ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 434 ฆ่า
ตูม !
ร่างขนาดใหญ่ของอสูรทมิฬกระเด็นออกไปพร้อมกับทําลายบ้านที่ อยู่ด้านหลังไปจํานวนมาก
ฝุ่นตลบพร้อมกับพื้นดินที่สั่นไหว
เสี่ยวซวีในร่างมนุษย์มองไปที่อสูรทมิฬพร้อมกับพลังมิติอันน่า กลัวที่แผ่ออกจากมือของเธอ
แม้ว่าอสูรทมิฬนี้จะอยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดแต่ก็ในการปะทะ กันรอบแรกนี้ก็ไม่อาจจะรับมือไหว
ยังไงซะความแข็งแกร่งของเสี่ยวซวีก็ไม่ธรรมดา
แม้ว่าอสูรทมิฬจะแกร่งกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์ แต่พลังของมันก็ถูก จํากัดเอาไว้โดยโลกนี้ให้อยู่แค่ระดับศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่ อาจจะเป็นคู่มือของเสี่ยวซวีได้ แม้ว่าเสี่ยวซวีจะไม่ได้ใช้ร่างเดิมแต่ใน ร่างมนุษย์ก็เพียงพอที่จะจัดการกับอสูรทมิฬได้
“กรร !”
ในซากบ้านที่ถล่มลงไปนั้นได้มีเสียงคํารามด้วยความโกรธดัง ขึ้นมา
มันเสียหน้าอย่างมาก อสูรทมิฬที่หยิ่งทะนงตอนนี้กลับโกรธอย่าง ไม่อาจจะควบคุม
หากไม่ใช่เพราะพลังถูกจํากัดเอาไว้ งั้นมันก็สามารถใช้พลังออกมา มากกว่านี้ได้
เมื่อไม่อาจจะใช้พลังทั้งหมดที่มีได้ มันจึงไม่ได้น่ากลัวดังเดิม ด้วย พลังและกฎของโลกนี้ แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งแต่มันก็ไม่อาจจะมองข้าม ข้อจํากัดนี้ได้
“กรร !”
มันพุ่งออกมาจากซากบ้านพร้อมกับไอดําที่ดูเบาบางกว่าเก่า ชัด แล้วว่ามันก็ได้รับผลกระทบจากการโจมตีเมื่อสักครู่นี้
สายตาของมันจับจ้องไปที่เสี่ยวซวี ก่อนจะอ้าปากกว้างและมีแรง สูบอันน่ากลัวก่อตัวขึ้นมา มันราวกับหลุมดําที่จะกลืนกินทุกอย่างรอบ ข้าง
ซากบ้านที่ถล่มลงไปนั้นถูกสูบเข้าไปในร่างของอสูรทมิฬ แต่ร่าง ของมันดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย
ขนาดของมันยังเท่าเดิม มันราวกับมีหลุมดําอยู่ในร่างของมันอยู่ จริงๆ แต่ต่อหน้าแรงสูบอันน่ากลัวนี้ เสี่ยวซวีกลับยืนนิ่งราวกับไม่ได้รับ ผลกระทบใดๆ
เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิมราวกับว่าเธอได้เข้าไปยังอีกมิติที่แรงสูบไม่ อาจจะทําอะไรที่นั่นได้
เสี่ยวซวีพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับใบมีดมิติที่พุ่งออกไป
ใบมีดมิติที่ราวกับจะตัดทุกอย่างได้นั้น พุ่งเข้าตัดอสูรทมิฬให้ขาด ออกเป็นสองส่วน
แรงสูบหายไปทันที แต่อสูรทมิฬที่ถูกตัดขาดออกเป็นสองส่วนนั้น ยังไม่ตาย ถึงมันจะฟื้ นฟูร่างกายตัวเองขึ้นมาได้สําเร็จ แต่เมื่อได้รับการ โจมตีที่รุนแรงแบบนี้ก็ทําให้ร่างของมันตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากร่างเงา ลางๆ เลย
ชัดแล้วว่าภายใต้การโจมตีนี้ถึงอสูรทมิฬจะไม่ตายแต่ก็บาดเจ็บ หนัก
ราคาที่ต้องเสียถือว่าสูง
ตราบใดที่ยังรับการโจมตีพวกนี้ต่อ อสูรทมิฬต้องตายและหายไป จากโลกนี้อย่างแน่นอน
