ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) - ตอนที่ 383 อสูรหมอก
ตอนที่ 383 : อสูรหมอก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เราต้องรีบแล้ว แต่ละคนระวังตัวไว้ด้วย”
ภายในหมอกหนาก็มีเสียงดังขึ้นมา นี่คือคนกลุ่มหนึ่ง แต่ละคนต่างก็มีความแข็งแกร่งที่โดดเด่น
ในหมู่ผู้คนกลุ่มนี้มีชายหนุ่มตัวสูง แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางคนที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็เป็นคนที่โดดเด่นที่สุด เพราะเขาคือหนึ่งในผู้มีพรสวรรค์สูงสุดในเมืองหัวเซี่ย นั้นก็คือเซี่ยงหยาง
อีกกลุ่ม ลู่หานก็ยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับกำหอกของตัวเอง เขามองออกไปด้านหน้าพร้อมกับคอยดูว่าจะมีสัตว์อสูรแบบไหนโผล่มา
นี่มันอะไร…
ในภูเขาลึก จักรพรรดินีเองก็มองออกไปด้านหน้าเช่นกัน รอบตัวเธอเต็มไปด้วยหมอกขาวที่ไม่อาจจะมองเห็นอะไรได้อีก
มันราวกับที่ที่ไร้แสงสว่างใด ๆ ที่นี่ดูเหมือนมีแต่หมอกขาว
“มันกำลังจะมาแล้ว..” จักรพรรดินีมองไปรอบ ๆ ตอนนี้ระยะสายตาของเธอกว้างไม่ถึง 50 เมตร แต่ทันใดนั้นเธอก็ต้องคิ้วขมวดเล็กน้อย
เมื่อเห็นหมอกที่สั่นไหวอีกครั้ง จักรพรรดินีก็พึมพำออกมา “ มันมาแล้ว เตรียมตัวสู้ !”
เหล่าทหารรับจ้างสาวพากันเตรียมพร้อมที่จะสู้กันทันที
หมอกขาวตรงหน้าพวกเขาสั่นไหวตามมาด้วยเสียงคำรามก่อนจะมีเงาหนึ่งพุ่งออกมา
ตูม !
ตอนนั้นเองมันกลับมีเสียงระเบิดดังก้องขึ้นมาก่อน
ชัดแล้วว่าคนจำนวนมากในหมอกขาวนี้น่าจะพบสัตว์อสูรแบบนี้เช่นกัน !
หวังเย่ามองไปยังสัตว์อสูรตรงหน้าพร้อมกับชักดาบออกมาเตรียมที่จะสู้
การ์ฟิลด์ที่อยู่ข้าง ๆ ก็แสดงสายตาเย็นชาออกมา กล้ามเนื้อก็พร้อมจะระเบิดพลังออกมาทุกเมื่อเช่นกัน
หากพลังนี้ระเบิดออกมา มันคงน่ากลัวอย่างมากเป็นแน่
ตือโป๊ยก่ายเตรียมลอบโจมตี ความแข็งแกร่งของมันนั้นหลังจากที่ดูดซับพลังปีศาจในมิติดวงจันทร์ก็เหมือนจะพัฒนาขึ้น
ตอนนี้ตรงหน้าหวังเย่าคือสัตว์อสูรที่เหมือนจะรวมร่างขึ้นมาจากหมอกที่สูงกว่า 10 เมตร
อยู่ ๆ มันก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไร้วี่แวว
ตือโป๊ยก่ายไม่อาจจะรับรู้ตัวตนของอีกฝ่ายล่วงหน้าได้ แต่อีกฝ่ายกลับปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าต่อตาของมัน
เมื่อใช้ระบบตรวจสอบก็พบผลลัพธ์ที่น่าแปลกใจ
ต้องบอกว่าภายใต้การตรวจสอบจากระบบแล้ว มันอาจจะไม่ใช่สัตว์อสูรทั่วไป แต่มันเกิดขึ้นมาจากหมอกก็ว่าได้
หวังเย่าคิดว่ามันอาจจะเป็นสัตว์อสูรหมอก แต่ความจริงก็คงต้องหาหลักฐานมายืนยัน
สิ่งแรกคือเขาต้องเอาชนะสัตว์อสูรตรงหน้าเขาให้ได้ก่อน ไม่งั้นแล้วคิดอะไรไปก็ไร้ค่า
อสูรหมอกได้เริ่มเคลื่อนไหว มันได้ยกมือขนาดใหญ่ของมันขึ้นมาฟาดใส่หวังเย่า
ชัดแล้วว่ามันคิดจะบดขยี้มดตรงหน้า
ตูม !
