ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 395 เหมือนปีศาจอยู่บ้าง (1)
ตอนที่ 395 เหมือนปีศาจอยู่บ้าง (1)
“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คิดจะแข็งแกร่ง เป็นเรื่องยากแล้ว!”
ในกระโจม ฟางผิงถอนหายใจอีกครั้ง
ตอนนี้พวกตาเฒ่าหลี่มากันหมดแล้ว
ถังเฟิงก็อยู่เหมือนกัน ฟังจบก็เอ่ยว่า “เป็นแค่คนกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจ นักศึกษาและอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่นิ่งดูดายแน่!”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยเสียงดัง “กลัวอะไร? ยังกล้าแตะต้องเธอจริงๆ หรือไง? เธอไปปักกิ่งก็ไม่มีอะไรเหมือนกัน”
“ผมไม่ไปหรอก ตายแล้วถึงคุณจะฆ่าพวกเขายังจะมีประโยชน์อีกหรือไง?
พูดจบฟางผิงก็เอ่ยอย่างครุ่นคิด “เรื่องพวกนี้ผมคงไม่อาจใส่ใจจนเกินไป พวกอาจารย์ นอกจากคณบดีหลัวที่นำทีมอยู่ที่นี่ ตอนนี้คนอื่นๆ กลับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว อีกอย่างต้องเรียกรวมอาจารย์ขั้นหกทั้งหมดกลับมหาวิทยาลัย! เรื่องห้องฝึกวิชาพลังฟ้าดินต้องรีบเตรียมการณ์ในทันที ช่วงชิงให้ทุกคนพัฒนาฝีมือแข็งแกร่งยิ่งขึ้น! อีกอย่างห้องแหล่งพลังงานและสระปราณ จะเริ่มเปิดสาธารณะต่อพวกนักศึกษา! เรื่องเงินนั้นติดไว้ก่อน หลังจากนั้นค่อยคืนก็ไม่สาย…”
“เก็บเงิน?” ถังเฟิงอึ้งไปเล็กน้อย
ฟางผิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “แน่อยู่แล้ว ได้รับไปฟรีๆ ไม่ใช่วิถีของผู้ฝึกยุทธ์! อาจารย์ หรือคุณคิดว่าให้ฟรีเหมาะสมจริงๆ?”
“นี่…นี่ก็ถูก…”
“อืม ผมหมายถึงแบบนั่นแหละ พวกคุณกลับไปก่อนเถอะครับ อีกอย่างในเร็วๆ นี้ผมจะลดราคายาบำรุงลง!”
ฟางผิงแค่นเสียง เผยแววตาอันตราย “ชนชั้นทั่วไปก็สามารถเป็นอัจฉริยะได้! ราคายาบำรุงแพงเกินไป นี่ประชาชนยังจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนกันได้ยังไง? ล้อกันเล่นแล้ว!”
“รัฐบาลก็พิจารณาถึงเรื่องพวกนี้” หลู่เฟิ่งโหรวย้ำเตือนอีกครั้ง
“ผมรู้ แต่เร็วๆ นี้มันเมื่อไหร่ล่ะ? ต้องมีบางคนเป็นผู้บุกเบิกปฏิรูปเรื่องนี้ ผมไร้ความสามารถ จะลองเป็นผู้บุกเบิกปฏิรูปดูสักครั้ง! ถ้าผมยังอยู่ขั้นสามขั้นสี่ หรือไม่ได้เป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เซี่ยงไฮ้คงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้หรอก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น ทั้งผมยังมีสหายร่วมรบที่มีอุดมการณ์เดียวกันอยู่! อนาคตเป็นของพวกเรา ทำลายกฎเดิมก็ควรเป็นพวกเรา!ผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกเราไม่ยินดีที่จะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ทั้งไม่ยินดีจะไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ชั่วชีวิตนี้เอาแต่เฝ้าระวังป้องกันภัย ชั่วชีวิตนี้คงถูกพวกถ้ำคุกคามกดขี่ไปตลอด! ผมไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ผมก็มีความเห็นแก่ตัวเหมือนกัน แต่ผมไม่อยากเห็นหลายปีหลังจากนั้น ลูกหลานของตัวเองยังต้องหลั่งเลือดสังหารคนอยู่แนวหน้าไม่จบไม่สิ้น!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่าง ทั้งหมดที่ผมทำก็เพื่ออยากรับช่วงต่อให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ดียิ่งขึ้นกว่านี้ อาจารย์ทุกท่านได้โปรดให้ความสนับสนุนด้วย!”
