ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 403 : การพัฒนาครั้งใหญ่
ตอนที่ 403 : การพัฒนาครั้งใหญ่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งผ่านไป 10 วัน ระหว่างนั้นหวังเย่าได้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายที่สมบูรณ์แบบขึ้นมารวมถึงสำรวจโลกนี้ทุกซอกทุกมุมด้วย
เขาเดาว่าโลกนี้คงมีขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของโลกที่เขาอยู่ แต่สิ่งที่พิเศษคือที่นี่ดีกว่ามิตินอกขั้น 6-7 อย่างมาก
หวังเย่าพบว่ามันไม่ได้มีสัตว์อสูรระดับสูงในโลกนี้ ขั้นสูงสุดคือราชาซึ่งในสายตาของหวังเย่าแล้วมันไม่ได้มีค่าเลย
แต่สัตว์อสูรที่นี่ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุข ถึงจะเผ่าพันธุ์แตกต่างกันแต่ก็อยู่รวมกันอย่างเป็นมิตร
ไม่มีคลื่นพลังของปีศาจในโลกนี้ มีแต่พลังงานที่บริสุทธิ์ นี่แหละคือความสงบสุขที่แท้จริง
หลังจากที่ทำการตรวจสอบโลกนี้และพบว่าที่นี่ไม่มีอันตรายจริง ๆ หวังเย่าก็คิดที่จะตั้งแคมป์ขึ้นมาที่นี่
เพราะความพิเศษของโลกนี้จึงทำให้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งคนมาถึงที่นี่ได้โดยตรง มันจะเชื่อมต่อกับเมืองต่าง ๆ ในโลกภายนอก
แน่นอนว่าเขาจะทำการสร้างค่ายกลไว้ในเมืองเพื่อเชื่อมต่อโลกทั้งสองเข้าหากัน
แม้ว่าทางเข้าออกของโลกนี้จะอยู่ในภูเขาอนันต์ แต่เมื่อสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เชื่อมต่อกันได้สำเร็จแล้ว เรื่องภูเขาอนันต์ก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
ยิ่งกว่านั้นโลกนี้ก็ยังปลอดภัยอย่างมาก ต้นไม้ที่อยู่ด้านนอกทางเข้าก็เป็นตัวปกปิดมันไว้อย่างดี
เมื่อไม่อาจจะเข้ามาที่นี่ผ่านทางเข้านั้นได้ แล้วจะทำอะไรได้ …
แต่นั่นก็ทำให้หวังเย่านึกถึงนกที่เขาเห็นในตอนแรก
ตลอด 10 วันมานี้ หวังเย่าสำรวจแทบจะหามันทุกที่แล้วแต่ก็ยังไม่พบกับนกนั่น
หวังเย่าคิดว่ามันน่าจะถูกส่งไปที่โลกอื่นแทน
เพราะที่นี้มันไม่มีวี่แววของนกนั่นเลย
ในตอนที่หวังเย่ากำลังสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ ขึ้นมา ตอนนั้นเองมิติตรงหน้าเขาก็เกิดการบิดเบี้ยวก่อนที่จะมีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา
ร่างนี้สูงกว่า 10 เมตรมีปีกและมีหัวเป็นมังกร
นี่คืออสูรมิติ รูปลักษณ์ของมันเปลี่ยนไปจากเมื่อสิบวันก่อนอย่างมาก
ตอนแรกมันยังดูน่ารัก แต่ตอนนี้มันกลับดูสง่าผ่าเผยเป็นอย่างมาก
ตลอด 10 วันมานี้ หวังเย่าเพ่งสมาธิไปกับการพัฒนาเสี่ยวซวี เขาได้ให้มันกินน้ำยาวิวัฒนาการจำนวนมากในทุกวันเพื่อที่จะเพิ่มเลเวลให้กับมัน นี่รวมถึงการกินทรัพยากรมากมายในโลกนี้และผลไม้ต่าง ๆ ด้วย
มันทำให้ร่างของเสี่ยวซวีเติบโตขึ้นพร้อมกับเลเวลที่เพิ่มขึ้นแทบไม่หยุด
ตลอด 10 วันมานี้เลเวลของเสี่ยวซวีเพิ่มขึ้นมาหลายเลเวลด้วยการที่หวังเย่าใช้ระบบคอยช่วย ตอนนี้มันอยู่ขั้นจักรพรรดิแล้ว
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือแม้แต่หวังเย่าก็ยังตกตะลึงกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย ยังไงซะเผ่าพันธุ์ของเสี่ยวซวีก็พัฒนาตัวเองได้ยาก
อสูรมิตินั้นมีจำนวนน้อยนิด เมื่อเกิดมาแล้วมันจะขึ้นไปอยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์รึสูงกว่านั้นเลย การที่มันสามารถพัฒนาได้เร็วแบบนี้ถือว่าน่าตกใจจริง ๆ
