ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 402 เลเวล 5
ตอนที่ 402 : เลเวล 5
เมื่อนึกถึงการบิดเบี้ยวของมิติก่อนหน้านี้แล้ว หวังเย่าก็พบว่าบางทีมนุษย์ก็อาจจะยังไม่ค้นพบที่นี่
ยังไงซะคนส่วนมากก็ไม่อาจจะเข้ามาที่นี่ได้ ไม่ใช่สิเฉพาะคนที่มีสกิลหลอมรวมมิติแบบเดียวกับเขาถึงจะเข้ามาได้
อสูรมิตินั้นหาได้ยาก แม้ว่าจะยังไม่เติบโตเต็มที่แต่แค่เกิดมาก็อยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว นี่ไม่ต้องนับการทำสัญญากับมันเลย
สกิลหลอมรวมมิตินี้คือความสามารถของอสูรมิติซึ่งหาได้ยากอย่างมาก เป็นธรรมดาที่คนอื่น ๆ จะไม่มีสกิลนี้
อันที่จริงความคิดของหวังเย่าน่ะถูกต้องแล้ว ในอดีตนั้นแม้ว่าจะมีคนค้นพบทางเข้าที่นี่แต่ก็ไม่อาจจะเข้ามาได้ พวกเขาทำได้แต่เดินทางเข้ามาและถูกส่งกลับออกไปทันที
เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะยอมแพ้และไม่คิดที่จะเข้าไป
แม้ว่าเรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ออกไปในเมืองและมีบางคนคิดจะมาสำรวจที่นี่ก็ตาม แต่ผลลัพธ์นั้นคงไม่จำเป็นต้องพูดถึง ทุกคนต่างก็ล้มเหลว ไม่มีใครสามารถเข้ามาที่นี่ได้สำเร็จ
ที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่ลึกลับไปแล้ว
หวังเย่าเดินทางมาเมืองตัดขวางได้ไม่กี่วัน ดังนั้นเขาจึงยังไม่รู้ว่ามีมิติลับอยู่ที่นี้ ตอนนั้นเขาแค่คิดว่านกที่เขาเห็นนั่นหายเข้าไปไหนก็เท่านั้น เมื่อเห็นว่านกบินเข้าไปในโพรงและยังไม่กลับออกมา เมื่อพบกับจุดแสงในโพรงมันก็ทำให้หวังเย่าสนใจขึ้นมา
เขาเข้ามาที่นี่ได้เพราะสกิลหลอมรวมมิติ แล้วนกนั่นทำได้ยังไง ?
แน่นอนมันอาจจะมีเหตุผลอื่น นกนั่นจะเข้ามาที่โลกนี้ได้จริง ๆ รึไม่งั้นมันก็อาจจะถูกส่งไปที่อื่น
หวังเย่าได้สังเกตรอบ ๆ ตัวของเขา หากนกนั่นปรากฏตัวขึ้นในโลกนี้ งั้นหวังเย่าก็สามารถยืนยันความคิดของตัวเองได้
เมื่อเวลาผ่านไป โลกนี้ก็มีอะไรเกินกว่าที่หวังเย่าคาดเอาไว้ บางทีที่นี่อาจจะเป็นต่างโลกที่ไม่ใช่แค่มิตินอกแค่เพียงส่วนเดียว
ตอนนี้หวังเย่าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ 2-3 วัน
ตลอดหลายวันมานี้ หวังเย่าพบว่าโลกนี้ไม่ใช่แค่สงบสุข แต่ยังมีทรัพยากรมากมายด้วย
ที่นี่มีสมุนไพรมากมาย เมื่อรวมกับพลังที่หนาแน่นในโลกนี้แล้วจึงทำให้สมบัติที่นี่มีระดับสูงมากกว่าโลกภายนอก
ที่มากกว่านั้นคือที่นี่มีลำธารแร่ทุกแบบ
และเขาก็ยังได้พบกับแร่หินเย็นซึ่งทำให้หวังเย่าถึงกับใจเต้น
เขาตัดสินใจแล้วว่าหลังจากที่ตรวจสอบว่าถ้าโลกนี้ไม่มีอันตรายอยู่ เขาตั้งใจจะใช้ที่นี่เป็นบ้านและฐานของเขา
สถานการณ์ในโลกนี้เหมาะกับเขาอย่างมาก โดยเฉพาะหากเสี่ยวซวีพัฒนาตัวเองขึ้นมาด้วยการกลืนกินแร่เหล่านี้ก็จะทำให้ระยะการเดินทาง ไกลขึ้นกว่าเดิม ยิ่งคิดแบบนั้นก็ทำให้หวังเย่าตาเป็นประกายขึ้นมา
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ…
หลังจากสกัดแร่ไฟออกมาได้ จนข้างในเปี่ยมไปด้วยพลังงานอันบริสุทธิ์
หลังจากที่เห็นแร่ไฟตรงหน้า เสี่ยวซวีก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมาก่อนจะทำการกินแร่ไฟนี้เข้าไป
ฉากนี้ทำให้หวังเย่าแปลกใจ แต่เขาก็โล่งอกทันทีเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหลังจากที่เสี่ยวซวีกินมันเข้าไป