หลู่เฟิ่งโหรวปวดหัวแทบระเบิด ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “เธออยากจะรับช่วงต่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จริงๆ?”
“แน่อยู่แล้ว จะเป็นเรื่องโกหกได้หรือไง?”
“เธอคิดว่าอู๋ขุยซานจะยินยอม?”
“ทำไมถึงจะปฏิเสธล่ะครับ? ผมไม่ได้บอกว่าจะเป็นอธิการ ผมแค่คิดว่าเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ในมหาวิทยาลัยตอนนี้สามารถให้ผมมาดูแลได้”
“นี่มันต่างจากอธิการบดีตรงไหน?”
“แตกต่างอยู่แล้ว ผมกำลังรับใช้อธิการอยู่ ไม่ใช่จะเป็นอธิการเอง อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของอธิการอู๋ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องพัฒนาได้ดีกว่านี้”
หลู่เฟิ่งโหรวไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้าง เอ่ยว่า “เขาไม่รับปากจะทำยังไง?”
“ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา!”
ฟางผิงพูดเสียงดัง “อาจารย์หลี่ คุณจะสนับสนุนผมใช่หรือเปล่า?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เข้าใจว่าเธอจะต้องสนใจยุ่งเรื่องพวกนี้ไปทำไม ฉันจะบอกเธอให้ ตาแก่อู๋บ้าคลั่งขึ้นมา ฉันอาจขวางเขาไม่ได้เสมอไป”
“ไม่เป็นไร อย่างมากก็ถูกซ้อมครั้งหนึ่ง สรุปแล้วทั้งหมดก็เพื่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้!”
ทุกคนไม่มากความอีก ทยอยแยกย้ายจากไป
รอพวกเขาไปแล้ว ฟางผิงค่อยพึมพำว่า “ฉันจะไม่รับช่วงต่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้หรือไง? ไม่รับช่วงต่อ มักรู้สึกว่าตัวเองทำงานให้ฟรียังไงไม่รู้ รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำเรื่องโง่ๆ อยู่ ฉันรับช่วงต่อแล้วถึงจะรู้สึกว่าเป็นการบ่มเพาะอำนาจให้ตัวเอง”
เป็นวีรบุรุษที่จ่ายค่าตอบแทนออกไปฟรีๆ ฟางผิงไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น เขารู้สึกว่าขาดทุนเกินไป
แต่ไม่จ่ายออกไป ยังไงเขาก็มีความสามารถแค่เล็กน้อย หลังจากนี้บางทีเขาอาจจะขโมยหินพลังงานได้มากกว่านี้ มีทรัพยากรฝึกวิชาเยอะกว่านี้
จะเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาทำไม?
ต่อให้มีเงินเยอะก็ไม่มีประโยชน์?
ตอนนี้รับช่วงต่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็เป็นการบ่มเพาะอำนาจให้ตัวเอง ในใจค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
ส่วนทำลายการผูกขาด ไม่ได้ขัดแย้งกับการพัฒนาของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยคิดจะพัฒนาเร็วกว่านี้ นี่ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเหมือนกัน ถือโอกาสซื้อใจคนเล็กน้อย ตีสนิทพรรคพวกไว้ เป็นเรื่องที่มีแต่ได้กับได้เท่านั้น
—
เย็นวันนั้น พวกตาเฒ่าหลี่ก็รีบกลับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ฟางผิงไม่ได้รีบ คนอื่นๆ ก็ไม่ได้กังวลความปลอดภัยของเขาจนเกินไป บนพื้นโลกไม่มีใครเหิมเกริมขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ในเขตของหนานเจียง
ตอนนี้ยอดฝีมือขั้นเก้าหลายคนต่างจดจ่ออยู่กับที่นี่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรส่งเดชหรอก
—
หยางเฉิง
รอฟางผิงเปิดประตูเข้ามาแล้ว คนในบ้านที่กำลังกินข้าวอยู่ก็อดหันไปมองเขาไม่ได้
ทำไมจู่ๆ ก็กลับมา?
ฟางผิงหัวเราะว่า “พ่อครับ แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว”
“ยัยหน้ากลม ตักข้าวให้ฉันหนึ่งถ้วย ไม่ได้กินข้าวตั้งนานแล้ว”
ฟางหยวนพองลมแก้ม ความดีใจเมื่อครู่สลายหายไปทันที เกลียดเจ้าหมอนี่ชะมัด!
