ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 397-2 หลู่เฟิ่งโหรวไม่ยินยอม (2)
ตอนที่ 397 หลู่เฟิ่งโหรวไม่ยินยอม (2)
ฟางผิงเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง “อาจารย์ สิ่งที่เรียกว่างานไม่มีแบ่งต่ำต้อยสูงส่ง ทุกคนต่างรับใช้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ คุณทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ?”
ซ่งอิ๋งจี๋แค่นเสียงในลำคอ อย่ามาไร้สาระ ยังไงก็ไม่ทำ
“อาจารย์ไม่ไปจริงๆ เหรอครับ? ไปแล้ว สามารถใช้ห้องฝึกวิชาพลังฟ้าดินได้หลายชั่วโมงเลยนะครับ…”
ซ่งอิ๋งจี๋รักษาความเงียบต่อ
“เงินเดือนสวัสดิการ อันที่จริงแทบไม่แย่กว่าตอนนี้ ยังมีเงินอุดหนุนให้เป็นพิเศษอีก”
“…”
“ได้ยินว่าทางนั้นยังมีสาวงามอยู่หลายคน…”
“ถ้าเธอยังไร้สาระอีก ฉันจะสู้สุดตัวกับเธอสักตั้ง!”
ซ่งอิ๋งจี๋ทำหน้าไม่พอใจ คิดว่าฉันโง่หรือไง ฝ่ายดูแลความสะอาดจะเอาสาวงามมาจากไหน!
ตาเฒ่าหลี่ที่อยู่ด้านข้างยั่วยุว่า “เหล่าซ่ง ชายชาตรีต้องไม่เอาแต่พูด หรือนายยังกลัวเขาจริงๆ? เขาเพิ่งจะขั้นห้า กลัวอะไร สู้กับเขาสักตั้ง ฉันจะเป็นผู้ตัดสินให้พวกนายเอง!”
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้ว ตาเฒ่าหลี่ก็อยากอัดฟางผิงเช่นกัน แค่ไม่อาจลงมือได้เท่านั้น
เจ้าเด็กนี้ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ช่วยชีวิตของตัวเองไว้
ซ่งอิ๋งจี๋ยังคงใบหน้าดำคล้ำ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ที่สงบสุขและเป็นมิตรเหมือนที่เขาคิดขนาดนั้นแล้ว
หลี่ฉางเซิงยังเป็นคณบดีไปแล้ว!
หลู่เฟิ่งโหรวก็กลายเป็นรองคณบดี!
ฟางผิงเด็กเวรนี้ยังกลายเป็นเลขาธิการคณะกรรมการมหาวิทยาลัย ตอนนี้เขามองในแง่ร้ายอย่างยิ่ง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะเดินไปในทางทิศทางไหนยังไม่อาจรู้ได้?
พวกเขากำลังหยอกกัน หลู่เฟิ่งโหรวก็เข้ามา
เวลานี้หลู่เฟิ่งโหรวเผยสีหน้าเคร่งขรึม ข้างหลังอู๋ขุยซานที่ผมขาวก็เดินตามเข้ามาเงียบๆ เช่นกัน
“อธิการ”
เห็นอู๋ขุยซาน ซ่งอิ๋งจี๋น้ำตาแทบไหล ในที่สุดคุณก็มา
ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนยังคิดว่าอู๋ขุยซานดูสุ่มเสี่ยง ตอนนี้มาคิดดูว่า ต่อให้ไม่น่าเชื่อถือยังไงก็เหมือนจะน่าไว้ใจกว่าฟางผิงอยู่ดี
อู๋ขุยซานพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรมากมาย
ส่วนท่าทีน้อยอกน้อยใจเหมือนพวกผู้หญิงของซ่งอิ๋งจี๋ อู๋ขุยซานคร้านจะไล่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน คุ้นชินก็จะดีเอง
ไม่ได้พูดอะไรกับซ่งอิ๋งจี๋ อู๋ขุยซานมองไปทางฟางผิง เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “รบกวนแล้ว!”
