอกับกลุ่มนรกทมิฬรึเปล่า ? ” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าแล้วถามขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “นี่…” หวังเย่าเงียบไปชั่วครู่ “รีบพูดมา เรื่องมันเป็นยังไง ? ” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าและ รู้สึกอึดอัดใจ
“มัน..” หวังเย่าไม่คิดจะปิดบัง เขาได้เล่าทุกอย่างตั้งแต่ที่มาถึงที่นี่ รวมไปถึงการทําลายรังของกลุ่มนรกทมิฬและการฆ่า เสี่ยหยู่ด้วย
หลังจากที่ได้ยินคําพูดของหวังเย่า แม้แต่หลี่ว่านเฟิงก็พูดอะไรไม่ ออก
“นายล้อเล่นรึเปล่า ? ” หลี่ว่านเฟิงมองไปที่หวังเย่าแล้วถามขึ้นมา
อย่าโทษที่เขาจะคิดแบบนั้น เพราะผลงานที่หวังเย่าทํานั้น มันเป็น เรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ
อีกฝ่ายคือกลุ่มนรกทมิฬ หลี่ว่านเฟิงรู้ดีว่ากลุ่มนรกทมิฬนั้นน่า กลัวแค่ไหน ตอนนี้หวังเย่ากลับบอกว่าได้ทําลายรังของกลุ่มนรกทมิฬ ไปหมดแล้วแม้แต่หัวหน้าของพวกมันก็ถูกฆ่าตายไป
แล้วอย่างงี้หลี่ว่านเฟิงจะเชื่อง่ายๆ ได้ยังไง ?
แต่เมื่อเห็นว่าหวังเย่ายังยืนนิ่งโดยมีเสี่ยวซวียืนอยู่ข้างกาย หลี่ว่าน เฟิงก็รู้สึกว่ามันอาจจะเป็นไปได้จริงๆ
“มันคือความจริง หากตอนที่ลุงกลับไปที่เมืองก็น่าจะได้ยินข่าวนี้” หวังเย่าพูดขึ้น
ความจริงที่เขาบอกไปมันน่าเหลือเชื่อเกินไป
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ” หลี่ว่านเฟิงพูดขึ้น
ไม่ว่าหวังเย่าจะพูดอะไรออกมา แม้ว่าหวังเย่าจะไม่มาที่นี่ในวันนี้ แต่หลี่ว่านเฟิงก็วางแผนที่จะพาคนของเขาเดินทางออกไปจากมิติลับ แห่งนี้อยู่แล้ว
การมาถึงของหวังเย่าก็แค่ทําให้การตัดสินใจของเขาเร็วขึ้น กว่าเดิมเท่านั้น
หลี่ว่านเฟิงได้เรียกสติทหารทุกคนและบอกให้ทุกคนเก็บข้าวของ ของตัวเอง
10 นาทีต่อมาทุกคนก็ได้ไปรวมตัวกันที่ทางออก
บ่อน�าสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะมีกลุ่มคนเดินทางออกมากันทีละ คนๆ
แต่เมื่อเดินทางออกมาจากทางออกนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา
“โอ้ อยู่ที่นี่นี่เอง ตามหามาตั้งนาน สุดท้ายก็เจอสักที…”