ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 394-2 หนทางข้างหน้ายากลำบาก (2)
ตอนที่ 394 หนทางข้างหน้ายากลำบาก (2)
หวังอิ่งอดเอ่ยไม่ได้ “ฟางผิง นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ฉันหวังว่าเธอจะสามารถให้ความร่วมมือกับพวกเราไปตรวจสอบอย่างละเอียดที่ปักกิ่งด้วยกันสักครั้ง…”
ฟางผิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ได้งั้นเหรอครับ?”
“หรือสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ล้าหลังเกินไป?”
“ผมสามารถไปรายงานผลที่รัฐบาลหรือหน่วยทหารของเซี่ยงไฮ้ได้ ให้คนของรัฐบาลและหน่วยทหารกำกับดูแลได้เหมือนกัน น่าจะไม่มีปัญหาแล้วสินะครับ?”
“ไม่งั้นผมจะผ่าสมองของผมให้ทั้งสองคนดูตอนนี้ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า บางทีอาจจะสามารถค้นพบอะไรบางอย่างได้”
ระหว่างที่พูดฟางผิงก็ยกดาบผิงล่วนที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา ตั้งท่าเตรียมจะฟันหัวตัวเอง
เซวียป้าและหวังอิ่งต่างไม่ปริปาก เธอคิดว่าพวกเราจะเชื่อเธอจริงๆ หรือไง?
หลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ด้านข้างเห็นฟางผิงขยิบตาให้เธอก็ถลึงตาใส่เขาอย่างหงุดหงิด เวลานี้ค่อยเอ่ยว่า “เลิกก่อเรื่องได้แล้ว! รอกลับไปเซี่ยงไฮ้ ค่อยไปตรวจสอบดีๆ ไม่ใช่เกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ แต่ตัวเองกลับไม่รู้อะไร”
“ได้ครับ ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่แล้ว”
ฟางผิงคล้อยตาม เก็บดาบไว้ทันที
สองคนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำแบบส่งๆ เกินไป เซวียป้าเผยสีหน้าเรียบนิ่ง หวังอิ่งกลับเผยท่าทีไม่พอใจ
“ฟางผิง นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ได้ล้อเล่น ผมรู้ว่าเป็นเรื่องจริงจัง ไม่เคยล้อเล่นอยู่แล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์กลายพันธุ์ บางเรื่องผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ผมไม่ได้ปฏิเสธการให้ความร่วมมือ ผมกลับเซี่ยงไฮ้ไปจะตรวจสอบภายใต้การดูแลของรัฐบาลและหน่วยทหาร หรือนี่ยังมีปัญหาอีก? พวกคุณทั้งสองคนไม่เชื่อใจรัฐบาลและหน่วยทหารของเซี่ยงไฮ้? รัฐบาลกลางส่งทั้งสองคนมาที่นี่ หรือจะชำแหละผมวิจัยจริงๆ? ปฏิบัติกับผู้ฝึกยุทธ์กลายพันธุ์ ผมคิดว่าไม่ควรจะใช้ท่าทีนี้”
“ผมให้ความร่วมมือกับทุกคนเป็นอย่างดี ทั้งหวังจะสร้างคุณูปการเพื่อมนุษยชาติ ไม่งั้นผมแทบไม่มีความจำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องพวกนี้ออกไป ผมแค่ไม่อยากให้มุนษยชาติบาดเจ็บล้มตายมากเกินไป ครั้งนี้ทุกสิ่งที่ผมทำในถ้ำใต้ดินหนานเจียงต่างเพื่อมนุษยชาติและประเทศชาติ เพื่อคนทั้งหมด! ผมไม่ได้ปัดความรับผิดชอบหรอกมั้งครับ? ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้ความร่วมมือ? แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยร่วมมือทำการวิจัยไปครั้งหนึ่งแล้ว บางทีพวกคุณอาจได้ข้อมูลการวิจัยพวกนี้มาอยู่ในมือแล้วด้วยซ้ำ หรือหลังจากนี้จะบีบให้ผู้ฝึกยุทธ์กลายพันธุ์ทั้งหมดซ่อนเร้นความสามารถของตัวเอง? ไม่ควรจะเป็นแบบนี้! ในเวลานี้ศัตรูอยู่ตรงหน้าทำไมพวกเราต้องปิดบังด้วย? ทำไมต้องสร้างสถานการณ์ให้คนตกสู่ในอันตรายด้วย? การกลายพันธุ์ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราสามารถควบคุมได้ ยิ่งพวกเราแข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีส่วนช่วยมนุษยชาติมากเท่านั้น หรือนี่ไม่ใช่เรื่องจริง?”