ขั้นแปดคนหนึ่งเกรงใจกับนักศึกษาขั้นห้าคนหนึ่งขนาดนี้ถือว่าพบเห็นได้น้อย
แม้ฟางผิงจะจดจำหนี้แค้นเล็กๆ ไว้แล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องอัดเหล่าอู๋สักครั้ง แต่ตอนนี้ก็รีบค้อมกายด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “อธิการอย่าเกรงใจเลย เรื่องของอาจารย์ นั่นก็เป็นเรื่องของผม แค่น้ำแร่แห่งชีวิตเล็กน้อยเท่านั้น…”
เขาเพิ่งพูดมาถึงตรงนี้ หลู่เฟิ่งโหรวก็หันหน้ามาว่า “อีกเดี๋ยวฉันจะลองหลอมรวมพลังจิตใจและปราณ เธอต้องให้พลังงานอยู่ในสภาวะที่เต็มเปี่ยมตลอด”
ฟางผิงใบหน้าแข็งทื่อ ขำแห้งว่า “เอ่อ…อาจารย์ครับ เยอะขนาดนั้น ถ้าคุณสิ้นเปลืองเวลามาก มันจะ…”
หลู่เฟิ่งโหรวทำเป็นไม่ได้ยิน นั่นไม่ใช่เรื่องของฉัน ถึงเธอจะต้องเปลี่ยนแปลงพลังก็ต้องเปลี่ยนออกมา
ฟางผิงทำหน้าราวกับจะร้องไห้ ผมไม่ได้มีเยอะขนาดนั้นจริงๆ
หลู่เฟิ่งโหรวไม่สนใจเขา สูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปด้านในสุดของห้องฝึกวิชา
ซ่งอิ๋งจี๋รีบทำให้กำแพงมองทะลุเข้าไปได้ ก่อนจะจัดการกับปุ่มกดเล็กน้อย ถัดจากแผงควบคุมข้างนอกประตูก็ปรากฏโต๊ะตัวเล็กๆ ขึ้นมา ข้างบนเป็นโต๊ะโปร่งแสงที่เหมือนกับใยแมงมุม
“อีกเดี๋ยวคณบดีหลู่จะพยายามหลอมรวมพลังจิตใจและปราณ ต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมาก เธอเทน้ำแร่แห่งชีวิตเข้าไปในนั้นก็เพียงพอแล้ว ห้องฝึกวิชาสามารถทำให้พลังงานและพลังจิตใจไม่กระจัดกระจาย…”
ซ่งอิ๋งจี๋อธิบายไม่กี่ประโยค อู๋ขุยซานที่อยู่ด้านข้างสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยว่า “ตอนนี้พลังจิตใจของเฟิ่งโหรวเกินเก้าร้อยเฮิรตซ์แล้ว อีกไม่ช้าปราณก็จะแตะถึงขีดจำกัดหมื่นแคล พูดได้ว่าเธออยู่ในขีดจำกัดของขั้นหกสูงสุดแล้ว”
สถานการณ์ทั่วไป เมื่อถึงขั้นนี้พลังจิตใจและปราณต้องรวมเป็นหนึ่งแล้ว
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุด พลังจิตใจแตะถึงขั้นปลดปล่อยออกไปข้างนอก พลังปราณแตะถึงขีดจำกัด แม้รวมพลังจิตใจและปราณเป็นหนึ่งจะเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป
หลู่เฟิ่งโหรวกลับแล้วใหญ่ พลังจิตใจมาถึงขั้นที่ใกล้จะจับต้องได้แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังหลอมพลังจิตใจและปราณรวมเป็นหนึ่งไม่ได้
ฟางผิงขมวดคิ้วเล้กน้อย “ฝืนหลอมรวม อันตรายไม่น้อยสินะครับ?”
อู๋ขุยซานพยักหน้าว่า “มีอันตรายอยู่แล้ว เธอมีอุปสรรคในใจ ทุกครั้งที่ลองรวมพลังจิตใจและปราณ พลังจิตใจจะไม่ค่อยมั่นคงนัก มีแค่ต้องฝากความหวังไว้ที่น้ำแร่แห่งชีวิตช่วยทำให้พลังจิตใจเธอมั่นคง”
อันที่จริงสิ่งที่หลู่เฟิ่งโหรวขาดแคลนไม่ใช่พลังงาน ข้อบกพร่องอย่างแท้จริงคือตัวเธอเองต่างหาก
ฟางผิงไม่พูดมากอีก ตอนนี้ภายในห้องหลู่เฟิ่งโหรวเผยสีหน้าจริงจัง เริ่มปลดปล่อยพลังจิตใจของตัวเอง
ไม่นานพลังของหลู่เฟิ่งโหรวก็เปลี่ยนแปลง ชั่วพริบตาที่ปลดปล่อยปราณ แม้ว่าห้องฝึกวิชาจะกั้นด้วยม่านพลังงาน ฟางผิงยังคงรับรู้ถึงปราณที่เข้มข้นอย่างมากของเธอได้อยู่ดี
พลังจิตใจที่ไร้รูปร่าง ฟางผิงและอู๋ขุยซานต่างสัมผัสได้อย่างชัดเจน
เวลานี้หลู่เฟิ่งโหรวลองใช้พลังจิตใจหลอมรวมกับปราณแล้ว เปลี่ยนเป็นพลังฟ้าดิน
ฟางผิงมองอยู่สักพัก พลังจิตใจและพลังปราณเริ่มสัมผัสกัน ทั้งเริ่มดำเนินการหลอมรวมเช่นกัน
แต่มองไปมองมา ฟางผิงก็พบว่าไม่ได้การ ทั้งสองอย่าง…ไม่ได้มีสัญญาณจะหลอมรวมกันเลย กลับแบ่งแยกอย่างชัดเจน พลังจิตใจเข้าไปในขอบเขตปราณก็ขับพลังปราณออกมาทันที
ครู่ต่อมารัศมีแสงก็วาบออกมาบนร่างกายของหลู่เฟิ่งโหรว
นั่นเป็นสะพานฟ้าดินของเธอ!
