ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 412 กรงเล็บหมอกดำ
ตอนที่ 412 : กรงเล็บหมอกดำ
ทุกคนพากันมองไปที่หวังเย่าและอยากรู้ว่าความแข็งแกร่งของหวังเย่านั้นอยู่ระดับไหน
“ความแข็งแกร่งของฉันตอนนี้….”
“ฉันสามารถจัดการสัตว์อสูรระดับสวรรค์ได้ด้วยหมัดเดียว ” หวังเย่าพูดขึ้นมา
ก่อนที่จะออกมาจากภูเขาอนันต์ เขาได้ลงมือกับสัตว์อสูรระดับสวรรค์ที่โจมตีเขาให้ตายราบคาบ
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังเย่า ทุกคนต่างก็เบิกตากว้างและอ้าปากค้างด้วยความตะลึง
“หัวหน้าล้อเล่นรึเปล่า ? ”
คนส่วนมากไม่เชื่อ ยังไงซะสัตว์อสูรระดับสวรรค์ก็สามารถบดขยี้พวกเขาได้
ถ้าหมัดของหวังเย่ารุนแรงขนาดนั้น แล้วความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาจะสูงขนาดไหนกัน ?
แค่คิดก็ทำให้ทุกคนตัวสั่นได้แล้ว
คนส่วนมากจึงคิดว่าหวังเย่าอาจจะแค่พูดโอ้อวดเท่านั้น
“พวกนายคิดว่าฉันพูดเล่นสินะ ? ” หวังเย่ามองไปรอบ ๆ และพูดขึ้นมา
“ใช่ ” บางคนตะโกนขึ้นมา
“หัวหน้า…นายทำแบบนั้นได้จริง ๆ หรือ ? ” ลัวจ้าวฮว่าถามขึ้นมา
“แน่นอน นายอยากจะลองรึเปล่าล่ะ ? ” หวังเย่ายกมือขึ้นมา
เมื่อเห็นแบบนั้นโจวอวิ๋นก็รีบพูดขึ้น “ ไม่…ไม่อาเย่า ฉันเชื่อแล้ว พวกเราเชื่อนายแล้ว ”
“หัวหน้า นี่หัวหน้าไปเติมมาหรือ ฉันนึกว่าไปตรวจสอบเมืองตัดขวางมาเสียอีก ? ” หลงปู้หยู๋แสดงสีหน้าตะลึงออกมา
เขาคิดว่าการฝึกฝนอย่างหนักตลอดหลายวันมานี้จะทำให้เขาทัดเทียมกับหวังเย่าได้
แต่คาดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นเขาเองที่ต้องตะลึง หากเปรียบเทียบว่านี่คือการเล่นเกม คนอย่างหวังเย่าต้องเป็นคนที่ทุ่มสุดตัวเหมือนกับการเติมเกมอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นในเวลาสั้น ๆ เขาจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นมาขนาดนี้ได้ไง?
“เติม ใช่แบบนั้นที่ไหนกัน ? ” หวังเย่าส่ายหน้าแล้วยิ้มแห้งออกมา “ในความเห็นของฉันแล้ว ความแข็งแกร่งของฉันยังไม่เพียงพอ มันยังไม่เพียงพอสำหรับอนาคต”
“พวกนายพยายามฝึกฝนกันต่อไป ตอนนี้เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว…” หวังเย่าตบไหล่หลงปู้หยู๋ ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
คนอื่น ๆ ได้แต่ยืนนิ่งโดยมีเสียงของหวังเย่าดังก้องอยู่ในหัว ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขากลับรู้สึกหนักใจขึ้นมา
“เราต้องพยายามให้หนักกว่าเดิม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่ตอนนี้เราได้แต่ต้องพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง เราไม่อาจจะทำให้หัวหน้าผิดหวังได้ ! ” เมื่อหลงปู้หยู๋ได้สติกลับมา เขาก็ได้บอกกับทุกคน
“ได้ ! ”
ลัวจ้าวฮว่าและคนอื่น ๆ พากันตะโกนกันออกมาด้วยสีหน้าแน่วแน่
….
เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคน หวังเย่าที่อยู่ในห้องก็ยิ้มออกมา จากนั้นหลงปู้หยู๋ก็ได้เดินมาเคาะประตูห้องเขา
ทั้งสองคนคุยกันสักพักถึงแผนการที่จะพัฒนากลุ่มทหารรับจ้างและธุระอื่น ๆ
หวังเย่าเดินทางออกมาจากกลุ่มทหารรับจ้างและมุ่งหน้าไปที่บริษัทต่อ ที่นั่นเขาได้พูดคุยกับจ้าวเมิ่งซีและเข้าใจสถานการณ์โดยรวม
จากนั้นเขาก็เดินทางไปที่มิติป่าที่ใกล้กับเมืองหัวเซี่ย ด้วยข้อมูลที่ได้มาก่อนหน้านี้ที่เฉี่ยนเจินเฉียนได้ส่งข้อความกลับมาว่าถ้าเขากลับมาที่เมืองหัวเซี่ย ก็ให้หวังเย่าไปที่มิติป่า
แม้จะไม่รู้ว่าเฉี่ยนเจินเฉียนอยากให้เขาไปทำอะไรที่นั่น แต่เขาก็รู้สึกว่ามันจำเป็นที่ต้องไปหาอีกฝ่ายเพื่อฟังข้อมูลที่เฉี่ยนเจินเฉียนไม่ได้เปิดเผยให้กับคนภายนอกรู้
หวังเย่าเดินทางมาถึงทางเข้ามิติป่าก่อนจะมองขึ้นไปข้างบน จากนั้นเขาก็กระโดดเข้าไป
ตอนที่หวังเย่ามาถึงที่นั่น ทุกคนต่างก็พากันมองมาที่เขา
พวกเขารู้จักหวังเย่าเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรและปล่อยให้หวังเย่าเดินผ่านพวกเขาไป
ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ฮวงเทียนเจวี๋ยนได้นั่งอยู่หน้าประตูห้องและกำลังสูบบุหรี่อยู่ เมื่อเห็นหวังเย่า ฮวงเทียนเจวี๋ยนก็รีบดับบุหรี่และลุกขึ้นยืนก่อนจะถามออกมาว่า “นายมาแล้วหรือ”
“มีเรื่องอะไรกัน ? ” เมื่อเห็นแบบนั้นหวังเย่าก็สับสนขึ้นมา
“ลองเข้าไปดูสิ” ฮวงเทียนเจวี๋ยนพูดขึ้นแล้วเปิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน
หวังเย่าเดินตามเข้าไปทันที
หลังจากที่เข้าไปในบ้านก็พบกับทางเดินที่ทอดลงไปด้านล่าง ตอนนี้ฮวงเทียนเจวี๋ยนกำลังเดินลงไปที่ชั้นใต้ดินอยู่
หวังเย่าเดินตามไปติด ๆ
เมื่อเดินลงมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่ดูจะดีใจดังออกมาจากทางด้านล่าง
ที่นี่คือห้องทดสอบ
ในห้องทดสอบไม่ได้มีแค่เฉี่ยนเจินเฉียนแค่คนเดียว แต่ยังมีผู้ตรวจสอบ 4 ดาวที่เหลืออยู่ด้วย รวมทั้งมีซือคงเป่าอยู่ที่นี่ด้วย ทุกคนพากันยืนอยู่ตรงหน้าโล่ขนาดใหญ่
เมื่อหวังเย่ามาถึง ทุกคนก็หันกลับมามองที่เขา
“นายมาแล้วสินะ ฉันคงไม่เรียกนายมาที่นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องนี้นายต้องรู้เอาไว้” เฉี่ยนเจินเฉียนมองไปที่หวังเย่าและพูดขึ้นมา
“มีเรื่องอะไรกันลุงเฉี่ยน ? ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“นายลองมาดูสิ” ซือคงเป่าชี้ไปที่ของตรงหน้า
หวังเย่าก้าวออกไปข้างหน้าก่อนจะหรี่ตาลง
ที่โล่นี้มีรอยกรงเล็บสีดำซึ่งมีหมอกลอยออกมาจากรอยข่วนนี้
แม้ว่าจะเป็นเหมือนรอยข่วนธรรมดาแต่ดูจากหมอกดำที่ลอยออกมาแล้ว หวังเย่าก็เข้าใจได้ทันทีว่าหมอกนี่คืออะไร
รูปทรงของรอยกรงเล็บนี้ก็ดูคุ้นตาเป็นอย่างมาก
หลังจากที่คิดดูสักพักแล้วเขาก็จำได้ว่ากรงเล็บนี่คล้ายกับกรงเล็บของเสี่ยวซวี
ต้องบอกว่ามีโอกาสสูงที่รอยกรงเล็บที่มีหมอกดำลอยออกมานี้จะเป็นของอสูรมิติ
“ดูเหมือนว่านายจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดีนะ” เมื่อเห็นสีหน้าหวังเย่าเปลี่ยนไป เฉี่ยนเจินเฉียนก็ได้พูดขึ้น “นี่น่ะเป็นกรงเล็บของอสูรมิติ”
“แต่มันไม่ใช่อสูรมิติทั่วไปแต่เป็นอสูรมิติที่พัฒนาแล้ว”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นหวังเย่าก็หรี่ตาลงอีกครั้งด้วยความสงสัย
“สำหรับหมอกดำที่ลอยออกมานี้…” เฉี่ยนเจินเฉียนไม่ได้พูดต่อ เขาเหมือนจะคิดถึงบางอย่าง
“ต้นกำเนิดของหมอกนี้ผมอาจจะรู้ก็ได้..” หวังเย่าพูดขึ้น
“นายรู้งั้นหรือ ? ! ” ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ทุกคนก็พากันแสดงท่าทีแปลกใจออกมา