ทั้งสองคนตรงข้ามไม่ปริปาก โจวติ้งกั๋วที่อยู่ด้านข้างก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน
ฟางผิงนั่งลงด้วยรอยยิ้ม เอ่ยต่อว่า “พวกคุณถามอะไร ผมก็ตอบตามสัตย์จริงทั้งหมด ไม่มีปิดบัง หลังจากนี้ผมจะไปตรวจสอบกับสถาบัน หากมีผลออกมา ผมก็ยินดี ตรวจสอบไม่ได้ งั้นผมก็อับจนหนทาง ปิดบังเรื่องพวกนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อผม”
เซวียป้าสูดลมหายใจเข้า เอ่ยอย่างครุ่นคิด “หมายความว่านักศึกษาฟางผิงไม่ยินดีที่จะให้ความร่วมมือตรวจสอบที่ปักกิ่ง?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เซี่ยงไฮ้ก็ได้แล้ว”
“เรื่องนี้สำคัญมาก”
“ไม่จำเป็นต้องให้รัฐมนตรีเซวียย้ำหลายครั้ง ผมรู้ว่าสำคัญมาก หรือเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่พื้นที่ในประเทศจีน?”
“เธอกำลังกังวลอะไร?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ผมไม่ได้กังวลอะไร แต่ผมโดดเด่นเกินไป ตอนนี้ก็มีหลายสิ่งที่ตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงอีก ผมกลัวว่าไปปักกิ่งแล้ว จะยากมีชีวิตรอดกลับมา พูดตรงๆ แล้วกัน ทั้งสองคนจะให้ผมไปปักกิ่งให้ได้ ผมมีเหตุผลที่จะสงสัยเหมือนกันว่าพวกคุณสมคบคิดกับใครอยู่ แน่นอน คำพูดนี้อาจรุนแรงไปบ้าง หากทั้งสองคนจะให้ผมไปจริงๆ ก็ได้ เอาแบบนี้เถอะ ผมจะเรียกปรมาจารย์ทั้งสี่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ รวมถึงปรมาจารย์คนอื่นๆ ด้วย ภายใต้การร่วมทางกับพวกเขา ผมสามารถไปได้”
“ผมคนนี้ไม่คิดจะลังเลแสดงสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกมาอยู่แล้ว ถ้าให้ความร่วมมือตรวจสอบจริงๆ นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมเปิดเผยทุกเรื่องได้แน่นอน ในสถานการณ์ที่ทำอย่างเปิดเผย ทำได้ทั้งนั้น หากยังไม่พอ ผมถึงกระทั่งเรียกรวมศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้กลับมาได้ด้วยซ้ำ เติมปรมาจารย์ให้ครบสักยี่สิบคน ร่วมทางไปด้วยกัน นี่ล้วนไม่ใช่ปัญหา”
ทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้ามสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มต่อ “แน่นอน ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้น หรือจะเอาแบบนี้ ทั้งสองคนไปเซี่ยงไฮ้กับผมซะเลย ภายใต้การกำกับของพวกคุณ ผมเข้าสู่การตรวจสอบ น่าจะได้สินะครับ?”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่พูดอะไร โจวติ้งกั๋วก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนหลังคา
เรื่องนี้จะพูดว่าฟางผิงผิดไม่ได้
เขารับปากให้ความร่วมมือ แค่เลือกตรวจสอบที่เซี่ยงไฮ้ เรื่องนี้ทำได้
ยิ่งไปกว่านั้นมีหน่วยทหาร กองตั้งมั่นเฝ้าระวังรวมถึงรัฐบาลเซี่ยงไฮ้ดูแลอยู่ ฟางผิงก็ไม่ใช่คนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ตัวเองยังเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะขั้นห้า ทั้งมีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หนุนหลัง ใครจะปฏิเสธเรื่องนี้ได้
เซวียป้ายังจมดิ่งในความคิด หวังอิ่งเผยสีหน้าขุ่นเคือง เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ฟางผิง นี่เธอกำลังข่มขู่พวกเรา?”