มันก็รู้ตัวดี ดังนั้นมันจึงมองไปที่เสี่ยวซวีด้วยความกังวล ในอีกด้านเสี่ยหยู่เห็นแบบนั้นก็ต้องขมวดคิ้ว ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวซวีจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้ แม้ว่าจะเดามาก่อนแล้วแต่ก็ไม่คิดเลยว่าอสูรทมิฬที่อยู่ระดับ ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดจะอยู่ในสภาพน่าอนาถแบบนี้ได้ เขาดูถูกเสี่ยวซวีเกินไป เขาคิดว่าเสี่ยวซวีน่ะอยู่แค่ระดับศักดิ์สิทธิ์ ขั้นต้นเท่านั้น แต่ตอนนี้เสี่ยวซวีกลับแกร่งได้ถึงขนาดนี้ “แกยังมีหน้าไปสนใจที่อื่นอีกหรือ ? ” ตอนนั้นเองกลับมีเสียงอันเย็นชาดังขึ้นมาในหูเสี่ยหยู่ เมื่อหัน กลับมามองหวังเย่าที่อยู่ตรงกันข้ามนั้นสีหน้าของเขาก็ต้องเปลี่ยนไป เขาพบว่ามิติรอบตัวเขานั้นโปร่งใส่แต่กลับมีคลื่นราวกับน�า “พลังมิติงั้นหรือ ? ” เมื่อเห็นแบบนั้นสีหน้าของเสี่ยหยู่ก็หม่นลง พลังมิติแค่น้อยนิดก็สามารถจัดการมันได้แล้ว ที่สําคัญคือพลังมิติ นั้นสามารถฆ่ามันและกําจัดร่างนี้ได้ เป็นธรรมดาที่มันจะต้องกังวล ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้า จะสามารถใช้พลังมิติได้
สิ่งนี่ทําให้เสี่ยหยู่เคร่งเครียดขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นหัวหวังเย่าเลยด้วยซ�า แต่ตอนนี้มันกลับทําให้ เขาต้องตื่นตระหนกอย่างมาก
เขาไม่รู้เลยว่าหวังเย่าได้พลังนี้มาจากไหนกัน แต่เมื่อเห็นมิติ รอบตัวที่ไหลไปมาราวกับน�า มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพลังมิตินี้ไม่ ธรรมดา
พลังระดับกึ่งเทพได้ปะทุออกมาจากตัวเสี่ยหยู่พร้อมความมั่นใจที่ กลับมา
ตราบใดที่มีพลังมากพอจะบดขยี้คนตรงหน้าได้ งั้นมันก็ไม่ จําเป็นต้องกังวลอะไร
คนแบบนี้ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาก่อน นี่คือภัยที่ใหญ่ที่สุดที่จะ ขวางทางยึดโลกของมัน
หมอกดําปะทุออกมาจากตัวเสี่ยหยู่พร้อมกับไหลวนอย่างบ้าคลั่ง ชั้นมิติที่เหมือนกับน�าโดนย้อมเป็นสีดําทันที
หวังเย่าสีหน้าหม่นลง เขาไม่คิดเลยว่าเสี่ยหยู่จะทําแบบนี้ได้
เสี่ยหยู่คิดจะใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อฆ่าหวังเย่าทิ้งให้เร็วที่สุด แต่ หวังเย่าเองก็คิดแบบเดียวกัน หลังจากที่ใช้เพลิงมังกรไม่ได้ผล เขาจึงได้
ความคิดนี้ขึ้นมา เขาจะฆ่าอีกฝ่ายให้ได้โดยเร็วที่สุดเพื่อที่จะกําจัด ตัวตนในร่างเสี่ยหยู่ให้หายไปจากจักรวาลนี้ ตอนนั้นมิติได้สั่นไหวอย่างรุนแรง พลังมิติและความมืดมิดได้เข้าปะทะกันอย่างต่อเนื่อง สักพักก็มีลําแสงปรากฏขึ้นในมือของหวังเย่า เมื่อลําแสงระเบิดออกมาก็ได้กําจัดความมืดมิดทั้งหมดทิ้งไป ตอน นั้นเสี่ยหยู่ได้แสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมาก่อนที่ลําแสงในมือหวังเย่าจะ กลืนกินไปทั่วโลกใต้ดิน แสงที่ราวกับดวงอาทิตย์ได้ส่องประกายออกมาสาดไปที่ร่างของ เสี่ยหยู่ จนทําให้หมอกดําเริ่มลอยออกมาจากร่างก่อนจะสลายไป ภายใต้แสงสว่างนี้ ที่ด้านหลังเสี่ยหยู่ กลับมีร่างเงาปรากขึ้น ร่างเงานั้นได้คําราม ออกมา ก่อนที่ร่างเงานั้นจะเล็กลงไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเหลือแต่หัว สายตา ของมันจับจ้องไปที่หวังเย่าด้วยความโกรธแค้น และในที่สุดหัวนั้นก็หายไปอย่างสมบูรณ์ มันได้หายไปจากโลกนี้ อย่างสมบูรณ์แล้ว…