หลู่เฟิ่งโหรวเตรียมจะฝืนหลอมรวมแล้ว!
ตอนแรกพลังปราณจำนวนมากเข้าสู่สะพานฟ้าดิน ย้อมรัศมีแสงโปร่งใสจนกลายเป็นสีแดง สีแดงพร่างพราวดูสวยงามอย่างยิ่ง สว่างเจิดจ้าราวกับกำไลข้อมือหยกเลือด
ไม่มีเวลาให้คิดมาก ไม่นานรัศมีแสงสีแดงก็เกิดความโปร่งแสงภายใน นั่นเป็นพลังจิตใจที่หลอมรวมเข้าไป กลับแบ่งแยกอย่างชัดเจน ไม่ได้เกิดการหลอมรวมแต่อย่างใด
จุดนี้ไม่เหมือนกับฟางผิง
พลังจิตใจและปราณของฟางผิงเข้าสู่สะพานฟ้าดิน ไม่นานก็เกิดการหลอมรวมแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวกลับไม่เป็นแบบนั้น อันที่จริงนี่เป็นกรณีพิเศษ
“รวมให้ฉัน!”
เสียงตะโกนอย่างโมโหดังออกมาจากห้องฝึกวิชา ตอนนี้หลู่เฟิ่งโหรวเหงื่อชุ่มหน้า เผยสีหน้าเต็มไปด้วยความโมโหและไม่ยินยอม!
ทำไมไม่ได้!
ทำไมยังไม่ได้อีก?
คนอื่นทำได้ ทำไมเธอถึงทำไม่ได้
เธอแค่อยากเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ ต้องยากขนาดนี้เลยหรือไง?
พลังจิตใจและปราณของเธอ ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ขั้นหกพวกนี้แล้ว ทำไมยังไม่สามารถหลอมรวมได้อีก?
สวรรค์ไม่ยุติธรรมกับเธอขนาดนี้เลย!
มอบความหวังให้เธอ ทำไมถึงยังตัดความหวังเธออีก?
‘วิ้ง!’
เกิดเสียงดังสนั่น ตอนนี้สะพานฟ้าดินของหลู่เฟิ่งโหรว สลับทั้งแดงและขาว พลังจิตใจและพลังปราณชนกันภายในสะพานฟ้าดินอย่างรุนแรง
สะพานฟ้าดินที่สว่างบาดตาเริ่มส่อเค้าลางแตกระแหงแล้ว
“เร็วเข้า!”
อู๋ขุยซานเผยสีหน้าตึงเครียด ตะโกนเสียงดัง
ฟางผิงไม่ชักช้า ตอนนี้ในมือมีขวดใสเล็กๆ แล้วเช่นกัน ขวดนี้ตาเฒ่าหลี่เป็นคนมอบให้เขา ทั้งยังเป็นสินค้าพิเศษที่มีพลังแข็งแกร่ง วัสดุอันเดียวกับกำแพงของห้องแหล่งพลังงาน สามารถทำให้พลังงานไม่กระจัดกระจายได้
ฟางผิงเปิดฝาขวด เทน้ำแร่แห่งชีวิตบางส่วนเข้าไปในใยแมงมุม
เพิ่งจะเทลงไป ห้องฝึกวิชาล้ำสมัยก็เริ่มมีพลังงานแทรกซึมออกมา กระจัดกระจายอยู่ภายในห้องฝึกวิชา
สะพานฟ้าดินที่กำลังปริแตกสัมผัสได้ถึงพลังงานพวกนี้ เริ่มซ่อมแซมขึ้นมาอย่างช้าๆ ความเร็วในการปริแตกลดน้อยลงเช่นกัน
พลังงานอื่นๆ ก็ถูกหลู่เฟิ่งโหรวดูดกลืน หลู่เฟิ่งโหรวที่หน้าชื้นเหงื่อเมื่อครู่ ไม่มีสีหน้าบิดเบี้ยวอีกแล้ว ผ่อนคลายขึ้นมาก
แต่สถานการณ์แบบนี้กลับประคองได้ไม่นานเท่าไหร่
ภายในห้องฝึกวิชา พลังงานเข้มข้นค่อยๆ ลดน้อยลง แต่พลังงานสองสายในสะพานฟ้าดินยังคงพุ่งชนกันและกัน สะพานฟ้าดินเริ่มปริแตกอีกครั้ง!