ฟางผิงเผยสีหน้าตกใจ เอ่ยอย่างแปลกใจว่า “หมายถึงประโยคไหนครับ? ผมให้ความร่วมมือขนาดนี้ คุณบอกว่าผมข่มขู่ ผู้อำนวยการหวัง อย่าคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงแล้วจะสามารถพูดอะไรมั่วซั่ว ใส่ร้ายผมได้!”
ระหว่างที่พูด จู่ๆ ฟางผิงก็ยิ้มขึ้นมา “ใช่สิ ได้ยินว่าผู้อำนวยการหวังมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับบริษัทยาบำรุง จริงหรือเปล่าครับ? คงไม่หลอกผมไปปักกิ่งเพื่อฆ่าหรอกนะ? แต่ต้องหาคนมาเยอะๆ หน่อย คุณเพิ่งจะขั้นห้า ผมฆ่าคุณกลับด้วยมือเดียวได้ด้วยซ้ำ คุณเชื่อหรือเปล่า? ในถ้ำใต้ดินผมฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้ามามากกว่าที่คุณเคยเจอซะอีก! อย่าคิดปฏิบัติกับผมเหมือนเป็นคนผิด! คุณลองถามผู้บัญชาการโจวดู ผมเป็นคนผิดหรือไง? ผมหลั่งเลือดเพื่อมนุษย์ชาติ หรือยังต้องให้ผมหลั่งน้ำตา? คุณต้องถามก่อนว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยินยอมหรือเปล่า เซี่ยงไฮ้ยินยอมหรือเปล่า หนานเจียงยินยอมหรือเปล่า!”
ฟางผิงแค่นเสียงขึ้นจมูก “อย่ามาวางท่ากับผม ไม่ต้องมาไม้นี้ด้วย ผมเคยถามกับผู้บังคับการอู๋และเจ้าสำนักจ้าวแล้ว ปรมาจารย์ใหญ่ขั้นเก้าทั้งสองคนล้วนพูดว่าสามารถตรวจสอบที่เซี่ยงไฮ้ได้ คิดว่าผมไม่เข้าใจอะไรเลยหรือไง? ยอดฝีมือขั้นเจ็ดแปดเก้าผมพบเจอมามากแล้ว พวกคุณจะให้ผมไปปักกิ่งให้ได้ ผมก็มีเหตุผลให้สงสัยเหมือนกันว่าพวกคุณเป็นไส้ศึกของพวกนอกรีต!”
“ฟางผิง!”
เซวียป้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ระวังคำพูดด้วย คำพูดนี้ไม่อาจพูดมั่วซั่วได้”
ฟางผิงรีบขอโทษทันที “รัฐมนตรีให้อภัยด้วย หุนหันพลันแล่นไปหน่อย อย่างอื่นไม่พูดถึง ผมก็พอจะนับได้ว่าเป็นวีรบุรุษ? ครั้งนี้ที่ถ้ำใต้ดินหนานเจียงผมทำลายเมืองราชาไปกว่าครึ่ง หรือจะไม่มีคุณงามความดีสักเล็กน้อย? รัฐมนตรีเซวียคิดว่าคำพูดผมมีปัญหาเหรอครับ?”
เซวียป้าครุ่นคิดเล็กน้อย ผ่านไปพักใหญ่จึงเอ่ยว่า “ได้ เธอสามารถไปตรวจสอบที่เซี่ยงไฮ้ได้”
“งั้นก็ขอบคุณมากครับ”
“รัฐมนตรี…” หวังอิ่งเผยสีหน้าไม่พอใจ หมอนี่เหิมเกริมเกินไป!