แม้จะเกลียดยังไง สาวน้อยยังคงไปตักข้าวให้อย่างหงุดหงิด ยังอยากให้ฟางผิงปิดบังเรื่องของเธออยู่
ฟางผิงนั่งลงด้วยรอยยิ้ม หยิบซี่โครงชิ้นหนึ่งขึ้นมาเคี้ยวในคำเดียว แม้แต่กระดูกยังถูกเคี้ยวจนละเอียด เอ่ยอย่างเบิกบานใจว่า “รสชาติไม่เลว ฝีมือแม่ยังอร่อยเหมือนเดิม!”
เวลานี้หลี่อวี้อิงค่อยได้สติ เอ่ยด้วยความโกรธอย่างไม่จริงจังเท่าไหร่ “กลับมากะทันหันทุกครั้ง ไม่คิดจะบอกก่อนบ้างหรือไง!”
หลี่อวี้อิงไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เธอคิดว่านั่งเครื่องบินกลับมา ฟางหยวนที่เพิ่งตักข้าวเสร็จกลับเอ่ยอย่างตกตะลึง “บินกลับมา?”
“แน่นอน พี่เธอตอนนี้อยู่ขั้นห้าแล้ว บินเร็วจะตายไป”
“ขั้นห้าแล้ว!”
ฟางหยวนอ้าปากค้างจนแทบยัดลูกแอปเปิ้ลเข้าไปได้!
ฟางผิง…ขั้นห้าแล้ว!
พรสวรรค์หกร้อยเก้าสิบเก้า น่ากลัวจนถึงขั้นนี้เลย?
“นาย…นายเพิ่งจะขึ้นปีสองเอง…”
ระหว่างที่ฟางผิงกินข้าวก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มไปพลาง “แล้วยังไง พรุ่งนี้กลับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ฉันก็จะรับช่วงต่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว อายุไม่ใช่ปัญหา ขอแค่เป็นคนมีความสามารถ มีสมอง ทุกอย่างล้วนไม่ใช่ปัญหา ยัยหน้ากลม…”
“ไม่อนุญาตให้เรียกฉันแบบนี้!” ฟางหยวนโมโห ไม่น่าตักข้าวให้นายเลย
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ๆๆ เด็กผู้หญิงต้องไว้หน้า เข้าใจแล้ว”
ฟางผิงพูดไปก็กินอย่างมูมมามไปด้วย เขาไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้วจริงๆ
กินอยู่พักหนึ่ง ก่อนฟางผิงจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “การฝึกวิชาของเธอเป็นยังไงบ้าง?”
“พอได้ หลายวันนี้เพิ่งไปตรวจสอบ ปราณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าแคลแล้ว”
“โห ไม่เลวเลยนี่ ใกล้จะหลอมกระดูกครั้งที่สองแล้ว ยังดีที่ไม่ทำฉันขายหน้าจนเกินไป”
ฟางผิงหัวเราะ เห็นพ่อของตัวเองกำลังมองเขาอยู่เงียบๆ ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พ่อ ช่วงนี้หยางเฉิงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรใช่ไหมครับ?”
“หลายวันนี้ผู้บัญชาการไป๋ตึงเครียดไม่น้อย” ฟางหมิงหรงเอ่ยเสียงเบา “รุ่ยอันเหมือนจะเกิดเรื่อง”
“ครับ มีปัญหาอยู่เล็กน้อย แต่ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร ได้รับการแก้ไขแล้ว”
ฟางผิงกัดกระดูกซี่โครงดังกร๊อบๆ เอ่ยต่อว่า “พ่อครับ แม่ครับ บางครั้งถ้าผมยุ่งมากๆ อาจจะติดต่อทางมือถือไม่ได้ ถ้าพ่อกับแม่มีเรื่องด่วน หาผมไม่เจอ ไปขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าหนานเจียงได้ ครั้งนี้ผมขายสินน้ำใจให้กับผู้ว่าหนานเจียง เรื่องทั่วไปพวกเขาไม่อาจปฏิเสธออยู่แล้ว”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ฟางหมิงหรงก็ตัวแข็งทื่อทันที ลูกชายทำอะไรอีกแล้ว?
ฟางหยวนเผยสีหน้าสนใจขึ้นมา รีบมานั่งข้างเขา เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ฟางผิง นายทำอะไรอีกแล้ว?”
——————–