“เทอีก!”
อู๋ขุยซานมองภายในห้องอย่างตึงเครียด เห็นพลังงานลดลงก็ตะโกนอีกครั้ง
ฟางผิงถอนหายใจเบาๆ เริ่มเทน้ำแร่แห่งชีวิตต่อ
ในห้องฝึกวิชา น้ำแร่แห่งชีวิตสามารถเกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด ตอนแรกหากตาเฒ่าหลี่ดูดกลืนน้ำแร่แห่งชีวิตในห้องฝึกวิชา คงไม่จำเป็นต้องใช้มากขนาดนั้นแล้ว อาจจะใช้ไม่ถึงหนึ่งในสิบเสมอไป
ฟางผิงเทลงไปอย่างปวดใจ พร้อมทั้งครุ่นคิดเรื่องนี้ จนถึงตอนนี้ยังปวดใจอยู่บ้าง ตอนนั้นสิ้นเปลืองไปมากจริงๆ
—
“เทอีก!”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยน เขามีน้ำแร่แห่งชีวิตทั้งหมดแค่สองร้อยกรัมเท่านั้น ตอนนี้กลับเหลือแค่หนึ่งร้อยกรัมแล้ว
แต่หลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ในห้องยังคงไม่สามารถหลอมรวมได้
เวลานี้ทุกคนต่างตึงเครียดขึ้นมา
เส้นทางหลอมรวมพลังจิตใจและปราณของหลู่เฟิ่งโหรวเดินอย่างยากลำบากจริงๆ พลังจิตใจเริ่มไม่มั่นคงแล้ว ภายในสะพานฟ้าดินเป็นสีขาวอยู่ครึ่งหนึ่ง เกิดภาวะหดตัวแล้ว
ไม่กล้าชักช้า ฟางผิงเทลงไปอีกครั้ง แต่ละครั้งน่าจะประมาณยี่สิบกรัม
น้ำแร่แห่งชีวิตหนึ่งกรัมบางทีอาจเทียบได้กับหินพลังงานฝึกวิชาห้ากรัมเท่านั้น แต่พลังซ่อมแซมภายในกลับไม่ได้มีในหินพลังงาน
เทียบมูลค่าอย่างแท้จริงก็ไม่สามารถแทนที่ด้วยมูลค่าห้าเท่าได้เช่นกัน
ครั้งนี้สิ้นเปลืองเร็วเกินไป เพราะนอกจากจะซ่อมแซมสะพานฟ้าดินแล้ว ยังต้องช่วยทำให้พลังจิตใจของหลู่เฟิ่งโหรวมั่นคง
ผ่านไปไม่นาน คำว่า ‘เทอีก’ ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ฟางผิงกัดฟัน เทออกไปต่อ
“หากไม่ได้อีก ครั้งนี้คงสิ้นเปลืองน้ำแร่แห่งชีวิตไปเปล่าๆ แล้ว…” ฟางผิงเผยแววตาจนใจ
ภายในห้องฝึกวิชา หลู่เฟิ่งโหรวก็บ้าคลั่งอยู่บ้างเช่นกัน!
“ทำไม!”
“ฉันไม่ยอมหรอก!”
‘แกร๊ก…’
เสียงปริแตกเบาๆ ดังออกมาจากในห้อง
อู๋ขุยซานสีหน้าเปลี่ยน ตาเฒ่าหลี่ก็ตะโกนเสียงดัง “อย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า!”
“อาจารย์ ไม่ต้องรีบๆ น้ำแร่แห่งชีวิตยังมีอีกเยอะ ค่อยเป็นค่อยไปๆ!”
ฟางผิงรีบตะโกนออกไปเช่นกัน หลู่เฟิ่งโหรวเกือบทำลายสะพานฟ้าดินของตัวเองแล้ว บุ่มบ่ามเกินไป
ภายในห้องฝึกวิชา หลู่เฟิ่งโหรวมีสติขึ้นมาเล็กน้อย กัดฟันแน่น การปลดปล่อยพลังจิตใจจำนวนมากทำให้เจ็ดทวารของเธอเริ่มมีร่องรอยของเลือดออกมาเล็กน้อยแล้ว
——————-