เซวียป้ายกมือห้าม หยัดกายขึ้นว่า “งั้นครั้งนี้ขอบคุณนักศึกษาฟางที่ให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วย คงไม่รบกวนอะไรอีกแล้ว”
“รัฐมนตรีเซวียเดินทางปลอดภัยนะครับ”
ฟางผิงเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นมิตร ส่งคนพวกนี้ออกไป
รอพวกเขาเดินออกไปได้ช่วงหนึ่งไม่ไกลมาก ฟางผิงก็พูดเสียงดังทันที “ฉันว่าแล้วต้องส่งคนมา แค่นึกไม่ถึงว่าจะสั่งการมาจากบริษัทยาบำรุงและบริษัทผลิตอาวุธจริงๆ หวังอิ่งอะไรนั่น พี่เขยเธอเป็นรองประธานของบริษัทยาบำรุงไม่ใช่หรือไง? จุๆ สติปัญญาของฉันก็ไม่น้อยจริงๆ ยังคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะส่งคนมาอีก เอ๋ จิตใจคนไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คิดว่าฉันตกใจกลัวจริงๆ หรือไง? ขั้นเก้าเยอะขนาดนั้นยังฆ่าฉันไม่ได้ เรื่องเล็กแค่นี้จะทำฉันตายได้? ตลกแล้ว! ถุ้ย! อย่าพูดว่าขั้นห้าเลย หากมีขั้นเก้ามาจริงๆ ยังจะฆ่าฉันได้? หากขั้นเก้าเป็นแบบนี้หมด ประเทศจีนคงดับสูญไปนานแล้ว มนุษยชาติก็คงล่มสลายไปนานแล้วเหมือนกัน! นั่งอยู่แค่ข้างหลัง แม่งเหอะ เรื่องอะไรก็ไม่ทำสักอย่าง อาศัยพี่เขยจนทะลวงขั้นห้า ฉันต้องทำสงครามฆ่าศัตรูถึงจะเข้าสู่ขั้นห้าได้ ไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว! ปฏิรูปเป็นสิ่งที่จำเป็นจริงๆ! ในสถานการณ์ที่ต้องตามกระแสคนส่วนมาก ใครจะคิดขัดขวางได้? ขั้นเก้าก็ต้องถูกบดขยี้ในกระแสส่วนใหญ่นี้เหมือนกัน! ฉันไม่ได้ตกใจกลัวอะไร ขั้นเก้าก็มีรุ่นพี่อู๋กับผู้เฒ่าจ้าวอยู่ ลองแตะต้องฉันดูสิ!”
คนพวกนั้นที่อยู่ด้านหน้าชะงักฝีเท้าเล็กน้อย
ไม่นานก็สาวเท้าจากไปอีกครั้ง
พวกเขาไปแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวค่อยแค่นเสียงว่า “ปัญหามาแล้ว!”
ระหว่างที่พูดก็เอ่ยอย่างแปลกใจ “เธอรู้ได้ไงว่าจะมีปัญหา?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ผมไม่ใช่คนโง่ อันที่จริงเดาได้นานแล้วว่าจะมีคนมา ส่วนเรื่องข้อมูลนั้น แค่กๆ…เหล่าจางเป็นคนพูด”
“เหล่าจาง?”