หลังจากนั้นภายใต้การจับตาดูของหวังเย่า ตัวของเสี่ยวซวีกลับส่องแสงออกมาก่อนที่สุดท้ายจะหายไปต่อหน้าต่อตาของเขา
หวังเย่าสีหน้าบิดเบี้ยวไป เขาคิดว่าเสี่ยวซวีได้ใช้สกิลควบคุมมิติเดินทางไปที่อื่น
จากพลังสัญญาและระบบก็ทำให้เขารู้ว่าเสี่ยวซวีไม่ได้อยู่แถวนี้ แต่กลับเดินทางไปยังอีกด้านของโลกที่ไม่รู้ว่าอยู่ห่างออกไปแค่ไหน
ต้องรู้ก่อนว่าเสี่ยวซวียังเติบโตไม่เต็มที่ แต่กลับใช้สกิลควบคุมมิติได้ดีแบบนี้ และระยะทางก็มากกว่าที่หวังเย่าคาดการณ์เอาไว้มาก
ตอนแรกระยะทางที่เดินทางได้นั้นแค่ไม่กี่พันเมตร แต่ตอนนั้นกลับเดินทางไปยังอีกด้านของโลกได้ง่าย ๆ
แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลที่เป็นแบบนี้
หลังจากนั้นไม่นานเสี่ยวซวีก็กลับมา
ใบหน้าของมันแสดงความยินดีออกมาอย่างเห็นได้ชัด ชัดแล้วว่าแม้แต่ตัวมันเองก็ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้ได้
ภายใต้การสังเกตการณ์ของหวังเย่าที่มองดูเสี่ยวซวี เขาก็นึกถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายแร่ไฟที่เขาสร้างขึ้นมาตอนได้แร่ไฟมาจากกิเลนไฟ และก็พบว่ามันมีปัญหาตรงไหน
นอกจากนี้เขายังสามารถใช้วิธีการพิเศษบางอย่างเพื่อสนับสนุนพลังของค่ายกลเคลื่อนย้ายแร่ไฟ
สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจคือหลังจากที่เสี่ยวซวีกินแร่ไฟเข้าไป เขาไม่รู้ว่าทำไมมันถึงสามารถใช้ความสามารถที่คล้ายกับค่ายกลเคลื่อนย้ายได้
มันต้องมีเหตุผลที่เป็นแบบนี้
เหตุผลจริง ๆ น่าจะเป็นเพราะความพิเศษของโลกนี้
หลังจากที่หวังเย่าได้ทดสอบและมั่นใจพอแล้วเขาก็พบว่าค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ถูกสร้างขึ้นมาในโลกนี้เสถียรและสมบูรณ์แทบจะไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ
ส่วนที่สำคัญที่สุดคือพลังงานที่ใช้นั้นน้อยนิด นี่แหละคือส่วนที่น่าตกใจ
หวังเย่าได้ทำการศึกษาค่ายกลเคลื่อนย้าย ในการศึกษานี้ก็ทำให้เขาเข้าใจความหมายของมิติไปด้วย
มันทำให้ความเข้าใจในเรื่องมิติของเขาพัฒนาขึ้นไปอีก
ระหว่างนั้นเสี่ยวซวีก็เลเวลเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก เมื่อตรวจสอบสถานะของมันแล้วก็พบว่าตอนนี้เลเวลสกิลทั้งสามของมันเพิ่มขึ้นมาถึงเลเวล 5
นี่มันมากกว่าที่เขาคาดเอาไว้เสียอีก
สกิลเลเวล 5 มันหมายความว่าต้องดีกว่าเลเวล 1 อย่างมาก
ภายใต้การทดสอบของหวังเย่า เขาก็พบว่าระยะทางที่เดินทางนั้นไกลกว่าเดิมอย่างมากและยังคำนวนระยะทางกับทิศทางได้ มันไม่เหมือนกับเลเวล1ที่ต้องเดินทางแบบสุ่ม
เวลาในการหลอมรวมมิติเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 30 นาทีซึ่งทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
สำหรับการตัดมิติแล้ว พลังทำลายล้างของมันน่ากลัวกว่าเดิมอย่างมาก
หากปรับใช้งานแล้วก็คงสามารถทำให้มิติแตกร้าวได้ถึงแม้ว่าจะทำลายมิติส่วนนั้นไม่ได้ก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นมันก็น่ากลัว ต้องรู้ก่อนว่าตอนนี้หวังเย่าอยู่แค่ระดับ S เท่านั้น
การที่มีพลังโจมตีที่ส่งผลถึงมิติได้นั้นต้องอยู่ระดับ SSS รึระดับศักดิ์สิทธิ์ก่อน
ดังนั้นเมื่อหวังเย่ามีพลังแบบนั้นอยู่กับตัวก็ทำให้เห็นได้ว่าเขาน่าทึ่งแค่ไหน