ตลอดทั้ง 10 วันมานี้ หวังเย่าได้ทุ่มเทเพื่อพัฒนาเสี่ยวซวีขึ้นมา แม้แต่ในหมู่เผ่าพันธุ์อสูรมิติก็ไม่มีใครพัฒนาตัวเองได้เร็วแบบนี้ได้…
เมื่อมองไปยังเสี่ยวซวีที่อยู่ตรงหน้า หวังเย่าก็ต้องแปลกใจ เขาพบว่าตอนนี้เสี่ยวซวีสามารถควบคุมมิติได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
มันไม่มีผลข้างเคียงรึเวลาจำกัด มันสามารถใช้การหลอมรวมและการควบคุมมิติได้ง่าย ๆ ไม่ต่างอะไรจากการดื่มน้ำ
ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมานี้ หวังเย่าก็เดินทางในมิติได้ไกลกว่าเดิม ด้วยพลังของมันตอนนี้มันสามารถเดินทางได้ในระยะหลายพันไมล์ได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ แต่สำหรับไกลกว่านั้น หวังเย่ายังไม่ได้ทดสอบ
ยังไงซะอสูรมิติก็คือตัวตนระดับสูงอยู่แล้ว
ในตอนนี้เสี่ยวซวีก็แทบไม่ต่างจากค่ายกลเคลื่อนย้ายสำหรับเขา เขาสามารถเดินทางมาที่นี่ได้ทุกเวลาที่ต้องการ
หวังเย่าลูบหัวมันพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา
ด้วยการที่มันขึ้นมาอยู่ขั้นจักรพรรดิ ก็ทำให้สถานะของมันพัฒนาขึ้นมาจากเดิมอย่างมาก
ส่วนที่ชัดเจนที่สุดคือนอกจากสกิลสามอันตอนแรกแล้วก็ยังมีสกิลที่เกี่ยวข้องกับมิติอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมาด้วย
หวังเย่าคิดจะหาเวลาทดสอบสกิลใหม่ของมัน
เสี่ยวซวีที่โดนลูบหัวนั้นทำตัวเชื่อฟังอย่างมาก ความยิ่งใหญ่ที่มันแสดงออกมาตอนแรกหายไปอย่างสิ้นเชิง ยังไงซะมันก็เป็นอสูรของหวังเย่า มันจะแสดงด้านนี้ออกมาก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าหวังเย่าเท่านั้น …
ไกลออกไปมีเสียงดังขึ้นพร้อมกับการ์ฟิลด์ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเสือและหงอคงที่วิ่งออกมาจากป่าและมุ่งหน้ามาหาหวังเย่า
ในเงาของหวังเย่าก็ยังมีตือโป๊ยก่ายแฝงอยู่
ตลอดสิบวันมานี้ไม่ใช่แค่เสี่ยวซวีที่พัฒนาขึ้นมา แต่อสูรอีกสามตัวที่เหลือเองก็เปลี่ยนแปลงไปมาก พวกมันมีคลื่นพลังที่แข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้พวกมันขึ้นไปอยู่ขั้นจักรพรรดิกันหมดแล้ว ส่วนหวังเย่านั้นยังอยู่ระดับเดิม
นี่คือการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับหวังเย่า
ในอนาคตเขาต้องพยายามให้ได้มากกว่าเดิม ขั้นต่ำสุดคือพวกมันจะต้องขึ้นไปถึงระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด นี่คือเป้าหมายของหวังเย่าในเดือนหน้า
เวลาไม่คอยท่า หายนะอาจจะมาถึงตอนไหนก็ได้ ที่เขาทำได้ก็คือต้องพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ
นี่ก็เพื่อรับมือกับหายนะในอนาคตรวมถึงกำจัดปีศาจนั่น
หวังเย่ามองไปยังอสูรทั้งสี่ของตนด้วยสายตากังวล
วันต่อมา หวังเย่าก็รู้สึกว่าเขาต้องออกจากโลกนี้แล้ว
ในโลกนี้ไม่มีอินเตอร์เน็ต เขาขาดการติดต่อกับคนอื่น ๆ ไปกว่า 10 วัน เขาไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในโลกมนุษย์บ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ต้องสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายขึ้นมาที่โลกด้วยเพื่อที่จะเชื่อมต่อค่ายกลทั้งสองเข้าหากัน
ในโลกนี้หวังเย่าได้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายขึ้นมาแล้ว ตอนนี้ก็รอแค่เขาสร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกอันในโลกภายนอกเพื่อเชื่อมต่อกับมัน…