“ผู้ว่าจาง”
ฟางผิงหัวเราะว่า “ยื่นลูกท้อคืนลูกพลัม[1] เหล่าจางหวังว่าผมจะช่วยเขาดูแลหนานเจียง คนพวกนี้เพิ่งเคลื่อนไหว เหล่าจางก็ให้คนมาบอกผมแล้ว ถือโอกาสตรวจสอบข้อมูลด้วย อาจจะไม่ได้คิดฆ่าผมเสมอไป น่าจะไม่ใช่อย่างนั้น แต่หากไปปักกิ่งจริงๆ ปัญหาคงไม่ใช่น้อยๆ ไม่แน่ว่าอาจจะจงใจทรมานผม ผมไม่ใช่คนโง่สักหน่อย”
“หวังอิ่งเป็นคนของบริษัทยาบำรุงจริงๆ?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ปักกิ่งมีเส้นสายมากเกินไป อันที่จริงผมเดามั่วซั่วเท่านั้น เหมือนจะเป็นลูกพี่ลูกน้องสายเลือดห่างๆ อะไรเนี่ยแหละ มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทยาบำรุงเล็กน้อยเลยพูดออกไปเท่านั้น ใครจะรู้ว่าเกี่ยวข้องจริงๆ หรือเปล่า ขี้เกียจจะสนใจเธอ ผู้หญิงคนนี้เข้าประตูมาก็ถลึงตาใส่ผม ปราณเลื่อนลอย มองขัดหูขัดตาอยู่บ้างก็เลยจงใจยั่วโมโหเธอ”
หลู่เฟิ่งโหรวหมดคำจะพูดอย่างถึงที่สุด เธอเอาเรื่องดีนี่
แต่ถูกฟางผิงด่าขนาดนั้น อีกฝ่ายกลับไม่พูดอะไร ฟางผิงอาจจะไม่ได้คาดเดามั่วซั่วเสมอไป เจ้าเด็กนี้รักตัวกลัวตาย เกรงว่าไม่มีความมั่นใจ คงไม่จงใจพูดแบบนั้นออกไปหรอก
“เพิ่งจะเจรจากับหนานเจียงเสร็จ ไม่ได้เริ่มก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ พวกเขารู้ได้ยังไง?”
ฟางผิงส่ายหัวว่า “อาจไม่เกี่ยวกับตอนนี้เสมอไป อาจจะเป็นควันหลงจากครั้งก่อน การข่มขู่ของสิบปรมาจารย์ใหญ่ ตอนนี้น่าจะรู้ว่าผมเป็นคนเป่าหูเลยมาแสดงอำนาจกับผมมั้งครับ”
หลู่เฟิ่งโหรวปวดหัวอย่างเห็นได้ชัด ผ่านไปสักพักก็เอ่ยว่า “ไป กลับเซี่ยงไฮ้ ก่อเรื่องให้น้อยๆ หน่อย ตอนนี้เธอสร้างปัญหาไม่น้อยแล้ว!”
ครั้งนี้ฟางผิงไม่ปฏิเสธ พยักหน้าว่า “ผมรู้ ดังนั้นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องแข็งแกร่งขึ้น ผมเองก็จะแข็งแกร่งขึ้น บางเรื่องผมไม่สามารถปิดบังได้จริงๆ คุณว่าครั้งนี้ถ้าผมปิดบังเรื่องเก็บงำลมหายใจ อาจารย์หลี่จะมีชีวิตรอดได้อย่างนั้นเหรอ? ไม่พูดถึงอาจารย์หลี่ พูดอย่างไม่เกรงใจหน่อย หากไม่ใช่เพราะผมทำประโยชน์ ปากทางเดินคงจะมีการต่อสู้กันอยู่ จะสบายๆ เหมือนตอนนี้ได้ยังไง ผมไม่ได้ทุ่มสุดกำลัง คงจะมีคนตายอีกเยอะแยะ หากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ปฏิรูป งั้นก็ต้องทนถูกขูดรีดต่อ จะแข็งแกร่งขึ้นได้ยังไง? จะทำให้ความฝันหนึ่งมหาวิทยาลัยสยบหนึ่งถ้ำใต้ดินเป็นจริงได้ยังไง? คุณมีลูกศิษย์อย่างผม ถือว่าได้กำไรแล้ว ยิ่งใหญ่จะตายไป…”
“ไสหัวไปไกลๆ!”
หลู่เฟิ่งโหรวด่าออกมา ไม่สร้างปัญหาให้ฉันก็นับว่าดีมากแล้ว
———————-
[1]ยื่นลูกท้อคืนลูกพลัม หมายถึงมอบน้ำใจไมตรีต่อกัน