พื้นดินโดยรอบสั่นไหวอยู่ชั่วครู่พร้อมกับฝ่ามือของอสูรหมอกที่ฝังลึกลงไปกับดินหลายเมตร
มันเพียงพอที่จะเห็นได้ว่าการโจมตีนี้รุนแรงเพียงใด
แม้แต่หวังเย่าที่มีร่างมังกรก็คิดว่าเขาคงได้รับบาดเจ็บหากรับการโจมตีนี้เอาไว้
เขาไม่โง่พอที่จะรับการโจมตีนี้โดยตรง เมื่ออสูรหมอกลงมือ เขาก็รีบหลบออกไปทันที
การ์ฟิลด์เองก็ไม่กังวลแม้แต่น้อย ยังไงซะ การ์ฟิลด์ก็พัฒนาขึ้นมาแล้ว ความเร็วของมันนั้นไม่ใช่สิ่งที่อสูรหมอกจะเทียบได้
การ์ฟิลด์กระโดดขึ้นไปบนตัวอสูรหมอกก่อนจะใช้กรงเล็บของมันข่วนใส่ด้านบนของอสูร ในเวลาอันสั้นก็มีใบมีดอันน่ากลัวหลายอันถูกโจมตีออกมา
สุดท้ายอสูรหมอกก็ได้แต่ต้องถอยออกห่างจากหวังเย่า
“ทำได้ดี”
เมื่อเห็นอสูรหมอกยกมือขึ้นมาจากพื้น หวังเย่าก็ไม่คิดที่จะโจมตีต่อ แต่เขาคิดจะรวบรวมข้อมูลของมันให้ได้มากที่สุด
สุดท้ายอสูรหมอกก็ถูกการ์ฟิลด์ฉีกเป็นชิ้น ๆ
ภายใต้การจับตามองของหวังเย่าแล้ว อสูรหมอกนี้ไม่มีเลือดรึเนื้อ มันเป็นแค่หมอก
มันเหมือนไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวด ร่างกายของมันกระจายไปในหมอกรอบ ๆ
ไม่นานก็ฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง
แผลขนาดใหญ่บนตัวมันฟื้นฟูขึ้นมาได้ในพริบตาเดียว
เมื่อเห็นแบบนั้นหวังเย่าก็ต้องขมวดคิ้ว
“ฟื้นตัวเร็วจริง ๆ….แต่ก็แค่นั้น ฉันไม่เชื่อว่าแกจะต้านทานเพลิงมังกรของฉันได้ ! ”
หวังเย่ายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาก่อนที่เปลวไฟจะลุกโชนขึ้น เขาได้พุ่งเข้าหาอสูรหมอกพร้อมกับมือขวาที่พุ่งออกไปเพื่อโจมตีมัน
ตูม !
เปลวไฟสีแดงได้ลุกท่วมตัวอสูรหมอกที่สูงกว่า 10 เมตรทันที
คลื่นความร้อนได้แผ่ออกมารอบข้าง
การโจมตีนี้เหมือนจะได้ผล อสูรหมอกบิดตัวไปมาราวกับเจ็บปวด
มันคำรามออกมาด้วยความโกรธแต่มันก็ไม่ได้มีเสียงใด ๆ ดังขึ้นมา
นี่แค่การคาดการณ์ของหวังเย่าเท่านั้น
เพลิงมังกรยังคงเผาไหม้ไปเรื่อย ๆ พร้อมกับร่างของอสูรหมอกที่ค่อย ๆ หายไป
ร่างของมันเล็กลงเรื่อย ๆ สุดท้ายก็กลายเป็นหยดน้ำสีขาว